กรุงเทพฯ--21 ก.ค.--เอ.พี.ฮอนด้า
ตลาดรถจักรยานยนต์ผ่านพ้นช่วงครึ่งแรกของปีมีปริมาณยอดจดทะเบียนสะสมขยายตัว 3% ด้วยจำนวนรวมเกินกว่า 8.7 แสนคัน โดยในกลุ่มรถแบบครอบครัวมีอัตราการเติบโตสูงสุด ส่งผลให้เป็นกลุ่มรถประเภทเดียวที่มีสัดส่วนตลาดเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากปัจจัยด้านความประหยัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถแบบเครื่องยนต์หัวฉีด ซึ่งให้ความประหยัดน้ำมันสูง สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ขยับพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น มีการขยายตัวมากที่สุดถึง 22% สะท้อนแนวโน้มการบริโภคที่หันมาให้ความสนใจในรถเครื่องยนต์หัวฉีด ในขณะที่ค่ายผู้นำตลาดคือ ฮอนด้า รุกนโยบายพลิกวิกฤตราคาน้ำมันให้เป็นโอกาสสำหรับกลุ่มผู้ใช้รถ ด้วยการพัฒนาระบบหัวฉีดใหม่ PGM-FI รองรับตลาด ส่วนยอดจดทะเบียนเฉพาะเดือน มิ.ย. สร้างสถิติสูงสุดในรอบ 21 เดือน
นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารส่วนงานขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยถึงยอดจดทะเบียนป้ายวงกลมรถจักรยานยนต์โดยรวมในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ปรากฎว่ามีปริมาณสะสมรวมทั้งสิ้น 872,644 คัน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 848,055 คันแล้ว มีปริมาณเพิ่มขึ้น 24,589 คัน หรือมีอัตราการขยายตัว 3% ทั้งนี้เป็นผลมาจากหลากหลายปัจจัยด้วยกัน โดยเฉพาะการขยับขึ้นของราคาผลผลิตทางด้านการเกษตร ส่งผลให้กลุ่มผู้บริโภคหลักของตลาด ที่โดยส่วนใหญ่แล้วอยู่ในภาคการเกษตรนั้น มีรายได้และกำลังซื้อสูง
นอกจากนั้นแล้ว จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ขยับตัวพุ่งสูงขึ้นมาโดยตลอดนับตั้งแต่ต้นปี ยังเป็นสาเหตุสำคัญอันเป็นแรงจูงใจและกระตุ้นผลักดันให้กลุ่มผู้ใช้รถ ตลอดจนถึงกลุ่มผู้ที่มีความต้องการใช้รถโดยทั่วไป หันเปลี่ยนมาให้ความสนใจ รวมทั้งให้ความนิยมใช้รถจักรยานยนต์มากยิ่งขึ้น เนื่องจากความประหยัดน้ำมัน
ในด้านรายละเอียดของการจดทะเบียนนั้น ในกลุ่มรถประเภทหลักของตลาดต่างมีอัตราการเติบโตเพิ่มมากขึ้น โดยในกลุ่มรถแบบครอบครัวมีอัตราการขยายตัวสูงที่สุด คือ 4% เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ด้วยปริมาณการจดทะเบียนถึง 442,106 คัน และที่สำคัญเป็นกลุ่มรถประเภทเดียวเท่านั้นที่มีสัดส่วนตลาดเพิ่มสูงขึ้น โดยเพิ่มขึ้นเป็น 51% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีสัดส่วนตลาด 50% ทั้งนี้เป็นเพราะว่ารถจักรยานยนต์แบบครอบครัวมีคุณสมบัติเด่นด้านการประหยัดน้ำมัน สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาน้ำมันสูง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งรถแบบครอบครัวที่ติดตั้งระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด ซึ่งให้ความประหยัดน้ำมันเป็นอย่างสูง ได้แก่ รถฮอนด้า รุ่น เวฟ 125i นั้น มีอัตราการเติบโตมากที่สุดในกลุ่มรถประเภทครอบครัว คือขยายตัว 22% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของการบริโภคที่หันมาให้ความนิยมในรถแบบเครื่องยนต์หัวฉีด
ขณะที่กลุ่มรถประเภทอื่นๆ ได้แก่ รถจักรยานยนต์แบบ เอ.ที. (Automatic Transmission) หรือแบบเกียร์อัตโนมัติ มีปริมาณการจดทะเบียน 396,061 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 45% เติบโตเพิ่มขึ้นจากในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 2% , รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 25,272 คัน สัดส่วนตลาด 3% เติบโตลดลง 2% , รถแบบสปอร์ต 5,789 คัน สัดส่วนตลาด 1% เติบโตเพิ่มขึ้น 3% และรถประเภทอื่นๆ 3,416 คัน
สำหรับแนวโน้มตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง คาดการณ์ว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันสูงยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้กลุ่มผู้บริโภคใส่ใจกับความประหยัด และเป็นแรงกระตุ้นให้มีการหันมานิยมใช้รถจักรยานยนต์มากยิ่งขึ้น พร้อมกันนั้นทางค่ายผู้นำตลาด คือ ฮอนด้า ได้พลิกวิกฤตราคาน้ำมันสูงให้เป็นโอกาสสำหรับกลุ่มผู้ใช้รถ ด้วยการพัฒนาระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดใหม่ล่าสุด PGM-FI (Programmed Fuel Injection) เพื่อติดตั้งในรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ โดยมีคุณสมบัติเด่นคือทำให้เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งให้ไอเสียสะอาดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น และมีสมรรถนะสูงขึ้น อันเป็นการปฏิวัติสู่การขับขี่ยุคใหม่นั้น จะเป็นส่วนช่วยส่งเสริมและสร้างความตื่นตัวให้กับตลาด
ส่วนปริมาณการจดทะเบียนเฉพาะเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา นับเป็นการสร้างสถิติยอดจดทะเบียนสูงสุดในรอบ 21 เดือน คือนับตั้งแต่เดือน ก.ย. ปี 2549 เป็นต้นมา โดยมีปริมาณทั้งสิ้นถึง 163,501 คัน และเมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าแล้ว มีอัตราการขยายตัว 7%