กรุงเทพฯ--21 ก.ค.--
คงไม่มีใครอยากจะยอมแลกเงินเป็นหมื่น ๆ เพื่อแลกกับความสวยชั่วคราวอย่างสวยไปรักษาไป และคงปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสแฟชั่นหน้าเรียวเล็ก จมูกโด่ง ตาโต อย่างดาราเกาหลี กำลังเป็นที่นิยมมากในหมู่วัยรุ่นไทยในปัจจุบัน ซึ่งบ้างก็มีทั้งจริงบ้างก็ปลอมขนานกันไป จุดนี้เองเป็นการยากมากที่คนรักความสวยงามจะทำอย่างไร ? ให้ได้ผลดีและปลอดภัย โดยปราศจากผลข้างเคียง
เมื่อวิวัฒนาการทางการแพทย์พัฒนาอย่างก้าวกระโดด จึงไม่แปลกอะไรที่จะมีใบหน้าเรียวเล็กลงเพียงกำมือเดียว ซึ่งเห็นได้อย่างชัดจากประเทศเกาหลีที่ว่าใครมีใบหน้าเท่ากำมือนั่นคือ คุณเริ่มดูดีแล้ว แต่ถ้าใครมีใบหน้าเท่ากับสองกำมือคุณอาจจะดูไม่สวย จัดได้ว่าเป็นค่านิยมที่ไม่แปลกอะไรของคนเกาหลี ภายใต้ความเชื่อที่ว่าเป็นการยากมากที่คุณจะมีใบหน้าเรียวเล็กมาตั้งแต่กำเนิด
ดังนั้นหากคุณไม่อยากให้การทำ “ศัลยกรรม” กลายเป็น “ฆาตกรรม” คุณควรรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้ชำนาญโดยเฉพาะ ด้าน พ.ท.นพ.วิษณุ ประเสริฐสม ประธานกรรมการบริหารคลินิกเวชกรรมเมดิแคร์ กล่าวให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำใบหน้าให้เรียวเล็กว่า ทุกวันนี้ในวงการเวชศาสตร์ความงามได้มีการนำสาร Botulinum Toxin หรือที่เราเรียกกันอย่างแพร่หลายในชื่อ Botox มาใช้ในการลดน่องให้เรียวเล็ก ระงับกลิ่นกายได้ ลดริ้วรอยย่นบนหน้าผาก หัวคิ้ว บริเวณหางตา และที่พิเศษสุดสามารถปรับโครงรูปใบหน้าเรียวเล็กได้รูป
ดังนั้นการที่คุณมีแก้มใหญ่กว้าง ดูอ้วนจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไป เพราะ Botox ช่วยให้กล้ามเนื้อที่นูนใหญ่บริเวณช่วงแก้มด้านล่างคลายตัวและมีลักษณะเรียวยาวขึ้น โดยแพทย์จะตรวจใบหน้าของคุณก่อนที่จะฉีด Botox ที่กล้ามเนื้อตรงแก้มบริเวณใกล้กราม ด้วยเข็มฉีดยาขนาดเล็กพิเศษ ไปที่กล้ามเนื้อทำให้เกิดริ้วรอยเฉพาะจุด ใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที หลังจากการฉีดจะไม่ปรากฏรอยใด ๆ
ทั้งนี้ในช่วงเวลา 1-2 สัปดาห์ หลังฉีดไปแล้ว คนไข้ต้องขยันใช้กล้ามเนื้อใน 2-3 ชั่วโมงแรก เช่น ยิ้ม ขมวดคิ้ว เลิกคิ้ว จะทำให้โบท๊อกซ์ออกฤทธิ์ได้เร็วขึ้น และไม่ควรใช้น้ำอุ่นล้างหน้า อบเซาน่า หรืออบไอน้ำ จะทำให้ความร้อนสัมผัสผิวโดยตรง Botox จะสลายเร็วกว่าที่ควร ควรหลีกการขยี้คลึงบริเวณที่ฉีดและ งดนอนราบเป็นเวลา 3 ชั่วโมงแรกหลังการรักษา เพราะจะทำให้โบท๊อกซ์ไหลกระจายไปนอกบริเวณที่ต้องการได้ โดยปกติการฉีด 1 ครั้งจะสดสวยอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน ซึ่งจะออกฤทธิ์โดยการคลายกล้ามเนื้อและช่วยลดการทำงานกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกร ความหนานูนของกล้ามเนื้อบริเวณมุมกลามจึงลดลง ทำให้รูปหน้าดูเรียวเล็กลงได้
สำหรับผลข้างเคียงนั้นอาการที่อาจพบได้ เช่น การปวดศีรษะ หรือตึงบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะหายไปเองภายใน 3-4 วัน นอกจากนี้สตรีมีครรภ์และอยู่ในระหว่างการให้นมบุตร คนที่มีปัญหาเรื่องปวดข้อ หรือกำลังทานวิตามินอีอยู่ห้ามทำ Botox เป็นอันขาด จึงควรรับคำแนะนำของแพทย์อย่างใกล้ชิด
Botox คืออะไร? Botox เป็นโปรตีนบริสุทธิ์ ซึ่งสกัดได้จาก Botulinum toxin type A ที่มีประสิทธิภาพคืน ความอ่อนเยาว์ให้กับผิวพรรณ สามารถช่วยในการปรับแต่งแก้ไข ข้อบกพร่องของใบหน้าส่วนต่างๆ ของร่างกายให้ดูดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นรอยย่นบริเวณดั้งจมูก ปลายจมูกบาน หรือยกปลายจมูกให้ตั้งขึ้น ร่องแก้มลึก ริ้วรอยรอบริมฝีปาก รอยหยักรอยบุ๋ม บริเวณคาง รอยย่นบริเวณลำคอ การปรับความโค้งของคิ้วในรูปแบบต่างๆ การทำให้ดวงตาดูกลมโต
จากข้อมูลที่รวบรวมในประเทศไทยพบว่า มีการฉีดโบท๊อกซ์ เพื่อความงามรวมทั้งสิ้น 250,000 ครั้ง ในปี 2547 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 350,000 ครั้ง ในปี 2548 และเพิ่มขึ้นอีกในปี 2549 ประเภทการใช้งานมากที่สุดคือ ลดรอยเหี่ยวย่น สำหรับผู้หญิงคือ รอยย่นตีนกา ส่วนผู้ชายรอยย่นที่หัวคิ้ว ทั้งนี้อาจเนื่องมาจาก Botox กำลังเป็นที่นิยมแพร่หลายกว่า 70 ประเทศทั่วโลก พร้อมดัการรับรองความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยา ของสหรัฐอเมริกา ( FDA ) มานานกว่า 16 ปี
“การฉีด Botox โปรตีนบริสุทธิ์ ซึ่งสกัดได้จาก Botulinum toxin type A ทำให้ใบหน้าเหลี่ยมดูเรียวเล็กลงได้ โดยไม่ต้องเสี่ยงเหมือนการผ่าตัดกราม Botox จะเริ่มออกฤทธิ์หลังจากฉีดไปแล้วประมาณ 2-4 สัปดาห์ และออกฤทธิเต็มที่ช่วง 2-3 เดือนหลังการฉีด ซึ่งผลการรักษาแต่ละครั้งจะคงอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ทั้งนี้ก่อนที่จะตัดสินใจตอบสนองแรงขับภายใจจิตใจของตนเอง ควรที่จะศึกษาและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียด” พ.ท.นพ.วิษณุ กล่าว