กรุงเทพฯ--23 ก.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
ฮอนด้าย้ำภาพผู้นำด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยระบบหัวฉีด PGM-FI นำการขับขี่สู่ยุคประหยัด และห่วงใยสิ่งแวดล้อม โดยติดตั้งในรถจักรยานยนต์ใหม่ถึง 2 รุ่น CZ-i 110 และ Click-i
ฮอนด้าพัฒนาเทคโนโลยีรถจักรยานยนต์สู่ยุคใหม่ ตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำ ด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI ล้ำสมัย ซึ่งนับเป็นการปฏิวัติการขับขี่ครั้งใหญ่ โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับความประหยัด รองรับสถานการณ์ราคาน้ำมันสูง รวมทั้งห่วงใยสิ่งแวดล้อม ในขณะที่ขับขี่ได้สนุกสนานมากยิ่งขึ้น จากคุณสมบัติเด่นคือ ให้ความประหยัด ไอเสียสะอาด และเพิ่มสมรรถนะ พร้อมนำติดตั้งในรถจักรยานยนต์ใหม่ล่าสุดถึง 2 รุ่น ส่งผลให้เป็นรถจักรยานยนต์ที่ให้ค่าไอเสียผ่านมาตรฐานควบคุมระดับ 6 ที่จะบังคับใช้ในเร็วๆนี้ และรองรับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลล์ E20 โดยรถรุ่นแรกคือ CZ-i 110 วางจำหน่าย 26 ก.ค. นี้ ด้วยราคาพิเศษช่วงแนะนำ 36,700 บาท ขณะรุ่นที่สองเป็นรถ เอ.ที. แบบหัวฉีดรุ่นแรกของไทย คือ Click-i วางจำหน่าย 6 ส.ค. 51 พร้อมราคาพิเศษช่วงแนะนำเริ่มต้นที่ 45,700 บาท ซึ่งรถรุ่นนี้มี “บี้ — สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว” เป็นพรีเซ็นเตอร์ ทั้งนี้ CZ-i 110 วางเป้าหมายจำหน่าย 8,000 คัน/เดือน ส่วน Click-i ตั้งเป้า 25,000 คัน/เดือน
มร.เซนจิโร่ ซากุราอิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า จากการที่ บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ได้กำหนดวัตถุประสงค์ของแผนดำเนินธุรกิจในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปีนี้ โดยมุ่งมั่นในการ “ก้าวขึ้นเป็นองค์กรที่มีภาพลักษณ์เป็นที่ชื่นชอบมากที่สุด ควบคู่ไปกับการเป็นผู้นำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” นั้น ฮอนด้าจึงประกาศนโยบายเกี่ยวกับการนำระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีอันก้าวล้ำนำสมัย มาติดตั้งให้ครอบคลุมในรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทุกรุ่นที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นบริษัทแรกของเครือฮอนด้าในภาคพื้นเอเชียที่ประกาศเจตนารมณ์นี้ และเป็นบริษัทแรกในวงการรถจักรยานยนต์ไทย โดยระบบหัวฉีด PGM-FI มีประสิทธิภาพสูงทั้งในด้านการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากไอเสียที่ปล่อยออกสู่อากาศ และที่สำคัญยังทำให้เครื่องยนต์มีการประหยัดน้ำมันสูง ตลอดจนช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น
จากประสิทธิภาพของระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI ส่งผลให้รถจักรยานยนต์ฮอนด้ารุ่นใหม่ที่ติดตั้งเทคโนโลยีนี้ มีความประหยัดน้ำมันขึ้น และสามารถรองรับข้อกำหนดตามมาตรฐานควบคุมไอเสียระดับ 6 โดยระบบหัวฉีด PGM-FI ให้ค่าไอเสียสะอาดสูงสุด ซึ่งมีค่าไอเสียเพียง 1/5 ของมาตราฐานไอเสียระดับ 5 และเพียง 1/2 ของมาตราฐานระดับ 6 ที่จะประกาศบังคับใช้ในอนาคตอันใกล้นี้ จึงนับเป็นการดำเนินการล่วงหน้าของฮอนด้า ก่อนที่มาตรฐานนี้จะบังคับใช้ รวมทั้งยังสามารถรองรับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแบบแก๊สโซฮอลล์ E20 อันเป็นผลให้เกิดความประหยัดมากขึ้นกับผู้บริโภค
สำหรับระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI (Programmed Fuel Injection) เป็นสิทธิบัตรเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของฮอนด้า โดยระบบหัวฉีด PGM-FI ใหม่นี้นับเป็นยุคที่ 3 ที่พัฒนาขึ้นในประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ทางฮอนด้าพัฒนาระบบหัวฉีด PGM-FI ยุคที่ 1 เมื่อปี 2546 พร้อมติดตั้งใช้งานในรุ่น Wave 125i และยุคที่ 2 พัฒนาขึ้นเมื่อปี 2548 รวมทั้งยังคงติดตั้งใช้งานในรุ่น Wave 125i
โดยระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI ยุคใหม่นี้ มีพื้นฐานการทำงานโดยมีการควบคุมและสั่งการผ่านจากระบบอิเล็คโทรนิกส์ อันเป็นเสมือนสมองกลอัจฉริยะ (ECU — Engine Control Unit) พร้อมด้วยกลไกต่างๆ ที่เป็นเทคโนโลยีล้ำสมัย และที่สำคัญได้รับการออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัด ได้แก่ หัวฉีด , ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง , เรือนลิ้นเร่งที่ประกอบด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด คือ วาลว์ควบคุมอากาศวงจรเดินเบาIdle Air Control Valve (I.A.C.V.) , เพลาข้อเหวี่ยงแบบมีระยะเยื้องศูนย์ (Offset) , เซ็นเซอร์ตรวจจับปริมาณออกซิเจน (Heaterless Oxygen Sensor) และระบบกรองไอเสีย (Catalyzer) แบบรังผึ้ง (Metal Honeycomb) ที่ออกแบบให้มีจำนวนเซลล์มากถึง 300 เซลล์
ทั้งนี้ฮอนด้าได้นำระบบหัวฉีด PGM-FI ยุคใหม่ มาติดตั้งในรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ถึง 2 รุ่น ได้แก่ ฮอนด้า CZ-i 110 และฮอนด้า Click-i ในแบบรถแบบ เอ.ที. (Automatic Transmission) หรือแบบเกียร์อัตโนมัติ
ระบบหัวฉีด PGM-FI ได้รับการนำมาติดตั้งในเครื่องยนต์ใหม่ของฮอนด้า รุ่น CZ-i ขนาด 110 ซีซี แบบ 4 จังหวะ อันเป็นผลให้เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพสูง เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์รุ่นก่อนหน้านี้ที่มีขนาด 100 ซีซี แบบ 4 จังหวะ แล้ว มีประสิทธิภาพโดดเด่นเหนือกว่าคือ ประหยัดน้ำมันมากขึ้น 18% (ทดสอบตามมาตรฐาน ECE 40 MODE) , รวมถึงให้สมรรถนะสูงด้วยอัตราเร่งที่มากขึ้น 25% ส่วนอีกรุ่นที่ติดตั้งระบบหัวฉีด PGM-FI คือรถแบบ เอ.ที รุ่น ฮอนด้า Click-i นั้น มีผลทำให้สมรรถนะสูง ตอบสนองเต็มกำลัง 110 ซีซี ด้วยอัตราเร่งที่มากขึ้น ประหยัดน้ำมันมากกว่าฮอนด้า Click รุ่นเดิมถึง 16% (ทดสอบตามมาตรฐาน ECE 40 mode) และให้ค่าไอเสียสะอาดสูงสุด สะอาดกว่าค่ามาตรฐานไอเสียระดับ 6 ซึ่งเป็นรุ่นแรกของประเทศไทยที่ให้ค่าไอเสียผ่านมาตรฐานนี้ ทั้งนี้มาตรฐานระดับ 6 จะประกาศบังคับใช้ในอนาคตอันใกล้นี้ นอกจากนั้นแล้วยังสะอาดกว่าค่ามาตราฐานไอเสียระดับ 5 ถึง 80%
