กรุงเทพฯ--14 ก.ค.--อาร์เอส
มากกว่า 6 ปี ที่ผู้หญิงคนนึงลุกขึ้นมาทำหน้าที่บอกเล่าทุกเรื่องราวของผู้หญิงให้ใครๆได้รับรู้ ด้วยภาษาที่ตรงจนหลายๆคนว่า "แรง" ผ่านการร้องที่เต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกของผู้หญิง ที่ทำให้หลายคนบอกว่า สะใจ ออกมาให้ได้ฟังกันอย่างต่อเนื่องและ ตลอดกว่า 6 ปีที่ผ่านมา แฟนเพลงของ ปาน ธนพร บอกว่าทุกครั้งที่ฟัง เพลงปาน รู้สึกเหมือนกำลังดูละครที่มี ปาน เป็นคนเล่าเรื่องของผู้หญิงผ่านทางเสียงที่เข้าถึงอารมณ์ และยากที่ใครจะเลียนแบบ
ในอัลบั้มที่ 6 ผู้หญิงยิ่งกว่าละคร ปาน ว่า เพราะอะไร “ผู้หญิง...ยิ่งกว่าละคร” ? ก็เพราะในชีวิตจริงผู้หญิงคนนึงมีความหลากหลายของอารมณ์ ความรู้สึก รวมถึงมีความซับซ้อน ก็คงไม่ต่างอะไรกับบทละครเรื่องนึงที่มีหลายรสชาตินั่นเอง นอกจากจะได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเพลงในอัลบั้ม "ผู้หญิงยิ่งกว่าละคร" กันแล้ว วันนี้ "ปาน" ได้เผยความรู้สึกที่มีต่อแง่มุมความรัก ในแบบผู้หญิงยุคปัจจุบันด้วย
พูดถึงงานเพลงชุดนี้ ใช้เวลาทำนานแค่ไหน?
Parn : เอาเป็นว่า พี่ไปโฟกัสที่ทีมเพลงก่อนแล้วกันนะคะ เพราะงานเพลงของพี่กับการทำงานในห้องอัดเราจะใช้เวลาไม่นาน แต่กับเวลาที่คิดและวางคอนเซ็บต์ต่อไปว่าจะทำอะไรเนี่ยค่อนข้างนาน คือพอจบชุดนึงทีมงานเค้าจะต้องคิดกันต่อเลย ทีมเพลงจะทำงานกันเป็นปี ๆ คิดวนว่าชุดนี้ปานจะพูดอะไร ชุดที่แล้วปานพูดแบบนี้แล้ว ชุดนี้ถ้าพูดแล้วเราหักมุมเราจะต้องหักมุมแบบไหน พูดถึงอะไร ส่วนงานในห้องอัดของพี่ไม่นานค่ะ ไม่เคยเกินเดือน
โจทย์ของชุดนี้?
