กรุงเทพฯ--24 ก.ค.--ไอบีเอ็ม
บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด สานต่อความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม เปิดตัวเทคโนโลยี ‘สีเขียว 2.0’ มุ่งสนับสนุนภาคธุรกิจและสังคมไทยที่กำลังเผชิญวิกฤติด้านพลังงานรวมทั้งปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและโลกร้อน ลดการใช้พลังงานและค่าใช้จ่าย รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพลังงานภายในองค์กรและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร ตั้งแต่การจัดการระบบดาต้าเซ็นเตอร์ไปจนถึงการจัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขององค์กรออกสู่ชั้นบรรยากาศ
หลังจากที่ไอบีเอ็มได้เปิดตัวโครงการ Project Big Green ทั่วโลกไปตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2550 โดยใช้เงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ควบรวมเซิร์ฟเวอร์ภายในสำนักงานของไอบีเอ็มทั่วโลกและได้นำนวัตกรรมต่าง ๆ ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และความรู้ความชำนาญของตัวเองไปปรับปรุงการจัดการพลังงานในองค์กร จนประสบความสำเร็จสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของทั้งองค์กรได้ถึง 12 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งสามารถเพิ่มหน่วยประมวลผลของระบบไอทีในองค์กรได้อีกเท่าตัวโดยไม่ต้องใช้พลังงานเพิ่มหรือปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศเพิ่มแต่อย่างใด นอกจากนั้นแล้ว ไอบีเอ็มยังได้นำเทคโนโลยีด้านการจัดการพลังงานดังกล่าว ไปสนับสนุนลูกค้ากว่า 2,000 รายทั่วโลก เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพลังงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในดาต้าเซ็นเตอร์ รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานต่าง ๆ ลงได้มากถึง 40 เปอร์เซ็นต์
สาเหตุที่ไอบีเอ็มให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์เป็นพิเศษ เนื่องจากมีการประเมินว่ากว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของต้นทุน และ 50 เปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของดาต้าเซ็นเตอร์ เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั้งสิ้น นอกจากนี้ แนวโน้มการใช้พลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์ยังมีการประเมินว่าจะเพิ่มสูงขึ้น 2 เท่า ทุกๆ 5 ปี เนื่องจากดาต้าเซ็นเตอร์ประกอบด้วยเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องการใช้พลังงานในการประมวลผลจำนวนมาก
สืบเนื่องจากปัญหาการใช้พลังงานและสิ่งแวดล้อมนี้เอง ไอบีเอ็มจึงเร่งคิดค้นนวัตกรรม เพื่อสานต่อความเป็นผู้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีครบวงจร โดยเปิดตัวเทคโนโลยี ‘สีเขียว 2.0’ เพื่อช่วยองค์กรธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ตัวอย่างเทคโนโลยี ‘สีเขียว 2.0’ ของไอบีเอ็ม ได้แก่ โซลูชั่นทางด้านดาต้าเซ็นเตอร์รูปแบบใหม่ ในชื่อว่า ดาต้าเซ็นเตอร์แบบโมดูลาร์ (Modular Data Center) ซึ่งถือเป็นระบบดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดเล็กของไอบีเอ็ม ที่สามารถรองรับความต้องการของธุรกิจที่หลากหลาย ตั้งแต่องค์กรขนาดใหญ่ไปจนถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ดาต้าเซ็นเตอร์แบบโมดูล่าร์รุ่นใหม่นี้ ได้แก่
- เอ็นเตอร์ไพรส์ โมดูลาร์ ดาต้าเซ็นเตอร์ (Enterprise Modular Data Center - EMDC) ถือเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่ที่ได้รับการออกแบบด้วยระบบมาตรฐาน รองรับพื้นที่ได้ตั้งแต่ 5,000 ถึง 20,000 ตารางฟุต สามารถติดตั้งใช้งานได้รวดเร็วกว่าดาต้าเซ็นเตอร์แบบเดิม มีจุดเด่น คือ เรื่องความยืดหยุ่นที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือกติดตั้งโมดูลที่มีขนาดเล็กก่อนแล้วค่อย ๆ ขยายระบบขึ้นไปตามความต้องการด้านไอทีที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งยังมีจุดเด่นเรื่องความสามารถด้านการประหยัดพลังงานขั้นสูงตามมาตรฐานของกรีน กริด (Green Grid —หน่วยงานที่เน้นหนักด้านการพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการพลังงานโดยเฉพาะทางด้านดาต้าเซ็นเตอร์) ซึ่งช่วยให้องค์กรควบคุมค่าใช้จ่ายทั้งในด้านการลงทุนในระบบไอทีเบื้องต้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว
- พอร์เทเบิล โมดูลาร์ ดาต้าเซ็นเตอร์ (Portable Modular Data Center - PMDC) เป็นดาต้าเซ็นเตอร์รุ่นใหม่ที่มีฟังก์ชั่นพร้อมสรรพครบถ้วน ทั้งในส่วนของระบบไฟฟ้า ระบบระบายความร้อน และระบบตรวจสอบระยะไกล รวมทั้งองค์ประกอบที่เหมาะต่อการปฏิบัติงานที่ปลอดภัยดังเช่นดาต้าเซ็นเตอร์แบบ “ยกพื้น” ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันเพลิงไหม้ ควัน ความชื้น ไอน้ำกลั่นตัว และอุณหภูมิที่เปลี่ยนไป ระบบ PMDC สามารถติดตั้งและทำงานได้ในทุกสภาพแวดล้อม รองรับเทคโนโลยีแบบเปิด และระบบต่างๆ ในสภาพแวดล้อมการติดตั้งแบบแร็ค (Rack) ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม
