กรุงเทพฯ--17 พ.ย.--พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง
อีเอ็มซีเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 3
เติบโตอัตรา 2 หลักเป็นไตรมาสที่ 9 ติดต่อกัน
สืบเนื่องจากการจัดการวงจรการใช้งานของข้อมูลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
อีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น ผู้นำระดับโลกด้านการจัดเก็บและการจัดการข้อมูล รายงานผลประกอบการสำหรับไตรมาสที่ 3 ของปี 2548 โดยมีรายได้เติบโตแบบปีต่อปีในอัตราเลข 2 หลัก เป็นไตรมาสที่ 9 ติดต่อกัน การเติบโตของอีเอ็มซีในช่วงไตรมาสที่ 3 เป็นผลมาจากธุรกิจบริการที่ขยายตัว ระบบสตอเรจขนาดกลางที่เป็นผู้นำตลาด ซอฟต์แวร์สำหรับการจัดการคอนเทนต์ระดับองค์กร รวมทั้งการสำรอง กู้คืน และเก็บข้อมูลระยะยาว และซอฟต์แวร์ด้านโครงสร้างพื้นฐานเสมือนจริง (virtual infrastructure) ของวีเอ็มแวร์ (VMware)
รายได้รวมสำหรับไตรมาสที่ 3 ของอีเอ็มซีอยู่ที่ 2,370 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17% จากรายได้ 2,030 ล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2547 ส่วนกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.17 ดอลลาร์ ซึ่งรวมถึง 0.04 ดอลลาร์จากผลประโยชน์ที่เกี่ยวเนื่องกับภาษี เปรียบเทียบกับ 0.09 ดอลลาร์ต่อหุ้นในช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว กำไรสุทธิสำหรับไตรมาสดังกล่าวอยู่ที่ 422 ล้านดอลลาร์ โดยครอบคลุมถึง 106 ล้านดอลลาร์จากผลประโยชน์ที่เกี่ยวเนื่องกับภาษี เปรียบเทียบกับ 218 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2547 ถ้าหากไม่รวมผลประโยชน์ที่เกี่ยวเนื่องกับภาษีในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2548 กำไรต่อหุ้นจะอยู่ที่ 0.13 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 44% จากไตรมาสเดียวกันของปี 2547
ดร. ธัชพล โปษยานนท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อีเอ็มซี ประเทศไทย กล่าวว่า “มีบริษัทเพียงไม่กี่แห่งในอุตสาหกรรมไอทีที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับที่อีเอ็มซีทำได้ในช่วงปีนี้ สำหรับช่วงไตรมาสที่ 3 ธุรกิจของเรายังคงขยายตัวในอัตราเลข 2 หลักในตลาดสำคัญๆ ซึ่งเป็นผลมาจากพลังและความแข็งแกร่งในธุรกิจของเรา รวมถึงแนวทางที่ดีเยี่ยมที่เรานำเสนอ และการยอมรับของลูกค้าสำหรับโซลูชั่นที่หลากหลายของเรา โดยเราได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง และลูกค้าก็ให้การตอบรับที่ดีต่อผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุด”
“ในแต่ละไตรมาสที่ผ่านไป แนวทางการจัดการวงจรการใช้งานของข้อมูล (information lifecycle management - ILM) ได้รับการปรับใช้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากลูกค้าตระหนักว่า ILM เป็นวิธีที่สมเหตุสมผลและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการเพิ่มคุณประโยชน์ของข้อมูล ตอบสนองความต้องการในด้านการปฏิบัติตามข้อบังคับ และควบคุมค่าใช้จ่ายด้านไอที ในตลาดโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล แพลตฟอร์มและซอฟต์แวร์ของเราไม่เป็นรองใคร เช่นเดียวกับความสามารถของเราในการผสานรวมผลิตภัณฑ์เหล่านี้กับบริการด้านการให้คำปรึกษา เพื่อสร้างโซลูชั่น ILM แบบครบวงจร” ดร. ธัชพล กล่าวเสริม
รายได้จากระบบของอีเอ็มซีอยู่ที่ 1,090 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 15% ในช่วงไตรมาสที่ 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนรายได้จากลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์และบริการบำรุงรักษาเพิ่มขึ้น 16% เป็น 865 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น