Parn : คือโจทย์แวบแรกเลยก็ต้องเป็นเรื่องของผู้หญิงอยู่แล้ว เพราะครั้งแรกที่เราทำอัลบั้มออกมา ผลตอบรับที่ได้คือมีผู้หญิงฟังมาก แฟนเพลงเราส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง และผู้หญิงที่ฟังเพลงของเรามักมีชีวิตที่ผิดหวังเกินครึ่ง จริง ๆ แล้วเวลาที่เราไปร้องเพลง มักจะเจอภาพที่เราไปเห็นในที่ต่าง ๆ พี่ก็จะเอาข้อมูลเหล่านั้นมาบอกกับทีมเพลง อย่างบางทีเราร้องเพลงไปในบรรยากาศสนุกสนาน ที่เป็นผับหรือบาร์ คนส่วนใหญ่เค้าก็จะสนุกสนานกันไปแต่บางคนเค้าร้องไห้ก็มีไง มันเหมือนกับว่าเพลงบางเพลงมันไปแทงใจเค้า ไปโดนช่วงชีวิตช่วงนั้นของเค้าพอดี เพลงของเราก็ไปทำงานกับหัวใจของเค้า มันเลยทำให้เค้าร้องไห้อะไรแบบนี้ เราก็เอาเรื่องอย่างนี้ หรือสิ่งที่เราไปเจอมา เอามาบอกกับทีมงานว่าเราไปเจออะไรบ้าง เพราะฉะนั้นแวบแรกที่เค้าทำเค้าต้องรักษาใจผู้หญิง หรือไม่ก็ต้องทำให้ผู้หญิงพวกนั้นรู้สึกปลดปล่อยอะไรบางอย่างที่ค้าง หรือว่าใครก็ตามที่รู้ว่าโดนทรยศเรื่องความรักเหลือเกินเนี่ย เจอแต่เหตุการณ์ที่มืด ๆ ดำ ๆแบบนี้ แน่นอนว่า "ปาน ธนพร" จะต้องไปสนองอารมณ์ทำให้อารมณ์เค้าคลายลง หรือไปเพิ่มโทสะก็ไม่รู้ก็แล้วแต่นะ
7 ปีเนี่ยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไหมคะ ดีกรีความรุนแรง?
Parn : ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นะคะ ถ้าในแง่ของความรุนแรง อย่างภาษาเนี่ยมันก็จะลึกลงไปเรื่อย ๆ ยิ่งเราเดินมาตรงนี้มันก็ต้องยิ่งชัดเจน การทำงานตรงนี้พี่ว่าถ้าไม่ชัดเจนมันจะไม่เห็นอะไร เหมือนกับว่าเราก็ต้องกล้าแลกเหมือนกัน แลกกับสิ่งที่เราต้องโดนวิจารณ์ว่าทำไมต้องใช้ถ้อยคำขนาดนี้ รุนแรงขนาดนี้ แต่ในขณะที่เราใช้ถ้อยคำที่รุนแรงแบบนี้ และทำขนาดนี้เนี่ย มันก็มีคนกลุ่มนึงที่มากซะด้วยที่พอใจจะได้ฟังแบบนี้ และสะใจที่จะได้ยินแบบนี้ สุดท้ายแล้วมันเป็นการเล่นกับอารมณ์ของคน และการที่เราจะเล่นกับอารมณ์ของคน พี่มองว่ามันเป็นเรื่องที่มันซับซ้อน และก็ลึกซึ้ง อย่างคนที่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็จะไม่มีวันเข้าใจไงคะ ซึ่งเวลาที่เรารีเสิร์ทแล้วคนที่มีความรักที่ราบเรียบเนี่ยมันน้อยมากถ้า 100% เนี่ยมันจะมีซัก 10% ส่วนอีก 90% เนี่ยคือมีปัญหา หนักเบาต่างกันไป ซึ่งเราก็ต้องถนอมไอ้ตรง 90% ก่อน คนที่เค้ามีความสุขอยู่แล้ว เราคงไม่จำเป็นต้องไปเพิ่มให้เค้านะ เพราะเค้าก็รู้จักที่จะเพิ่มให้ตัวเองอยู่แล้วใช่ไหม แต่ตรง 90% เค้าก็พยายามที่จะเพิ่มแล้วแต่ถ้าอีกฝ่ายนึงไม่เอาด้วยมันก็ลำบาก เพราะฉะนั้นเราก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ถ้าเราเติมเต็มความรู้สึกให้เค้าได้ หรือแสดงถึงความเข้าใจเค้าในภาวะที่เค้าเจอได้มันก็เหมือนกับว่าอย่างน้อยในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ในขณะที่ฉันทุกข์ที่สุดเนี่ยก็ยังมีเพลงซักเพลงที่มาเข้าใจหัวใจฉัน และถึงแม้ว่าวันนึงชีวิตวันข้างหน้าของเค้าไปเจอสิ่งที่ดีงามแล้ว แต่เพลงเราก็จะอยู่ในช่วงนึงของความทรงจำ ว่าเค้าเคยมีเพลงนี้อยู่กับเค้า ไม่ว่าเพลงมันจะทำให้เค้ามีโทสะก็ตาม หรือจะทำให้เค้าเข้าใจโลกมากขึ้นก็ตาม อย่างน้อยเราก็อยู่ในการเดินทางนึงของเค้าค่ะ
พี่ปานมีเพลงประจำตัวไหมคะ ตั้งแต่ร้องเพลงมา?
