at office: Executive Interview July’51 คุณบอย AF

ข่าวทั่วไป Friday July 11, 2008 14:56 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ก.ค.--สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์
at office: คุณบอยมีวิธีการเลือกรายการให้เหมาะสมกับคนดูซึ่งเป็นคนไทยอย่างไรคะ
คุณบอย: เนื่องจากเราต้องการให้รายการของเราเป็นผู้นำหรือ eyes opener คือเปิดโลกทัศน์ให้กับคนดูได้ให้ความรู้ พอทีมงานเราไปดูที่ต่างประเทศเนี่ย ผมไม่ได้หมายถึงว่าประเทอื่นมีดีกว่าประเทศเรา แต่ผมหมายถึงว่างานของเขาก็มีเรื่องที่ดีที่ทำให้คนไทยได้คิดได้สำนึกน่าจดจำหรือน่าเรียนรู้และเอามาเป็นแบบอย่างเลยนำกลับมาให้คนไทยได้ดู ไม่ได้แต่เฉพาะความบันเทิงเท่านั้น ผมยกตังอย่าง เช่น ช่อง Exzite ที่มีรายการทีวีแชมเปี้ยน เรื่องผีหรือเรื่องอะไรต่าง ๆ ก็ให้ความรู้ด้วยโดยเฉพาะรายการทีวีแชมเปี้ยนเราจะได้เห็นความพยายามของคนประกอบความรู้ในเรื่องนั้น ๆ ที่เขาแข่งขันกัน
at office: คุณบอยคงเคยได้รับฟังถึงเสียงตอบรับของรายการที่นำมาฉายว่าเป็นอย่างไร
คุณบอย: ครับ จากสมาชิกหรือจากเพื่อน ๆ ก็มักจะได้รับคำชมเสมอว่าโห! รายการแบบนี้ดีจริง ๆ เลยยังไม่เคยดูรายการแบบนี้มาก่อนเลย ซึ่งผมก็พูดได้ว่าเราก็ยังยึดในการเป็นผู้นำเทรนด์ในการนำอะไรใหม่ ๆ เข้ามาให้กับคนดูเพื่อเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับสมาชิก
at office: แล้วกับรายการ Academy Fantasia อยากให้เล่าความเป็นมาสักเล็กน้อย
คุณบอย: คือช่วงสิบปีที่ผ่านมาในต่างประเทศเขาเริ่มมีรายการ Reality Show เกิดขึ้นและประสบความสำเร็จ อย่างเช่น Survival หรือ Big Brothers แล้วประจวบกับทางผู้บริหารก็บอกว่าทางเราน่าที่จะทำ แล้วก็มีรายการ Pop Idol ซึ่งเป็นรายการ Reality ที่ดังมากเกิดขึ้นซึ่งเป็นของอังกฤษ ผมก็เอามาศึกษาดู พอเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาเพื่อน ๆ ต่างชาติที่ผมมักจะเจอในต่างประเทศเวลาที่เราออกไปซื้อหนังที่เจอกันตามงานเลี้ยงสังสรรค์ชาวมาเลเซียก็มาบอกผมว่าเขาทำรายการ Reality Show รูปแบบแบบ Academy Fantasia เนี่ยแล้วประสบความสำเร็จมากผมน่าจะทำ คนขายที่เป็นคนเม็กซิกันก็มาคุยกับผม ผมก็เอามาดู พออีก 6 เดือนต่อมาเพื่อนชาวอินโดนีเซียก็เอารูปแบบจากเม็กซิโกไปทำบ้างปรากฏว่าก็ประสบความสำเร็จมาก ผมก็เลยเสนอเข้าที่ประชุมกับทางคณะกรรมการของบริษัทเราว่าน่าจะทำ ก็ได้รับการอนุมัติให้ทำงบโปรดักชั่น 50 ล้านบาทซึ่งถือว่าใหญ่มากของยูบีซี แต่ที่อินโดนีเซียกับมาเลเซียที่เขาทำเนี่ยเขาไม่ได้ทำเป็น Reality 24 ชั่วโมง เขาจะตัดแค่ช่วงไฮไลท์ 15 