บลจ.บีที ออกกองทุนคุ้มครองเงินต้น

ข่าวทั่วไป Friday October 14, 2005 10:42 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 ต.ค.--บลจ.บีที
บลจ.บีที เล็งจังหวะผลตอบแทนสดใส พร้อมออกกองทุนตราสารหนี้ 2 ปี กำหนดเวลาจ่ายคืนผลตอบแทนทุก 3 เดือน พิเศษกว่ากองอื่นเพราะจ่ายเงินค่าขายหน่วยให้คนอื่นที่ผู้ลงทุนต้องการได้ มุ่งสร้างวัฒนธรรมการลงทุนที่เสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว
ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บีที จำกัด ให้ความเห็นเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยปีหน้าว่า “จากการคาดการณ์ปัจจัยหลัก ๆ ในเบื้องต้นคาดว่าอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1.0%-1.5% ในปีหน้า โดยมีปัจจัยสนับสนุนทั้งจากภายนอกและภายในประเทศ เช่น Fed Fund Rate ซึ่งมีแนวโน้มจะปรับตัวไปถึง 4.50 - 4.75 % ในช่วงครึ่งแรกของปี 49 ในขณะที่คาดกันว่าอัตราดอกเบี้ย R/P 14 วัน ก็น่าจะปรับตัวสูงขึ้นตาม นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยในช่วงไตรมาสที่ 4 จะอยู่ที่ระดับ 6-7% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งในช่วงนี้ หากผู้ลงทุนมีเงินเย็นที่สามารถลงทุนได้ระยะปานกลาง เช่น 2 ปี และไม่พอใจกับผลตอบแทนของการลงทุนระยะสั้น ๆ เช่น 3 เดือน 6 เดือน ก็อาจขยายเวลาการลงทุนให้ยาวขึ้น เพื่อโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่า โดยปัจจุบันอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลซึ่งเป็นตราสารความเสี่ยงต่ำสุด อายุ 2 ปี อยู่ที่ประมาณ 4.64%”
กองทุนเปิดไทยแคร์ตราสารหนี้ เปิดเสนอขายครั้งเดียว ระหว่างวันที่ 13-25 ต.ค. 48 มีอายุกองทุน 2 ปี มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และเอกชนที่มีคุณภาพ มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้นสูง มีกำหนดการจ่ายคืนผลตอบแทนทุก 3 เดือน และเปิดให้ผู้ลงทุนสามารถจ่ายคืนผลตอบแทนนั้นให้กับผู้อื่นได้ เช่น สามี ภรรยา ลูก หรือพ่อแม่
“บลจ.บีที พยายามการสร้างบริการในกองทุนใหม่ ๆ ที่อำนวยความสะดวก ให้กับผู้ลงทุน เช่น กองทุนไทยแคร์ตราสารหนี้ เน้นการเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนได้ลงทุนให้กับบุคคลที่รัก เช่น ภรรยา ลูก หรือ พ่อแม่ โดยท่านเหล่านี้จะได้รับเงินจากกองทุนเป็นระยะๆ ในเดือน มีค. มิย. กย. และ ธค. บลจ.บีที จะทำรายการให้อัตโนมัติ ผู้ลงทุนไม่เสียเวลาในการติดต่อ ผู้สนใจลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.บีที โทรศัพท์ 02-686-9500 เรามุ่งมั่นส่งเสริมวัฒนธรรมการลงทุนที่จะไปเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว” ดร.อนุสรณ์กล่าว--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