Parn : ส่วนใหญ่จะเป็นเพลงที่ซ่อนๆอยู่ในอัลบั้ม พวกเพลงไม่ผิดหวัง อย่างเช่นเพลงที่ชื่อ "ไม่ผิดหวัง เพราะไม่ได้หวัง” เพลงนี้เป็นมุมที่พี่พยายามจะบอกตัวเองเสมอ
ผู้หญิงกับความรักในปัจจุบัน?
Parn : อย่างเราทำงานกับอารมณ์ของคน เราก็จะได้เห็นอะไรเยอะ มากกว่าคนปกติ เวลาทำงานเราต้องรู้จักควบคุมอารมณ์เวลาที่เราอยู่บนเวที เพราะ ณ เวลาเดียวกันคนที่ฟังเพลงเราแต่ละคนก็จะมีอารมณ์ต่างไป และจริง ๆ เดี๋ยวนี้มีผู้หญิงที่คิดแบบพี่เยอะ และมีแนวโน้มที่จะมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย เพราะผู้หญิงยุคนี้ดูแลตัวเองได้ ตราบใดที่ดูแลตัวเองได้และเติมกำลังใจของตัวเองให้เต็มอยู่เสมอ มันก็จะไม่ต้องการสิ่งอื่น หรือไม่ต้องให้ใครมาเติมให้ มันจะไม่มีผล หรือมีมันก็น้อยมาก อย่างเวลาเราเหงาเราต้องบอกตัวเองว่าเราเหงานะ อย่าหลอกตัวเอง หรือแม้ว่าเราผ่านมาแล้วก็ตามเราก็ต้องทำความเข้าใจให้ได้เราก็จะรู้ว่ามนุษย์มีอารมณ์ที่เป็นแค่ภาวะ มันไม่ได้ถาวร เมื่อเราเข้าใจตัวเองได้ ตามดูรู้ทันเราก็จะไม่ทุกข์มาก และพี่คิดว่าในอนาคตแนวโน้มของคนที่เป็นแบบนี้จะเยอะมากด้วย
ทำไมถึงใช้ชื่ออัลบั้มว่า "ผู้หญิงยิ่งกว่าละคร"?
Parn : เราต้องรู้ว่าในปัจจุบันสิ่งที่เราเห็นใน MV หรือในละครนั้น จริง ๆ แล้วในความจริงแล้วชีวิตจริงมันมากกว่านั้น ละครไม่สามารถถ่ายทอดได้หมดด้วยซ้ำ แต่บางอย่างมันเอาออกมาเป็นข่าวไม่ได้เพราะอาจจะไปเป็นทางชี้นำให้กับบางคนคิดว่าสิ่งที่เห็นมันคือสิ่งที่ถูกต้อง คิดว่าทำแบบนี้แล้วดี ทำแบบนี้แล้วได้มาซึ่งชัยชนะ อย่างพี่แต่ก่อนไม่เชื่อนะว่าคนเรามันจะร้ายกันได้ขนาดนั้นเลยเหรอ ทั้งวางยาผิด ใส่ร้ายกัน แต่จริง ๆ มันมีกันมาตั้งนานแล้วและมันมีมากกว่านั้นด้วยซ้ำ ว่าการที่คน ๆ นึงต้องการจะได้มาซึ่งอะไรซักอย่างมันสามารถทำอะไรได้บ้าง อัลบั้มนี้ถึงออกมาให้เรารู้ว่าปัจจุบันเราใช้ชีวิตกันยังไง เราอาจจะไม่ได้มองตัวเองด้วยซ้ำ เพราะเราไม่รู้ทันใจตัวเองว่าจริง ๆ แล้วเราใช้ชีวิตนี้ด้วยการเล่นละคร สุดท้ายเราก็ต้องกลับมาดูตัวเองว่า
เราใช้ชีวิตยิ่งกว่าละครหรือเปล่า เรามีชีวิตแบบนั้นนะ แต่เราไม่รู้ว่าการอยู่คนเดียวนั่นแหล่ะคือตัวตนที่แท้จริงว่าเรา เราจะรู้ว่าเราเป็นคนแบบไหน หรือคิดอะไร เหมือนเวลาที่เราอยู่กับหมาแมว หรืออยู่กับอะไรที่ตอบโต้เราไม่ได้นั่นแหล่ะคือตัวตนของเราจริง ๆ แต่เมื่อเราก้าวย่างออกจากบ้านแล้วเนี่ยความเป็นตัวตนของเราจะลดลง 50 % เพราะทุกคนต้องการยอมรับใช่ไหม ไม่ว่าจะทางใดก็ตามแม้เราจะยอมฝืนใจตัวเอง เพราะเรากลัวการที่จะถูกรังเกียจ กลัวการที่ไม่ถูกรัก ชุดนี้ก็เลยสรุปได้เลยว่าผู้หญิงปัจจุบันใช้ชีวิตกันแบบนี้ ชีวิตที่เป็นยิ่งกว่าละคร
พอใจกับชื่ออัลบั้ม?
Parn : มันชัดเจนนะคะ อย่างสัญชาตญาณหญิงนี่ก็ชัดเจน แต่มันเป็นแค่ความรู้สึกแวบแรกที่ถูกผลักออกไป แต่คำว่า "ผู้หญิงยิ่งว่าละคร" ด้วยบทเพลงที่มันวางมาทั้ง 10 เพลงเนี่ย บางครั้งมันเป็นละครซ้อนละคร อย่างในอัลบั้มจะมีเพลงชื่อ "ผู้หญิงยิ่งว่าละคร" เลย มันเป็นการพูดถึงความรัก การที่ผู้หญิงต้องทำอะไรเพื่อผู้ชายคนนึงมากมายเหลือเกิน สุดท้ายแล้วมันก็คือการแค่อยากอยู่ข้างคนที่เรารักและเราก็แค่ต้องการการยอมรับ เราไม่เคยยอมใครแต่ทำไมเราต้องยอมเธอเพราะอะไร เหมือนเวลาที่เราต้องการให้ผู้ชายคนนึงรักเรา เราก็ต้องยอมทำทุกอย่าง แล้วเพลงนี้เป็นเพลงนึงที่มันสะท้อน และชัดที่สุดในอัลบั้ม
ทำไมถึงเลือกเพลง "เบอร์นี้..ไม่มีคนของเธอ" เป็นเพลงแรกคะ ?
