กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--บลจ.แอสเซท พลัส
บลจ.แอสเซท พลัส เตรียมเปิดขายและรับซื้อคืนกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น รอบใหม่ 3 กองทุน กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทวีเงินออม 1 (ASP-MMF1) วันที่ 25 กรกฎาคม เน้นลงทุนตราสารในประเทศ คาดผลตอบแทน 3.30% ต่อปี กองทุนเปิดพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น 3M1 (GBF-3M1) วันที่ 28 กรกฎาคม เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล คาดผลตอบแทน 3.00% ต่อปี และกองทุนเปิดแอสเซทพลัสทรัพย์มั่นคง 6M1 (SIF-6M1) วันที่ 31 กรกฎาคม เน้นลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ และตราสารหนี้ต่างประเทศ ไม่เกิน 50% คาดผลตอบแทน 3.65-3.70% ต่อปี
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า จากตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมิถุนายน 2551 ได้ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ระดับ 8.90% ในขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน ปรับสู่ระดับ 3.60% ซึ่งทะลุระดับเงินเฟ้อเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ 0-3.50% ส่งผลให้เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ธปท. ได้ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (RP 1 วัน) อีก 0.25% จากระดับ 3.25% มาอยู่ที่ระดับ 3.50% ต่อปี เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง เพราะอาจมีผลต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชน ศักยภาพการเติบโต และความสามารถในการแข่งขันของไทยในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยผลตอบแทนพันธบัตรได้ปรับขึ้นไปก่อนหน้าแล้ว
“ในส่วนของภาวะการลงทุนในช่วงนี้ การลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ซึ่งนอกจากจะสามารถลดความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยที่กำลังอยู่ในขาขึ้น ณ ขณะนี้ได้ ยังสร้างโอกาสรับผลตอบแทนตามภาวะตลาดในช่วงขาขึ้นจากการ Roll-over แต่ละรอบด้วย” นางสาวจารุลักษณ์กล่าว
นางสาวจารุลักษณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ เตรียมเปิดขายและรับซื้อคืนกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นรอบใหม่ 3 กองทุน เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย โดยในวันที่ 25 กรกฎาคม จะเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ กองทุนแอสเซทพลัสทวีเงินออม 1 (ASP-MMF1) ที่มีรอบระยะเวลาการลงทุนทุก 3 เดือน โดยในรอบการลงทุนนี้กองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ และเอกชนในประเทศอันดับความน่าเชื่อถือระดับ Investment Grade ขึ้นไป เช่น ตั๋วแลกเงิน หรือ หุ้นกู้ ของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮาส์ อันดับความน่าเชื่อถือ A โดย ทริสเรตติ้ง บมจ. บัตรกรุงไทย อันดับความน่าเชื่อถือ A- และบมจ.ภัทรลีสซิ่ง อันดับความน่าเชื่อถือ A- เป็นต้น ซึ่งผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนในตราสารดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 3.70% ต่อปี* โดยหลังจากหักค่าใช้จ่ายการลงทุน ประมาณ 0.40% แล้ว สามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 3.30% ต่อปี**
กองทุนที่ 2 กองทุนเปิดพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น 3M1 (GBF-3M1) ที่มีรอบการลงทุนทุก 3 เดือน จะเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ วันที่ 28 กรกฎาคม กองทุนนี้เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุประมาณ 3 เดือน และเงินฝาก คาดผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 3.00% ต่อปี** เหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายคุ้มครองเงินลงทุนเริ่มต้น
และกองทุนเปิดแอสเซทพลัสทรัพย์มั่นคง 6M1 (SIF-6M1) มีรอบระยะเวลาการลงทุนทุก 6 เดือน จะเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ วันที่ 31 กรกฎาคม โดยในรอบการลงทุนนี้กองทุนจะเน้นกระจายการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพทั้งในและต่างประเทศ โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนไทยที่มี Credit rating ตั้งแต่ระดับ Investment Grade ขึ้นไป และตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงินต่างประเทศ (ECP) เช่น Korean Development Bank Export-Import Bank of Korea และ Emirates Bank เป็นต้น ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ได้รับการจัดอันดับ Credit Rating โดยสถาบัน S&P ในระดับ A-1 เพื่อสร้างโอกาสผลตอบแทนให้สูงขึ้นและลดความผันผวนจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนในประเทศเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ ผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนในตราสารดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 4.05-4.10% ต่อปี* โดยหลังจากหักค่าใช้จ่ายการลงทุนและการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน หรือ Fully Hedge ประมาณ 0.40% แล้ว สามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 3.65-3.70% ต่อปี**
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้า บลจ. แอสเซท พลัส โทรศัพท์ 02-672-1111 หรือติดต่อตัวแทนสนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุน
* ที่มา Bloomberg และ/หรือผู้ขายตราสาร ณ วันที่ 21 กรกฎาคม 2551
** หากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่ระบุไว้
ส่วนประชาสัมพันธ์ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
นิตยา เลิศแสงเพชร โทร. 02-672-1000 ต่อ 3314 อีเมล์: nittaya_le@assetfund.co.th
มุกพิม จุลพงศธร โทร. 02-672-1000 ต่อ 3308 อีเมล์: mookpim_ch@assetfund.co.th