สัดส่วน 37% ของรายได้รวมของอีเอ็มซี ส่วนรายได้จากบริการระดับผู้เชี่ยวชาญ บริการบำรุงรักษาระบบ และบริการอื่นๆ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน เพิ่มขึ้น 25% เป็น 402 ล้านดอลลาร์
ดร. ธัชพล โปษยานนท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อีเอ็มซี ประเทศไทย กล่าวว่า “เป็นอีกหนึ่งไตรมาสที่อัตราการเติบโตของเราสูงกว่าอัตราการขยายตัวของตลาด ทั้งยังมีกำไรเพิ่มมากขึ้น ผลประกอบการของเราเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หรือดีกว่าเป็นไตรมาสที่ 12 ติดต่อกัน ด้วยการดำเนินงานที่ราบรื่น เงินสดหมุนเวียนที่แข็งแกร่ง และผลกำไรที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ เรายังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อซื้อคืนหุ้น โดยเราได้ใช้จ่ายงบประมาณ 333 ล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อคืนหุ้นกว่า 24 ล้านหุ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 และเรายังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินการอย่างจริงจังในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้”
เหตุการณ์สำคัญในช่วงไตรมาสที่ 3
รายได้จากแพลตฟอร์มของอีเอ็มซีและซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นในอัตราเลข 2 หลักในช่วงไตรมาสที่ 3 โดยเป็นผลมาจากความต้องการระบบสตอเรจขนาดกลางของอีเอ็มซี ซึ่งรวมถึง EMC CLARiiON, EMC Celerra และ EMC Centera ในช่วงไตรมาสดังกล่าว อีเอ็มซีได้เปิดตัวระบบสตอเรจรุ่นใหม่ในตระกูล EMC Symmetrix และ CLARiiON ซึ่งให้ประสิทธิภาพและฟังก์ชันที่เหนือกว่าสำหรับการจัดเก็บข้อมูลแบบแบ่งระดับชั้น ทั้งนี้ลูกค้าให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้นในแพลตฟอร์มใหม่ๆ ซึ่งจะทำให้มีระดับความต้องการที่สูงสำหรับระบบ Symmetrix และ CLARiiON รุ่นใหม่ ในช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งนับเป็นไตรมาสแรกที่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าววางจำหน่ายอย่างสมบูรณ์
รายได้จากซอฟต์แวร์มัลติแพลตฟอร์มของอีเอ็มซีเติบโตในอัตราเลข 2 หลักเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายได้จากลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ด้านการสำรอง กู้คืน และเก็บข้อมูลระยะยาว ซึ่งเพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ ยังมีความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับซอฟต์แวร์ EMC Legato NetWorker, EMC EmailXtender และ EMC Replication Manager เนื่องจากลูกค้ายังคงให้ความสำคัญกับเรื่องของการคุ้มครองข้อมูลและการปฏิบัติตามข้อบังคับ ส่วนรายได้จากซอฟต์แวร์ด้านการจัดการคอนเทนต์ก็เติบโตในอัตราเลข 2 หลักเช่นกัน ในขณะที่ลูกค้าหันมาปรับใช้แพลตฟอร์มการจัดการคอนเทนต์ภายในองค์กร (enterprise content management) ในตระกูล EMC Documentum เพื่อจัดการปริมาณข้อมูลประเภทคอนเทนต์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รายได้จากบริการเพิ่มขึ้น 25% โดยเป็นผลมาจากบริการระดับผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากลูกค้าต้องการความช่วยเหลือในด้านการวางแผน จัดการ และสนับสนุนการปรับใช้แนวทาง ILM ทั้งนี้การทำสัญญาบริการระดับผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งครอบคลุมการจัดแยกประเภทของข้อมูล การย้ายและผนวกรวมข้อมูล รวมถึงการรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินงาน มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น โดยลูกค้าได้ไว้วางใจให้กลุ่มธุรกิจด้านการให้คำปรึกษาของอีเอ็มซีดำเนินการจัดการและปกป้องโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลซึ่งมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น