สำหรับ ฮอนด้า CZ-i 110 ออกแบบภายใต้แนวคิด “The New Advanced Basic Commuter for Next Generation” ทั้งนี้เพื่อให้เป็นรถที่เป็นเสมือน “บัดดี้...ใหม่ ชีวิตเมือง” (New Buddy for the City Life) โดยมีรูปลักษณ์ใหม่ล้ำสมัยตลอดคัน โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกแบบ Compressed Triangle ที่ถอดแบบจากรถซูเปอร์สปอร์ต พร้อมโคมไฟหน้าเดี่ยว (Single Head Light) ระบบมัลติรีเฟคเตอร์ แบบบิลท์-อินกับเฟรมบอดี้หน้า และแฟริ่งใหม่ปราดเปรียวเพื่อลดแรงเสียดทาน โดยมีช่องลม (Fin) กลมกลืนรับกับบังโคลนรูปทรงใหม่ , แผงหน้าปัดแบบกะทัดรัด พร้อมสัญญาณไฟแสดงความพร้อมของหัวฉีด , ฝาครอบเครื่องออกแบบสวยคมรูปโฉมสปอร์ต และรองรับความอเนกประสงค์ด้วยกล่อง U-Box ใต้เบาะนั่ง
ส่วนรูปทรงด้านท้ายทันสมัยด้วยแบบเฟรมดีไซน์เพรียว ในขณะที่พักเท้าคนซ้อน ออกแบบติดกับบอดี้เฟรมท้าย , ที่จับหลังเป็นแบบสีดำเรียวรับกับตัวรถ และท่อไอเสียทรงรีเพรียวกะทัดรัด ไม่เทอะทะ รวมทั้งให้ความมั่นใจในความปลอดภัยด้วยดิสก์เบรกหน้า แบบลูกสูบเดี่ยว ตลอดจนระบบกุญแจนิรภัย 2 ชั้น (Key Shutter) ที่ปิดล็อคช่องกุญแจง่ายและสะดวกสบาย
ในด้านเครื่องยนต์ เป็นแบบ 4 จังหวะ ขนาด 110 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ ระบบเกียร์เป็นแบบเกียร์วน 4 ระดับ และจากการนำระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI มาติดตั้งในฮอนด้า CZ-i 110 นั้น ส่งผลให้มีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 18% เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์รุ่นก่อนขนาด 100 ซีซี หรือประหยัดได้มากถึง 57 กิโลเมตร/ลิตร (ทดสอบตามมาตรฐาน ECE 40 MODE) และสมรรถนะสูงด้วยอัตราเร่งที่มากขึ้น 25%
ฮอนด้า CZ-i 110 มีสีสันทูโทน 3 แบบสี คือ ขาว-แดง (White Red Solid) , น้ำเงิน-เทา (Blue Silver Sapphire) และ ดำ-เทา (Dark Black Silver) โดยในช่วงเริ่มต้นวางจำหน่ายนั้น มีราคาพิเศษในช่วงแนะนำ คือ 36,700 บาท ในขณะที่ราคาจำหน่ายปกติ 38,400 บาท ทั้งนี้จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. นี้ เป็นต้นไป และตั้งเป้าหมายการจำหน่าย 8,000 คัน/เดือน
ในส่วนรุ่น ฮอนด้า Click-i ได้รับการพัฒนาจากรถแฟชั่น เอ.ที. ยอดนิยมรุ่น Click ส่งผลให้เป็นรถแบบ เอ.ที. ที่ใช้ระบบหัวฉีดเป็นรุ่นแรกของประเทศไทย โดยรูปโฉมปรับเปลี่ยนใหม่ตลอดคัน ซึ่งออกแบบในสไตล์ “โรบอท — Robotic Passion” สะท้อนภาพลักษณ์หุ่นยนต์ที่โดดเด่นล้ำสมัย มีความเฉียบและคมมากขึ้น (More Keen — More Sharp) ด้วยไฟหน้าคู่ที่เชื่อมต่อกับไฟเลี้ยวโค้งนูน (Ray Duo Head Light) , เรือนไมล์ใหม่ล้ำยุคพร้อมเข็มไมล์เรืองแสง (Luminous Meter) , ฝาครอบหม้อน้ำและแผ่นกันความร้อนสไตล์สปอร์ตสวยเฉี่ยว ส่วนด้านท้ายล้ำสมัยด้วยชุดไฟท้ายที่เห็นเรือนไฟอยู่รอบชิ้น (Jet Tail Light) พร้อมที่จับหลังขนาดใหญ่สอดรับกับดีไซน์และลวดลายกราฟฟิกแบบโรบอท รวมทั้งสะดวกสบายกับกล่องเก็บของอเนกประสงค์ U-Box ใต้เบาะนั่ง และที่เก็บของด้านหน้าซ้าย-ขวา (Front Inner Box) ที่เพิ่มความจุใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ตลอดจนกุญแจนิรภัยแบบ 2 ชั้น