นาทีกับช่วงคอนเสิร์ตมาให้ดูเนื่องจากของเขาเป็นฟรีทีวี แต่ของเขาก็ทำรูปแบบเหมือนที่เราทำปัจจุบันเปี๊ยบเลยคือมีกล้องซ่อนและถ่ายตลอดเวลาเพียงแต่ตัดเอามาให้คนดูเท่านั้น ผมก็ไปปรึกษากับคุณฟรองซัวส์ผู้บริหารว่าถ้าทำเป็น 24 ชั่วโมงจะมีคนดูเหรอ คุณฟรองซัวส์ก็บอกผมว่าไม่รู้ยังไงนะแต่ที่แอฟฟริกาใต้เขาทำรูปแบบ 24 ชั่วโมงแล้วคนกลับบ้านไปดูทุกวันเลย ก็เลยตกกลงทำ 24 ชั่วโมง แล้วปีแรกที่ทำก็ประสบความสำเร็จตามที่คาดไว้เหมือนกับที่ประเทศอื่นทำคือพอสัปดาห์ที่สี่รายการก็จะถึงจุดพีคพอดี
at Office: ทำไมต้องเป็นสัปดาห์ที่สี่ด้วยคะที่คนดูให้ความสนใจสูงสุด
คุณบอย: มันคงถึงจุดคนดูเริ่มติด ปากต่อปากด้วย
at office: มีคนดูพูดกันมากว่าทุกซีซั่นของผู้เข้าประกวดผู้ที่ได้รางวัลชนะเลิศจะต้องเป็นผู้ชายเนื่องจากคนที่โหวตให้เป็นผู้หญิงกับเพศที่สาม
คุณบอย: คือผมว่าโดยธรรมชาติเนี่ยพฤติกรรมผู้ชายอาจจะไม่ชอบโหวตแต่ผู้หญิงหรือเพศที่สามอาจจะชอบโหวตมั้งผมไม่ทราบ แต่ว่าในต่างประเทศเนี่ยรายการ American Idol ผู้หญิงก็เคยถูกโหวตได้มาแล้ว ปีนี้ไม่แน่ผู้หญิงก็อาจจะถูกโหวตให้ได้ก็ได้ เพราะจริง ๆ แล้วเนี่ยตอนที่โหวตผมก็ไม่รู้ว่าใครโหวตให้บ้าง
at office: แล้วกับข่าวที่ออกมาว่ามีการล็อคตัวคนที่ได้ที่หนึ่งล่ะคะ
คุณบอย: ผมอยากจะยืนยันว่าผมมีอยู่จุดประสงค์เดียวคือผมเป็นคนคุมเรื่องเนื้อหารายการ ฉะนั้น ผมต้องทำรายการให้สนุกเพราะผมเป็นคนรับผิดชอบรายการทั้งหมดของกลุ่มทรู ผมไม่มีจุดประสงค์แอบแฝงอื่นใดออย่างเช่นว่า จะต้องเอาผู้หญิงคนนี้ออกไปจากบ้านนี้ก่อนผู้ชายคนนี้เพราะผมอยากได้ผู้ชายคนนี้มาเป็นนักร้องหรือดารา เด็กบางคนที่เข้ามาในบ้านเขามีความฝันเข้ามาฝึกอะไรต่าง ๆ ในบ้านสามเดือน เมื่อเขาออกจากบ้านไปแล้วถ้าเขาชอบสายอาชีพนี้เขาก็ไปต่อ แต่ถ้าเขาไม่ชอบเขาก็กลับไปเรียนหนังสือต่อ ผมถือว่ารายการ Academy Fantasia คือ Flagship หน้าที่ผมคือต้องทำให้ดังให้สนุกก็เท่านั้น
at office: แน่นอนว่าต้องมีสื่อมาถามในจุดนี้เยอะ คุณบอยได้อธิบายอย่างไรคะ
แต่ถ้าพูดว่าล็อคหมายถึงผมโกหกกับผมโกงคะแนน บริษัททรูเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ทุกอย่างต้องโปร่งใส แล้วบริษัททรูวิชั่นไม่ใช่บริษัทโทรศัพท์เวลาที่คนทางบ้านโหวตข้อมูลทั้งหมดจะไปอยู่ที่บริษัทโทรศัพท์ ถ้าจะโกงมันต้องโกงทั้งสองบริษัท ผมถามว่าในปีแรกเรามีโอเปอร์เรเตอร์หลายโอเปอร์เรเตอร์ถามว่าผมจะโทรไปบอกบริษัทโทรศัพท์ทุกบริษัทให้ช่วยล็อคเลขนี้กับผมหน่อยได้มั้ยใครเขาจะมาร่วมโกงกับผมล่ะ แล้วของพวกนี้มันต้องถูกเก็บไว้ตรวจสอบเพราะคุณเล่นกับมวลชน คืออธิบายแค่นี้สื่อต่าง ๆ ก็เข้าใจแล้ว คือผมไม่รู้จะไปโกงทำไมเพื่อให้เด็กคนนี้ได้แล้วบริษัททรูซึ่งเป็นบริษัทใหญ่พังเพื่อให้เด็กคนหนึ่งได้เป็นนักร้อง มันเทียบกันไม่ได้เลยกับสิ่งที่จะสูญเสียคิดดูว่ามันควรจะทำหรือเปล่า
at office: มีการปรับเปลี่ยนอะไรตรงไหนมั้ยคะเพื่อให้เข้ากับคนไทย
คุณบอย: วัฒนธรรมบ้านเราจะไม่ชอบให้เล่นกับเรื่องของความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาว ประเทศอื่นเขาอาจจะเอาจุดนี้มาเล่น แต่ของเรา ๆ จะห้ามเราจะมีครูใหญ่อยู่ในบ้านคอยควบคุมพฤติกรรมของคนในบ้าน เพราะรายการของเรามีคนดูเยอะและทุกเพศทุกวัยตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ที่สูงอายุ เพราะฉะนั้น รายการเราค่อนข้างคำนึงถึงวัฒนธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณต่าง ๆ
at office: จริง ๆ แล้วรูปแบบที่เราซื้อมาจากเม็กซิโกนั้นเราต้องทำเหมือนเขาเปี๊ยบเลยมั้ย
คุณบอย: ฟอร์แมทหรือรูปแบบที่เราซื้อมาจากเม็กซิโกนั้นเราก็คือถือว่าเป็นการให้เกียรติกับเจ้าของไอเดีย แต่ที่เขาให้เรามานั้นมันเป็นแค่รูปแบบหลวม ๆ เท่านั้นว่าต้องมีสิบสองคน มีป๊อบปูล่าโหวต มีคอมเม้นเตเตอร์ ส่วนถ้าทางเราจะครีเอทเพิ่มเติมเข้าไปก็สามารถทำได้ อย่างเรื่องของแขกรับเชิญ เซอร์ไพรส์ หรือวันแม่ของเรา พวกนี้เราก็คิดเอง ทางบริษัทที่เม็กซิโกเขายืดหยุ่นมาก
at office: ในเมื่อเป็นรายการสด 24 ชั่วโมงเคยมีเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่จะต้องแก้ไขกันเดี๋ยวนั้นมั้ยคะ
คุณบอย: มีตลอด อย่างช่วงปีแรกที่ออกอากาศก็จะมีปัญหาเรื่องไมค์ดังบ้างไม่ดังบ้างเราก็ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปเปลี่ยนเดี๋ยวนั้นคนดูก็เห็นว่าเข้าไปเปลี่ยน ทีแรก ๆ น้อง ๆ ที่ทำโปรดักชั่นเขาก็จะเครียดกันว่าทำยังไงดี ผมก็บอกว่ารายการเราสดก็ต้องเข้าไปเปลี่ยนได้เลย พอปีต่อ ๆ มาก็ใช้วิธีหลบกล้องเอาแล้วในบ้านจะมีกล้องซ่อนอยู่เป็นสิบ ๆ ตัว ฉะนั้น เราสามารถตัดไปเป็นกล้องอีกตัวได้ ปีแรกปัญหาจะเยอะมากคุณคิดดูว่าคนสิบสองคนเข้าไปอยู่ในห้องเดียวกันแล้วพูดพร้อมกันคุณจะเปิดไมค์ยังไงล่ะ เพราะเปิดไมค์ทีเดียวสิบสองตัวมันตีกันมันฟังไม่รู้เรื่องเราทำไม่ได้ ตอนแรกที่คนสิบสองคนพูดพร้อมกันแล้วยิงไมค์เท่า ๆ กันทุกคน คนทางบ้านฟังไม่รู้เรื่องเลยเพราะเสียงมันตีกันยุ่งไปหมด เราเลยแก้ปัญหาโดยการยิงไมค์ไปที่คนที่พูดเยอะที่สุด คนที่พูดน้อยก็ดับไมค์ไปเลยเหมือนเล่นละครน่ะ คุณต้องจับตัวเอกให้ได้หรือตัวละครเด่น ๆ ที่คุยกัน ส่วนที่พูดแทรก ๆ เข้ามานิด ๆ หน่อย ๆ อย่าง ใส่น้ำปลาแล้วมันเค็มมากมั้ย อะไรพวกนี้เราก็ตัดไป แต่พวกที่คุยมีเนื้อหา เช่น ผมร้องไม่ได้เลย เราก็ดึงไมค์ขึ้น
