กรุงเทพฯ--10 ก.ค.--คต.
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตามที่กรมฯ ได้เผยแพร่ระเบียบของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับการกำหนดระดับสูงสุดของการแพร่(Specific migration limits: SML) ของสารพลาสติกที่ฝาขวดบรรจุภัณฑ์ (ESBO) ไปสู่อาหารในระดับไม่เกิน 60 mg/kg โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2551 นั้น
เนื่องจากเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2551 สหภาพยุโรปได้ออกระเบียบคณะกรรมาธิการยุโรปที่ 597/2008 ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2551 ประกาศผ่อนผันให้สินค้าที่ฝาขวดมีสารพลาสติกหรือเคลือบด้วยพลาสติกเช่น สาร ESBO, Acetylated mono and diglycerides of fatty acids, Tri-n-butyl acetyl citrate, Glycerol monolaurate diacetate เป็นต้น ซึ่งยังไม่เป็นไปตามระดับสูงสุดของการแพร่ (SML) สารพลาสติกที่ฝาขวดบรรจุภัณฑ์ไปสู่อาหารตามระเบียบใหม่ ให้สามารถวางจำหน่ายในตลาด สหภาพยุโรปได้ต่อไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2552
ทั้งนี้คณะกรรมาธิการยุโรปให้เหตุผลในการขยายระยะเวลาดังกล่าวว่า เนื่องจากผู้ประกอบการยังไม่สามารถหาฝาที่เป็นไปตามระเบียบใหม่ในปริมาณที่เพียงพอกับการบรรจุสินค้าอาหารที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน เช่น อาหารที่แช่ในน้ำมันเพสโต และซ๊อสอื่น ๆ ที่มีส่วนประกอบของไขมันได้และฝาที่ผลิตได้ตามระดับ SML ที่กำหนดยังมีไม่ครบทุกขนาดของขวดที่ใช้ บรรจุอาหารและยังไม่สามารถใช้ได้กับทุกสินค้า รวมทั้งในกรณีของการเก็บรักษาสินค้าในระยะเวลานาน ยังไม่สามารถหาวิธีลดการแพร่ของสารพลาสติกสู่อาหารที่สัมผัสได้
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า การที่สหภาพยุโรปได้ขยายระยะเวลาในการบังคับใช้ระเบียบกำหนดระดับสูงสุดของการแพร่ (SML) ของสารพลาสติกที่ฝาขวดบรรจุภัณฑ์ ทำให้ผู้ประกอบการไทยมีระยะเวลาในการปรับตัวในด้านเทคโนโลยีการผลิตและหาฝาขวด บรรจุภัณฑ์อาหารให้เป็นไปตามระเบียบที่กำหนดได้
อนึ่งไทยส่งออกสินค้าอาหารไปจำหน่ายในสหภาพยุโรป มีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 80,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12 ของมูลค่าการส่งออกไปสหภาพยุโรปทั้งหมด โดยในปี 2550 มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 89,680 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีมูลค่าส่งออก 74,900 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 19 สำหรับในปี 2551 (ม.ค.-พ.ค.) มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 45,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 26