นอกจากนั้นยังครบถ้วนอุปกรณ์รองรับความปลอดภัย ด้วยระบบคอมบายเบรก (Combi Brake) ซึ่งกระจายแรงเบรกอย่างสมดุลระหว่างล้อหน้าและหลัง เมื่อใช้เพียงเบรกหลังเท่านั้น , ระบบ Parking Brake หรือระบบล็อคล้อขณะจอดรถ ช่วยป้องกันไม่ให้รถลื่นไถล และระบบ Side Stand Switch ซึ่งเป็นสวิทซ์ตัดการทำงานของเครื่องยนต์ ติดตั้งอยู่ที่บริเวณขาตั้งข้าง ทำหน้าที่ดับเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติเมื่อนำขาตั้งลง ป้องกันความพลั้งเผลอในการบิดคันเร่งระหว่างจอดรถ ส่วนเครื่องยนต์เป็นแบบ 4 จังหวะ ขนาด 110 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำแบบ Built in Liquid Cooled ส่งผลให้เครื่องยนต์ระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ , ระบบส่งกำลังแบบ V-Matic Transmission ขับเคลื่อนด้วยสายพาน V-Belt เสริมใยเหล็ก ที่ใช้งานได้ทนทาน และช่วยให้การขับขี่คล่องตัว
สำหรับการติดตั้งระบบหัวฉีด PGM-FI ในฮอนด้า Click-i ส่งผลให้ประหยัดน้ำมันกว่า Click รุ่นเดิมถึง 16% โดยให้อัตราการประหยัดน้ำมัน 49 กิโลเมตร/ลิตร (ทดสอบตามมาตรฐาน ECE 40 MODE)
ทั้งนี้เพื่อสะท้อนถึงภาพลักษณ์ความทันสมัยที่เฉียบขึ้น และคมขึ้น พร้อมทั้งเข้าถึงสู่กลุ่มเป้าหมาย จึงมีการใช้ พรีเซ็นเตอร์สำหรับรถจักรยานยนต์รุ่น ฮอนด้า Click-i ได้แก่ ศิลปินนักร้องนักแสดงรุ่นใหม่ยอดนิยม คือ “บี้ — สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว”
ฮอนด้า Click-i มีให้เลือก 2 รุ่น คือ Click-i Tune-up ซึ่งเป็นแบบล้อซี่ลวด-ดิสเบรกหน้า มีสีสันให้เลือก 4 แบบ คือ ดำ (Black Mobile Suit) , เขียว-ดำ (Green Black Kyptonite) , น้ำเงิน-ดำ (Blue Black Atomic) และ ขาว-ดำ (White Black Space) และอีกรุ่นคือ Click-i Forward ซึ่งเป็นแบบล้อแม็ก-คอมบายเบรก มี 3 แบบสี คือ ดำ (Night Black Armour) , ขาว-ดำ (White Black Galaxy) และ แดง-ดำ (Red Black Destiny) โดยจะเริ่มต้นวางจำหน่ายในวันที่ 6 ส.ค. 2551 ซึ่งรุ่น Click-i Tune-up มีราคาจำหน่ายพิเศษในช่วงแนะนำ คือ 45,700 บาท ในขณะที่ราคาปกติ 47,400 บาท และรุ่น Click-i Forword มีราคาจำหน่ายพิเศษในช่วงแนะนำ คือ 49,300 บาท โดยมีราคาปกติ 51,000 บาท ทั้งนี้ฮอนด้า Click-i ตั้งเป้าหมายการจำหน่ายรวม 25,000 คัน/เดือน
มร.เซนจิโร่ ซากุราอิ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจในคุณภาพตลอดจนประสิทธิภาพของระบบหัวฉีด PGM-FI ให้กับผู้ใช้ ทางฮอนด้าจึงรับประกันอุปกรณ์ระบบหัวฉีด PGM-FI นานถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ซึ่งประกอบด้วย หัวฉีด , ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง , กล่องควบคุม ECU , เรือนลิ้นเร่ง , เซ็นเซอร์ตรวจจับตำแหน่งลิ้นเร่ง , เซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง และเซ็นเซอร์ตรวจจับปริมาณออกซิเจน พร้อมทั้งได้จัดฝึกอบรมหลักสูตร PGM-FI ให้กับศูนย์บริการกว่า 1,428 แห่งทั่วประเทศ ตลอดจนร้านซ่อมทั่วไปกว่า 5,919 แห่ง เพื่อรองรับการให้บริการแก่ผู้ใช้อย่างทั่วถึง