at office: คุณบอยคิดว่าอะไรเป็นองค์ประกอบทำให้รายการ Academy Fantasia ดังคะ
คุณบอย: ผมคิดว่ามันอยู่ได้เพราะมันเกี่ยวกับเรื่องเพลง แล้วรายการที่เกี่ยวกับประกวดร้องเพลงมันก็อยู่กับชีวิตมนุษย์มานานแล้ว ผมว่ามนุษย์เรามีความผูกพันกับเสียงเพลงมานาน
at office: AF ก็มาถึงซีซั่น 5 แล้วคนดูย่อมต้องคาดหวังความแปลกใหม่ที่แตกต่างจากซีซั่นก่อน ๆ
คุณบอย: AF 5 ก็คือภาคห้าเด็กที่เข้ามาในบ้านก็เปลี่ยนไปด้วยคาแร็คเตอร์มันย่อมไม่เป็นตี๋ ไม่เป็นบอย ไม่เป็นแจ็ค ดราม่าในบ้านก็เปลี่ยนไปก็เปลี่ยนไปตามคาแร็คเตอร์ของคนในบ้าน
at office: แล้วกับกระแสข่าวในเว็ปที่คนชอบไปโพสท์ว่า AF ตั้งใจเลือกเด็กเข้ามาในบ้านให้แตกต่างจะได้มีรสชาติในการดู
คุณบอย: มีกระแสข่าวพูดถึงเยอะ ๆ สิดีผมชอบ ยิ่งวิจารณ์มากยิ่งสนุกผมชอบในเว็ปผมชอบดู อย่างคนดูวิจารณ์นัทกับต้อลสองคนนี้ชอบคุยกันบ่อย ๆ แล้วชอบไปแอบคุยกันอีกด้วย มีนักข่าวมาถามผมเรื่องนัทต้อลทุกอาทิตย์เลย คนดูก็หาว่ารายการโฟกัสไปที่คู่นี้เพราะกล้องชอบไปถ่ายไอ้คู่นี้ ที่จริงแล้วมันไมใช่
at office: มาถามเรื่องของคุณบอยบ้างดีกว่า ทราบมาว่าเป็นคนสองบุคลิคคือเป็นทั้งครีเอเตอร์และผู้บริหารในตัวเอง
คุณบอย: จริงครับ ผมเป็นคนสองบุคลิคในตัว คือผมทำงานได้ทั้งสองแบบผมทำได้ทั้งงานสร้างสรรค์ที่ต้องใส่เสื้อยืดและงานบริหารที่ต้องใส่สูท และเวลาผมหาคนผมก็ต้องการคนที่มีเป็นแบบนี้เหมือนกัน เพราะงานผมจะมีงานเรื่องการเจรจาด้วยซึ่งจะเกี่ยวข้องกับเอกสารเข้าที่ประชุมซื้อขายรายการแล้วเอาทนายความเข้าไปขับเคี่ยวกันเหมือนในหนังที่คุณดูเลย แต่ในขณะเดียวกันผมก็ต้องทำในส่วนของการสร้างสรรค์ด้วย
at office: แล้วคุณบอยชอบด้านไหนมากกว่ากันคะ ถ้าต้องเลือก
คุณบอย: ผมชอบทั้งสองแบบ แล้วผมชอบงานที่ทำอยู่ด้วยสิ แล้วงานเจรจาที่ผมทำมันเป็นเรื่องท้าทายเป็นเรื่องของคอนเน็คชั่นเป็นเรื่องของการชิงไหวชิงพริบและและคุณสามารถนำไปใช้ได้จริงไม่ว่าจะไปอยู่ในธุรกิจไหนก็ตาม ส่วนที่เป็นงานที่สร้างสรรค์ใคร ๆ ก็อยากทำเพราะมันสนุกมันอิสระ แต่ถ้าสามารถสร้างสมดุลระหว่างสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันได้ดีมันจะเป็นอะไรที่เหมาะมากสำหรับงานที่ผมทำอยู่และผมคิดว่าจะสามารถประสบความสำเร็จหรือไปถึงเป้าหมายได้เป็นอย่างดี คนจำนวนน้อยมากที่จะได้ทำงานควบสองอย่างแบบนี้ บริษัทนี้ไม่มีตอกบัตรแต่คุณต้องทำงานของคุณให้ดี ผมถือว่างานศิลป์เป็นอะไรที่ออกมาจากตัวตนของคุณเองสอนกันไม่ได้ แต่เรื่องของการบริหารหรือเจรจาต่อรองเป็นเรื่องของการต้องเรียนรู้และประสบการณ์ และผมก็ถือว่าผมโชคดีที่มีทั้งสองด้านอยู่ในตัวเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