Parn : เราต้องมองก่อนว่า เราอยู่ในยุคของการสื่อสารเป็นหลักนะคะ ใครจะมานั่งนึกว่าเดี๋ยวนี้ ทุกคนอยากได้ริงโทนแปลก ๆ เสียงรอสายที่เป็นเพลงโดนๆ มันเป็นโลกของยุคที่เป็นโทรศัพท์ แล้วก็มีใครหลาย ๆ คนใช้โทรศัพท์ ในการอะไรหลาย ๆ อย่างให้ชีวิตตัวเองดำเนิน และนี่ก็เป็นอีก 1 เพลงที่พี่สะท้อนให้เห็นว่ามันมีคนแบบนี้จริง ๆ คนที่รู้นะว่าผิดแต่จะทำ รู้นะว่าเค้ามีเจ้าของก็จะเอา มันมีให้เห็นจริง ๆ แล้วมันก็เยอะขึ้นด้วยในความรู้สึกพี่นะคะ เพราะฉะนั้นเพลงนี้มันก็จะตอบโจทย์ได้ค่ะว่า เดี๋ยวนี้การสื่อสารก็เป็นเรื่องน่ากลัว ไม่ว่าจะเป็นทาง hi5 ก็ดี หรืออะไรก็ดี ทุกอย่างเป็นช่องทางให้คนที่มีจิตเป็นอกุศลอยู่แล้วเนี่ย สามารถใช้เป็นช่องทางทำอะไรผิด ๆ ได้โดยไม่รู้ตัวและมันก็เป็นช่องทางที่ชัดเจนที่สุด ณ วันนี้นะคะ คือทุกคนไม่มีเวลามานั่งเล่นอินเตอร์เน็ตทั้งวัน แต่ทุกคนมีโทรศัพท์ติดตัว เพราะฉะนั้นโทรศัพท์เนี่ยแหล่ะคือสิ่งที่ที่ทำให้คนทำผิดโดยไม่รุ้ตัว ทำให้คนที่อยากจะสนองหัวใจของตัวเอง อย่างรู้สึกคิดถึงเดี๋ยวนี้จะโทรเดี๋ยวนี้โดยไม่สนใจว่าเค้ามีเจ้าของ นี่มันคือช่องทางเล็ก ๆ น้อย ๆ คือคนโทรอาจจะคิดว่าแค่โทรมา แค่คิดถึง ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดอะไรนักหนา ฉันแค่แสดงความรู้สึกว่าฉันชอบเค้า ถึงคุณจะมีเจ้าของแล้ว มันคือการแสดงออกของคนที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี โดยใช้สิ่งที่มีอยู่แล้วทุกคนเป็นเครื่องมือ
เป็นเพลงของผู้หญิงบอกกับผู้หญิง?
Parn : ใช่ค่ะ เป็นเพลงที่ผู้หญิงบอกกับผู้หญิง หรืออาจจะเป็นเพลงที่ให้ผู้ชายบอกก็ได้ คือทุกคนใช้ได้หมดค่ะ เพราะทุกคนมีมือถือ ทุกคนใช้การสื่อสารชนิดนี้ ซึ่งไวน้อยลงมากว่าโทรจิตนิดนึง
หลายอัลบั้มแล้ว รู้สึกเริ่มตันบ้างหรือยังคะกับเนื้อหาของเพลง?
Parn : ปานว่าเรื่องของผู้หญิงไม่มีทางตันหรอกค่ะ มันอยู่ที่ว่าเราจะไปเจอแง่มุมไหนมากกว่า เวลาที่เราเดินทางไปก็เคยเจอแบบว่าที่เค้าเสียสละมาก ๆ จนเรารู้สึกว่าไปบวชเถอะถ้าเสียสละได้ขนาดนี้ อย่างพี่คิดในแง่ว่าถ้าเสียสละมาก ๆ ก็อย่าอยู่ในอีกฝ่ายนึงทำบาปสำเร็จเลยนะคะ ก็ควรตัดเลยดีกว่า เพราะพี่รู้สึกว่าคนที่รักกันไม่ทำร้ายกันหรอก แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่คนรักกันทำร้ายกันเค้าเรียกว่าไม่ได้รัก แม้แต่ใน hi5 บางคนเจอแฟนจับได้ ก็แก้ตัวว่าฉันไม่ได้มีความสัมพันธ์ซะหน่อย ฉันก็แค่คุย แต่คุณลองคิดดูให้ดีนั่นก็คือการนอกใจชนิดนึงนะ คิดกลับกันถ้าแฟนคุณทำแบบนี้หล่ะ คุย hi5 แล้วสานสัมพันธ์นู่นนี่ต่อ คุณแน่ใจได้ยังไงว่า
มันจะไม่เกิดเรื่องใหญ่ไปกว่านี้ นั่นก็คือการนอกใจชนิดนึงแต่ชอบหาอะไรมาเป็นข้ออ้างไง และอย่าหาอะไรมาบัญญัติเลยค่ะไม่ว่าจะแค่กิ๊กหรือแค่คนรู้จัก หรือจะมาบอกว่าเค้าชอบเราแต่เราไม่ชอบเค้า อย่างนั้นก็ต้องชัดเจนเพื่อไม่ให้เป็นการให้ความหวังเค้า อย่ากั๊ก คนบางคนชอบให้คนมาห้อมล้อม คนนี้ก็รัก คนนี้ก็หลง ซึ่งบางคนเป็นแบบนั้นไง การรักใครซักคนเราควรจะต้องทำให้เค้าสบายใจไหม ซึ่งคนบางคนเกิดมามีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่เวลาที่คุณรักใครสักคนคุณต้องป้องกันตัวเอง ต้องข่มใจตัวเองนะคะ ไม่ว่าใครก็ต้องคิดถึงคนที่เรารักมาก่อน คือรักเค้าและต้องรักตัวเองด้วยไง อย่าให้ตัวเองทำผิด
พี่ปานร้องเพลงมาเยอะ อย่างเรื่องมุมมองความรักของตัวเองเป็นยังไงคะ?