วีเอ็มแวร์ (VMware) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอีเอ็มซี มีรายได้รายไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยอยู่ในระดับที่สูงกว่า 100 ล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก และวีเอ็มแวร์ยังคงเป็นหนึ่งในองค์กรธุรกิจซอฟต์แวร์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก การเติบโตอย่างต่อเนื่องของวีเอ็มแวร์เป็นผลมาจากการที่ลูกค้าหันมาปรับใช้โครงสร้างพื้นฐานเสมือนจริงของวีเอ็มแวร์สำหรับระบบ x86 เพื่อตอบสนองความต้องการในเรื่องการผนวกรวมเซิร์ฟเวอร์ การรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินงาน การจัดการวงจรการใช้งานของ
ซอฟต์แวร์ และระบบเดสก์ทอปภายในองค์กร ในช่วงไตรมาสที่ 3 วีเอ็มแวร์ พร้อมด้วยคู่ค้า 15 ราย ได้เปิดตัวโครงการสำคัญ 2 โครงการ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนมาตรฐานแบบเปิดสำหรับเทคโนโลยีเวอร์ช่วลไลเซชั่น และผลักดันการนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายและการสนับสนุนระบบเวอร์ช่วลไลเซชั่น และในช่วงไตรมาสดังกล่าว ซัน ไมโครซิสเต็มส์ ยังได้เริ่มนำเสนอโครงสร้างเสมือนจริงของวีเอ็มแวร์บนผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ นอกเหนือกจากเดลล์, ฟูจิตสึ, ฟูจิตสึ ซีเมนส์ คอมพิวเตอร์, ฮิวเลตต์-แพคการ์ด, ไอบีเอ็ม, เอ็นอีซี และยูนิซิส
ข้อมูลคาดการณ์เกี่ยวกับธุรกิจ
คำแถลงด้านล่างนี้เป็นข้อมูลคาดการณ์เกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และอาจแตกต่างอย่างมากจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริง คำแถลงดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อ (1) ข้อกำหนดตามกฎหมายการสร้างงานของสหรัฐฯ ฉบับปี 2547 หรือ (2) การควบรวมกิจการ การเข้าซื้อกิจการ การขายกิจการ หรือการผนวกรวมธุรกิจที่อาจมีการประกาศในภายหลัง คำแถลงเหล่านี้ใช้ทดแทนคำแถลงทั้งหมดก่อนหน้านี้ในเรื่องข้อมูลคาดการณ์เกี่ยวกับธุรกิจที่ปรากฏในข่าวประชาสัมพันธ์ของอีเอ็มซี
ไตรมาสที่ 4 และตลอดปี 2548
รายได้รวมสำหรับไตรมาสที่ 4 ของปี 2548 คาดว่าจะอยู่ที่ 2,670 ถึง 2,690 ล้านดอลลาร์
กำไรต่อหุ้นปรับลดคาดว่าจะอยู่ที่ 0.16 ถึง 0.17 ดอลลาร์
รายได้จากการดำเนินงาน เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของรายได้ คาดว่าจะอยู่ในช่วงกว่า 10% สำหรับไตรมาสที่ 4 ของปี 2548
รายได้รวมสำหรับปี 2548 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 17%
ข้อมูลเกี่ยวกับอีเอ็มซี
อีเอ็มซี เป็นผู้นำแห่งโลกธุรกิจระบบสตอเรจ ที่คิดค้นทั้งระบบ, ซอฟต์แวร์, ระบบเครือข่าย และ การให้บริการต่างๆ ทั้งยังพัฒนาโซลูชั่นสำหรับการบริหารระบบเครือข่ายข้อมูลเพื่อช่วยให้หน่วยงานต่างๆ ทั่วโลกสามารถดึง และปรับใช้ข้อมูล
ต่างๆ ที่มีอยู่ในแต่ละส่วนของวงจรข้อมูลนั้นๆ ได้ในระดับสูงสุดโดยใช้ต้นทุนต่ำที่สุด ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอีเอ็มซี สามารถรับ
ได้ผ่านทางเว็บไซต์ www.EMC.com
สำหรับสื่อมวลชน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Khoo Yin
Senior Marcom Specialist
EMC South Asia
Tel: +65-6427-1741
Fax: +65-6333-6878
Email: khoo_yin@emc.com Local PR agency contact
เมธาวี เฉลิมธนศักดิ์
บริษัท พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง จำกัด
Tel: 0-2971-3711
Fax : 0-2521-9030
Email : Maythavee@pc-a.co.th--จบ--