กรุงเทพฯ--21 ก.ค.--ดีแทค
บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2/2551 มีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 777,000 เลขหมาย ส่งผลให้ดีแทคมีลูกค้าในระบบทั้งหมด 17.4 ล้านเลขหมาย
ไตรมาส 2/2551 ดีแทคมีรายได้จากการให้บริการ 16.63 พันล้านบาท เติบโตขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 4.2 หากไม่รวมรายได้ค่าเชื่อมต่อโครงข่าย รายได้จากการให้บริการเติบโตขึ้นร้อยละ 4.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากจำนวนลูกค้าที่เพิ่มเข้ามาในไตรมาส 2 แล้ว ปัจจัยของการเติบโตยังรวมถึงพฤติกรรมการใช้บริการเสริม (Value Added Service) ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเชื่อมต่อโมบายอินเตอร์เน็ต ซึ่งทำให้ดีแทคมีรายได้จากการให้บริการเสริมเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 44 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) เมื่อยังไม่รวมรายได้จากการประนีประนอมยอมความในข้อพิพาทกับบริษัท ดิจิตอล โฟน จำกัด หรือ ดีพีซี เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.6 อันเป็นผลจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นและรายจ่ายค่าเชื่อมต่อโครงข่ายที่ลดลง โดยอัตราส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA margin) อยู่ที่ร้อยละ 32.1 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.7 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว หากไม่นับรวมการบันทึกรายได้จากดีพีซี ดีแทคมีกำไรสุทธิเติบโตขึ้นร้อยละ 54 หรือ 2.1 พันล้านบาท
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2551 ดีแทคได้บรรลุข้อตกลงในข้อพิพาทกับบริษัท ดิจิตอล โฟน จำกัด หรือ ดีพีซี โดยดีพีซีตกลงชำระเงินให้ดีแทคจำนวน 3 พันล้านบาท ซึ่งดีแทคได้บันทึกเป็นกำไรจากการประนีประนอมยอมความก่อนหักภาษี จำนวน 2.4 พันล้านบาท ทำให้ดีแทคมีกำไรสุทธิในไตรมาสนี้ 3.9 พันล้านบาท
ซิคเว่ เบรคเก้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารดีแทค กล่าวถึงผลประกอบการดีแทคในไตรมาส 2 ของปีนี้ว่านอกจากจะได้รับผลกระทบตามฤดูกาลตามปกติแล้ว ยังเป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้บริษัทฯ ปรับประมาณการเติบโตของรายได้ในปีนี้อยู่ที่ระดับกลางของตัวเลขหลักเดียว จากที่เคยประมาณการไว้ที่ร้อยละ 5 - 10
“ดีแทคจะยังคงมุ่งรักษามาร์เก็ตแชร์ในแง่ของจำนวนลูกค้าไปพร้อม ๆ กับรักษาสมดุลของปริมาณการโทรข้ามเครือข่ายต่อไป ถึงแม้ภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อสภาพเศรษฐกิจและการเติบโตของธุรกิจโดยรวมที่ลดลงจะส่งผลต่อการขยายตัวของธุรกิจ แต่ดีแทคยังคงเชื่อมั่นว่าจะสามารถดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ เพื่อรับมือกับสภาพเศรษฐกิจที่ขยายตัวลดลงต่อไปได้” ซีอีโอดีแทคกล่าว.