- ไฮ เดนซิตี้ โซน (High Density Zone - HDZ) เป็นระบบโมดูลาร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถการจัดการระบบไฟฟ้าและการระบายความร้อนให้กับดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีอยู่ ระบบ HDZ สามารถติดตั้งกับดาต้าเซ็นเตอร์ได้โดยไม่ทำให้เกิดการหยุดชะงัก ทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 35 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการปรับแต่งระบบให้เข้ากับดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีอยู่
- สตอเรจ เวอร์ช่วลไลเซชั่น (Storage Virtualization) หรือ IBM SAN Volume Controller (SVC) 4.3 ซอฟต์แวร์ทางด้านเวอร์ช่วลไลเซชั่นนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความรวดเร็วในการตอบสนองโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที ด้วยการสร้างแหล่งเก็บข้อมูลแบบเสมือนที่ครอบคลุมทั่วทั้งองค์กร ซึ่งช่วยให้แผนกไอทีสามารถจัดการทรัพยากรต่างๆ ได้ในลักษณะรวมศูนย์ และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในองค์กรได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ ซอฟท์แวร์ดังกล่าวยังช่วยลดความต้องการการใช้งานด้านสตอเรจของฮาร์ดแวร์ ซึ่งถือเป็นการลดการใช้พลังงานโดยรวมภายในดาต้าเซ็นเตอร์ได้อีกทางหนึ่งด้วย
- ไอบีเอ็ม ทิโวลี มอนิเตอร์ริ่ง (IBM Tivoli Monitoring) เป็นซอฟท์แวร์ที่ควบคุมและจัดการระบบการใช้พลังงานขององค์กรโดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในดาต้าเซ็นเตอร์ โดยทำงานร่วมกับระบบตรวจสอบต่าง ๆ ภายใน เพื่อช่วยบริหารระบบและจัดการเวิร์คโหลดต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรณีเกิดปัญหาฉุกเฉินทางด้านพลังงาน
- บริการทางด้านไอทีเพื่อตรวจสอบการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขององค์กรออกสู่ชั้นบรรยากาศ (IT Carbon Strategy Study) สำหรับองค์กรที่ต้องการปรับปรุงระบบการจัดการการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของทั้งองค์กรด้วยระบบไอที ไอบีเอ็มมีบริการให้คำปรึกษาและดำเนินการตรวจสอบองค์กรทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ เดสก์ทอป ระบบปริ๊นเตอร์ โกดังสินค้า ระบบปรับอากาศ ฯลฯ เป็นต้น เพื่อหาสาเหตุ และเสนอแนะวิธีการดำเนินการเพื่อให้องค์กรลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศและก้าวสู่การเป็นองค์กรสีเขียวทั้งระบบอย่างเต็มรูปแบบ
- บริการปรับปรุงและผนวกรวมเซิร์ฟเวอร์ของไอบีเอ็มสำหรับเซิร์ฟเวอร์เวอร์ช่วลไลเซชั่นของ VMware (IBM Server Optimization & Integration Services for VMware server virtualization) เป็นชุดบริการแบบครบวงจรที่ช่วยให้ลูกค้าเพิ่มความยืดหยุ่นของโครงสร้างพื้นฐานด้านเซิร์ฟเวอร์ รวมทั้งเพิ่มอัตราการใช้งานของระบบได้มากถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ลดจำนวนบริการที่จะต้องจัดการ บริการนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ และลดค่าใช้จ่ายโดยรวมในการดูแลรักษาระบบ (Total Cost of Ownership) ได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์
นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจบริการ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ด้วยวิกฤติการณ์ด้านพลังงานที่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจในประเทศ รวมทั้งปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและโลกร้อนในปัจจุบัน ไอบีเอ็มตระหนักถึงปัญหาที่ภาคธุรกิจและสังคมไทยกำลังเผชิญอยู่ จึงเร่งคิดค้นเทคโนโลยีและพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ภาคธุรกิจ ลดค่าใช้จ่ายรวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพลังงานภายในองค์กรรวมทั้งการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น” นอกจากนั้นนายธนวัฒน์ ยังกล่าวเสริมอีกว่า “ด้วยเทคโนโลยีสีเขียว 2.0 แบบครบวงจรที่ไอบีเอ็มนำเสนอในครั้งนี้ เราเชื่อว่าจะช่วยให้องค์กรและภาคธุรกิจต่าง ๆ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพลังงานขององค์กรให้ดียิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาสู่การเป็น ‘องค์กรสีเขียว’ แบบครบวงจรได้อย่างเต็มรูปแบบ”
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีสีเขียวและโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ของไอบีเอ็ม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ http://www.ibm.com/green
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
แผนกประชาสัมพันธ์
บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด
วีระกิจ โล่ทองเพชร
โทร. 02 273 4117
อีเมล์ werakit@th.ibm.com