กรุงเทพฯ--14 ก.ค.--Farh Agency
การเข้าใจความต้องการของลูกค้า ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี และความสามารถในการให้บริการที่หลากหลาย รวมถึงการเลือกพันธมิตรที่ดีเป็นหัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จ
ระบบไร้สาย และระบบพื้นฐาน (Mobile and fixed)
ในอดีต การเข้าถึงบรอดแบนด์นั้นจำเป็นที่ต้องใช้โครงข่ายของผู้ให้บริการโทรคมนาคมพื้นฐาน(fixed-line operator) ซึ่งมีตั้งแต่การใช้ เทคโนโลยี Digital Subscriber Line (DSL) จนไปถึงระบบสายเคเบิลหรือไฟเบอร์ ซึ่งเราก็ได้เห็น บริษัทที่ใหับริการสาธารณูปโภค องค์กรบริหารงานปกครองท้องถิ่น หรือแม้แต่บริษัทเอกชน ได้เข้ามาดำเนินการและสร้างโครงข่ายบรอดแบนด์ไปยังที่พักอาศัยและเขตพื้นที่เศรษฐกิจต่างๆ แต่ข้อจำกัดที่สำคัญก็คือต้นทุนในการสร้างและติดตั้งโครงข่ายที่ค่อนข้างสูง ประกอบกับ ปัญหาในการเข้าใช้พื้นที่ของผู้อื่นเพื่อวางโครงข่ายนั้น แต่ในปัจจุบันนี้ได้มีการนำเทคโนโลยีบรอดแบนด์ไร้สายมาแก้ไขข้อจำกัดดังกล่าวและยังสามารถให้บริการบรอดแบนด์ได้อย่างเท่าเทียมกัน
การสร้างโครงข่ายบรอดแบนด์ไร้สายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคมในยุคดิจิทัลนั้น จำต้องคำนึงถึงพื้นที่ครอบคลุม (coverage area) ที่มิใช่เพียงแค่พื้นที่เฉพาะจุดเช่นบริการ Wi-Fi หรือเฉพาะแต่พื้นที่ให้บริการในประเทศเท่านั้น แต่จำต้องคำนึงความสามารถในการโรมมิ่งในและต่างประเทศด้วย (international roaming) และด้วยเหตุผลดังกล่าวโครงข่าย 3G บนเทคโนโลยี WCDMA (Wideband Code Division Multiple Access) และ HSPA (High Speed Packet Access) จึงกลายเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการให้บริการบรอดแบนด์ไร้สายอย่างเห็นได้ชัด เพราะได้มีการยอมรับอย่างแพร่หลายจากทั่วโลกทั้งใน ด้านการเชื่อมต่อกับโครงข่ายอื่นๆและการใช้แถบความถี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ณ ปัจจุบันมีโครงข่าย WCDMA/HSPA ประมาณ 200 โครงข่ายที่ให้บริการเชิงพาณิชย์ ใน 85 ประเทศทั่วโลก และ เครื่องลูกข่าย อุปกรณ์โทรศัพท์ มากกว่า 800 แบบ จากผู้ผลิตกว่า 110 ราย ซึ่งอาจจะสรุปได้ว่าเทคโนโลยี WCDMA/HSPA สามารถโรมมิ่งได้ทั่วโลก และมีความได้เปรียบในด้านการประหยัดจากการขยายการผลิต (economy of scale) ซึ่งไม่เพียงอำนวยความสะดวกเพื่อสนองตอบความพึงพอใจของผู้ใช้บริการบรอดแบนด์ แต่ยังกระตุ้นการเติบโตของอุตสาหกรรมในภาพรวม และส่งเสริมความก้าวหน้าด้านการวิจัย สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้ให้บริการนั้นประสพความสำเร็จทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืน เพราะสามารถใช้และพัฒนาสินทรัพย์ที่มีอยู่ได้อย่างคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานของโครงข่าย ระบบการจัดการปฏิบัติการ ทีมงาน ฐานข้อมูลผู้ใช้และระบบการจัดการ
จุดแข็งที่แตกต่างกัน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด ผู้ให้บริการพยายามส่งเสริมให้ลูกค้าใช้บริการของตนมากขึ้น ผู้ให้บริการโครงข่ายทั้งระบบพื้นฐานและระบบไร้สายนั้นต่างก็มีจุดแข็งที่แตกต่างกัน ในการพัฒนาสู่การเป็นผู้ให้บริการบรอดแบนด์
ผู้ให้บริการโครงข่ายพื้นฐาน (fixed-line operator) อาจจะมีโครงข่ายที่มีความศักยภาพที่สูงกว่าและให้บริการได้หลากหลาย เช่น โทรทัศน์ และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ร่วมกับโทรศัพท์พื้นฐาน
