กรุงเทพฯ--18 ก.ค.--เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์
บี เอฟ เอ็ม เปิดแผนครึ่งปีหลังปี 2551 เล็งนำแผ่นผนังอลูมิเนียม คอมโพสิท ไส้กลางกันไฟ คุณภาพระดับโลก เจาะตลาดอาคารสำนักงาน บ้านพักอาศัย และป้ายองค์กรขนาดใหญ่ ชูจุดเด่นผลิตภัณฑ์คุณภาพปลอดภัย สวยงาม รีไซเคิลได้ ประหยัดค่าแรงกว่า 50% หากเทียบกับค่าแรงก่ออิฐฉาบปูน หวังเพิ่มทางเลือกผู้ประกอบการ เจ้าของบ้านยุควัสดุแพง ตั้งเป้าเติบโตปีนี้ไม่ต่ำกว่า 25% คิดเป็นมูลค่ากว่า 350 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวม 1,200 ล้านบาท
นายกศิปัญญ์ ศิริธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท บี เอฟ เอ็ม จำกัด กล่าวว่า เพื่อรับกับสถานการณ์ที่ประเทศไทยประสบกับวิกฤติปัญหาวัสดุก่อสร้างราคาแพงและทยอยปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนการก่อสร้างของผู้ประกอบการ บริษัทจึงมีแผนที่จะนำผลิตภัณฑ์วัสดุหุ้มและตกแต่งอาคาร แผ่นผนังคอมโพสิท ไส้กลางกันไฟ ALPOLIC(R)/fr ที่ผลิตโดย Mitsubishi Chemical Functional Products, Inc. ประเทศญี่ปุ่น เจาะตลาดอาคารสูง บ้านพักอาศัย และป้ายองค์กรขนาดใหญ่มากขึ้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนอกจากมีคุณสมบัติเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพในระดับสากลแล้ว ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่เน้นความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญคือสามารถประหยัดงบประมาณในการก่อสร้างหากเทียบกับค่าแรงในการจ้างแรงงานสำหรับก่ออิฐฉาบปูนถึง 50% เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้ประกอบการและเจ้าของบ้าน โดยบริษัทตั้งเป้าเติบโตทั้งปีไม่ต่ำกว่า 25% หรือคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 350 ล้านบาทของมูลค่าตลาด
กลยุทธ์การทำตลาดในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2551 บริษัทจะเน้นขยายฐานการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในหลากหลายรูปแบบและช่องทางมากขึ้น อาทิ การจัดกิจกรรมตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย การให้ความรู้ผ่านสื่อ การร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
นายกศิปัญญ์ กล่าวต่อไปว่า บีเอฟเอ็ม มีผลิตภัณฑ์คุณภาพและความปลอดภัยระดับโลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการ ได้แก่ แผ่นผนังคอมโพสิท ไส้กลางกันไฟ ALPOLIC(R)/fr ที่ประกอบด้วย แผ่นอลูมิเนียม คอมโพสิท (ACM) แผ่นสเตนเลส สตีล คอมโพสิท (SCM) แผ่นคอปเปอร์ คอมโพสิท (CCM) และแผ่นไทเทเนี่ยม คอมโพสิท(TCM) ที่ล้วนแล้วแต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยสูง ผลิตจากโรงงานที่ได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรมด้านสิ่งแวดล้อม ISO 14001 ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกด้านทั้งช่วยประหยัดค่าแรงและลดระยะเวลาในการก่อสร้าง ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาตลอดอายุการใช้งานของอาคาร สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญยังสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้อาคาร ด้วยคุณสมบัติของไส้กลางกันไฟ ที่สถาปนิกนักออกแบบ หรือเจ้าของอาคารควรให้ความใส่ใจต่อเรื่องดังกล่าวมากยิ่งขึ้น วัสดุประกอบขึ้นในลักษณะแซนด์วิชพาแนล โดยมีแกนไส้กลางเป็นแร่ทนไฟ อยู่ระหว่างแผ่นอลูมิเนียม 2 ชั้นประกบอยู่ด้านนอก รับประกันคุณภาพโดยผู้ผลิตนานถึง 10 ปีเต็ม โดยผ่านมาตรฐานการทดสอบความทนไฟจากสถาบันชั้นนำของโลก อาทิ NFPA 285, UBC 26-9, ASTM E108, UBC 26-3 ฯลฯ ตลอดจนข้อกำหนดต่างๆ ที่ใช้ในกฎหมายควบคุมอาคารเพื่อความปลอดภัยจากอัคคีภัย
นอกจากนี้วัสดุยังสามารถใช้ทดแทนทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัด ได้อย่างสวยงามเสมือนจริง ซึ่งเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน จากแผ่นผนังอลูมิเนียม คอมโพสิท ชุดลายหินและลายไม้ (Stone & Timber Series) เคลือบสีด้านหลังเพื่อการป้องกันการสึกกร่อนของอลูมิเนียมจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ที่มีความยืดหยุ่นสูงสามารถดัดโค้ง ประกอบขึ้นได้ทุกรูปทรงและนำไปติดตั้งได้ทันทีจากเทคโนโลยีของแผ่นผนังระบบแห้ง (Dry Construction) ลดปริมาณการใช้พลังงานในการทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ ด้วยคุณภาพการเคลือบสีผิวหน้าระบบลูมิฟลอน เบสด์ ฟลูโรคาร์บอน (LUMIFLON) ที่เหนือกว่าระบบ PVDF ทั่วไป ช่วยสะท้อนรังสีความร้อน และช่วยลดปรากฏการณ์เกาะร้อน (Urban Heat Island Effect) ทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถใช้ตกแต่งอาคารใหม่และปรับปรุงอาคารเก่าได้อย่างลงตัวและรวดเร็ว เหมาะสำหรับใช้เป็นวัสดุห่อหุ้มผนังอาคารทุกประเภท บริษัทมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยเฉพาะลูกค้าอาคารสำนักงานและบ้านพักอาศัยตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งในอนาคตนอกจากรุกตลาดเมืองไทยมากขึ้นแล้ว บริษัทยังมีแผนที่จะขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ กัมพูชา ซึ่งเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงเช่นเดียวกับตลาดในประเทศไทย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อเจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์
ศริญญา แสนมีมา / ภัทรภร ตันตรงภักดิ์
โทร. 0-2204-8218, 081-805-1498, 0-2204-8550, 086-668-1415