Parn : ถ้ามุมที่พี่มองก็คนเราพร้อมที่จะทำผิดได้ทุกนาทีนะคะ เค้าเรียกว่าใจมันเพลิดไป เวลาที่เรามองว่าอยู่ใกล้มาก ๆ คนนี้มีเสน่ห์ แต่สุดท้ายแล้วเราต้องนึกถึงคนที่เราบอกว่ารักเนี่ยเป็นอันดับหนึ่ง ต้องไม่ปล่อยให้ตัวเองทำผิด ถ้าคุณรักตัวเองคุณต้องไม่ปล่อยให้ตัวเองทำผิด เมื่อไหร่ที่คุณรักตัวเองคุณก็จะรักคนอื่นได้มาก
ชีวิตรักของพี่ปาน?
Parn : ก็ยังดำเนินไปบนยังมีความเป็นเพื่อนอยู่ครึ่ง ๆ เพราะเรามีหน้าที่ และเป็นภาระหนักด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งเราก็ต้องทำความเข้าใจในกันและกันสูง ต้องแบ่งช่องว่างให้กันและกันบ้าง ต้องมีพื้นที่ให้กันบ้าง อย่าไปตามกันให้มากอะไรแบบนี้ เพราะเค้ามีความเป็นตัวของตัวเอง เค้าก็มีความเป็นตัวของตัวเองด้วยเหมือนกัน พี่ค่อนข้างซีเรียสกับความรักนะคะ เพราะมันเป็นเรื่องที่ใหญ่มากในชีวิตมนุษย์ บางทีคำว่ารักมันต้องอาศัยหลาย ๆ อย่าง ต้องอาศัยความเข้าใจ จุนเจือ เอื้อเฟื้อ อย่างพี่เคยฟังมาเยอะนะคะว่า อยู่ด้วยกันแรก ๆ ความรักมันก็จะดีนะคะ แต่พออยู่ด้วยกันไปเรื่อย ๆ แล้วเนี่ย ความรักมันจะไม่ปรากฏเป็นสิ่งแรกให้เห็นนะ มันจะกลายเป็นอยู่ด้วยกันแล้วใครเสียสละให้กันมากน้อยมากกว่า อย่างเรื่องเล็ก ๆ น้อยในบ้าน เรื่องการเงิน หรืออย่างเช่น กินข้าวเสร็จมื้อนี้ใครจะล้างอะไรแบบนี้
นี่คือแง่มุมความรักของผู้หญิงเก่ง "ปาน-ธนพร แวกประยูร" ติดตามอัลบั้มใหม่ของเธอ "ผู้หญิงยิ่งกว่าละคร" ได้ทุกแผงแล้ววันนี้ รวมถึงติดตามมิวสิควีดีโอเพลง "เบอร์นี้...ไม่มีคนของเธอ" ได้แล้วตามรายการในเครืออาร์เอส หรือผ่านทาง www.youdumv.com