ผู้ให้บริการโครงข่ายไร้สายที่ได้รับใบอนุญาต 3G (3G mobile operator) สามารถเพิ่มการให้บริการ บรอดแบนด์ไร้สายจากบริการเดิมที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งบรอดแบนด์ไร้สายได้เพิ่มขีดความสามารถการให้บริการที่หลากหลาย เช่น โทรทัศน์แบบไร้สาย และบริการเสริมต่างๆที่ต่อยอดจากข้อได้เปรียบด้านพื้นที่บริการที่ครอบคลุมและความสะดวกเมื่อต้องติดต่อสื่อสารขณะเดินทาง
การบริการที่หลากหลายรวมกันเพื่อเพิ่มคุณค่าทางธุรกิจ
โครงข่ายบรอดแบนด์ส่วนใหญ่ถูกพัฒนามาเพื่อการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งบริการนี้ยังเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญในการของพัฒนาศักยภาพของเทคโนโลยีบรอดแบนด์ต่างๆ ด้วย แต่การที่ผุ้ให้บริการได้มีการรวมบริการต่างๆ เข้าด้วยกัน (bundled offering) นั้น ทำให้รูปแบบและขอบเขตการแข่งขันกำลังเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
การรวมบริการต่างๆเข้าด้วยกัน (bundled offering) ทำให้ผู้รับบริการมีความสะดวกในการจ่ายเงินในบิลเดียวและด้วยราคาที่ถูกกว่า เมื่อเทียบกับการแยกซื้อบริการจากผู้ให้บริการที่ต่างกัน บริการที่หลากหลายนี้รวมถึงโทรศัพท์แบบพื้นฐาน โทรศัพท์เคลื่อนที่ บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต และโทรทัศน์ สำหรับผู้ให้บริการแล้ว บริการที่หลากหลายรวมกันจะสามารถลดอัตราการที่ลูกค้าเปลี่ยนไปใช้บริการของคู่แข่งได้ ขณะเดียวกันยังเป็นการเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการ และรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ ตัวอย่างเช่น ในประเทศฝรั่งเศสค่าบริการรายเดือนของบรอดแบนด์ที่รวมกับบริการอื่นๆ มีราคาพอๆกับค่าบริการบรอดแบนด์อย่างเดียว ซึ่งหมายถึงบริการที่ลูกค้าได้รับมากขึ้นในราคาเท่าเดิม
โครงข่าย IP
หัวใจของโครงข่ายที่สามารถให้บริการที่หลากหลาย คือวิวัฒนาการที่นำไปสู่โครงข่าย all-IP ที่มีความทนทานต่อสิ่งรบกวน มีโซลูชั่นเช่น Softswitching และ IP Multimedia Subsystem (IMS) ที่ทำให้เจ้าของโครงข่ายสามารถพัฒนาโครงข่ายได้คุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนเพราะใช้ส่วนประกอบบนมาตรฐานเปิด การใช้โครงข่าย Packet Core และโครงข่ายหลักแบบ IP-based จะทำให้สามารถรับข้อมูลจากหลายแหล่งไม่ว่าจะเป็นเคเบิล xDSL, WCDMA/HSDPA หรือ LTE รวบรวมทราฟฟิกและส่งต่อข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
การลงทุนที่เพิ่มขึ้นทำให้ได้โครงข่ายที่สามารถรองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะรองรับการใช้งานด้าน multimedia ที่เพิ่มรายได้แก่ผู้ให้บริการโครงข่าย นอกจากนี้มูลค่าต้นทุนในการถือครองกรรมสิทธิ์โดยรวมที่ลดลงเป็นสิ่งสำคัญในการพิจารณาขยายสินทรัพย์หลักและแผนธุรกิจของผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการโครงข่ายหลายรายพบว่าโครงสร้างโครงข่ายพื้นฐาน และฐานลูกค้าคือข้อได้เปรียบที่สำคัญในโลกบรอดแบนด์
ผู้ให้บริการและเจ้าของโครงข่ายที่สามารถพัฒนา และใช้ประโยชน์จากโครงข่ายได้สูงที่สุดจะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจบรอดแบนด์ในอนาคต
ผู้เขียน: นายบัญญัติ เกิดนิยม เป็นผู้จัดการอาวุโส ทางด้าน 3G และนวัตกรรม 3G ทำงานกับบริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด มากว่า 12 ปีในฐานะผู้บริหารด้านพัฒนาธุรกิจในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ:
คุณวรพรรณ เอื้ออาภรณ์ (coco)
GM of Farh Agency
Tel: 0 26160991-2, Fax: 0 2616 0993,
MB: 08 9144 4014, 08 1376 5927