กรุงเทพฯ--24 ก.ค.--ไอบีเอ็ม
ไอบีเอ็มตระหนักดีว่าปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศและปัญหาโลกร้อนเป็นปัญหาระดับชาติซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับสภาวะของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศซึ่งยังสืบเนื่องเกี่ยวโยงมาจากกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ ปัญหาเรื่องโลกร้อนมีผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงในโลก ด้วยเหตุดังกล่าว ไอบีเอ็มจึงพยายามร่วมมือแก้ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมกับบุคคลและหน่วยงานทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ และมีนโยบายสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งของภาครัฐและเอกชนทั่วโลก ในความพยายามเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศอย่างสุดกำลังความสามารถ
ด้วยความเชื่อว่าการประหยัดพลังงานคือหัวใจหลักของการลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ไอบีเอ็มจึงมุ่งมั่นคิดค้นนวัตกรรมและให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์พลังงานทุกรูปแบบ รวมทั้งพยายามปรับปรุงวิธีการต่าง ๆ ในองค์กรเพื่อให้เกิดการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนในการปฏิบัติงาน ขั้นตอนทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการ นอกจากนั้นแล้ว ไอบีเอ็มยังรณรงค์ให้พันธมิตร คู่ค้าทางธุรกิจ รวมทั้งลูกค้าให้ความสำคัญในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ไอบีเอ็มถือว่าเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญในกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างจริงจังมากว่า 3 ทศวรรษ เริ่มตั้งแต่การกำหนดนโยบายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจนในนโยบายของบริษัทมาตั้งแต่พ.ศ 2514 และรณรงค์ในเรื่องดังกล่าวเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ตัวอย่างของกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมของไอบีเอ็ม ได้แก่
กิจกรรมเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขั้นตอนต่าง ๆ ของการปฏิบัติงาน ไม่ว่าจะเป็น
- การใช้พลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
- เพิ่มทางเลือกในการเดินทางและการทำงานแก่พนักงาน
- ความพยายามลดการปล่อยสารเพอร์ฟลูออโรคอมพาวน์ (Perfluorocompound — PFC) ออกสู่ชั้นบรรยากาศ
- เพิ่มประสิทธิภาพในระบบลอจิสติคส์
- พัฒนาสินค้าที่ประหยัดพลังงานและมุ่งคิดค้นพัฒนาโซลูชั่นที่เกี่ยวข้องกับดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- ร่วมมือกับลูกค้าและหน่วยงานต่าง ๆ ในการคิดค้นนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดหลักของไอบีเอ็ม 3 ข้อ คือ ความทุ่มเทเพื่อความสำเร็จของลูกค้า การคิดค้นนวัตกรรมที่มีประโยชน์ทั้งต่อองค์กรและต่อโลก และการให้ความไว้วางใจและรับผิดชอบต่อกิจกรรมปฏิสัมพันธ์ต่าง ๆ
ผลลัพธ์จากกิจกรรมด้านการประหยัดพลังงานและความเป็นผู้นำกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมของไอบีเอ็มที่ผ่านมา ได้แก่
ด้านการประหยัดพลังงาน
ด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวดในกิจกรรมด้านการประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไอบีเอ็มทั่วโลก ทำให้ไอบีเอ็มประสบความสำเร็จสามารถประหยัดไฟฟ้าได้ถึง 4.5 พันล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกือบ 3 ล้านเมตริกตันออกสู่ชั้นบรรยากาศ ในช่วงปีพ.ศ. 2533-2549 ซึ่งมีผลทำให้ไอบีเอ็มประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ถึง 290 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
หมายเหตุ ผลสำเร็จที่ได้ดังกล่าว รวมโครงการที่เกี่ยวข้องกับการประหยัดพลังงานทุกรูปแบบของไอบีเอ็ม ไม่ว่าจะเป็นการลดหรือหลีกเลี่ยงการใช้พลังงาน แต่ไม่รวมการลดการใช้พลังงานที่มีผลมาจากการลดขนาดของธุรกิจหรือการขายธุรกิจออกไป
เพื่อเป็นการต่อยอดจากความสำเร็จดังกล่าว ไอบีเอ็มจึงตั้งเป้าในปีพ.ศ. 2549 ที่มุ่งมั่น ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของทั้งบริษัทลงให้ได้ 12% ในช่วงปีพ.ศ. 2548-2555 ผ่านกิจกรรม 3 อย่างคือ การประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ และ/หรือ การจัดซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีประกาศนียบัตรรับรองด้านพลังงาน (Renewable Energy Certificates — RECs) เพื่อทดแทนกิจกรรมด้านการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร
การใช้พลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ (Renewable Energy)
การรณรงค์เรื่องการใช้พลังงานที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้นั้น ถือเป็นกิจกรรมที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของไอบีเอ็มในความพยายามลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร โดยในช่วงปีพ.ศ. 2548-2549 ไอบีเอ็มได้เพิ่มการจัดซื้อพลังงานแบบดังกล่าวมาใช้ในองค์กรมากถึง 180% โดยการจัดซื้อใช้พลังงานและอุปกรณ์ RECs ด้านนี้ ได้เพิ่มจาก 11 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงในปี 2544 เป็น 368 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงในปี 2549
การเพิ่มทางเลือกให้พนักงานในด้านการเดินทาง
ไอบีเอ็มบุกเบิกและรณรงค์กิจกรรมที่สนับสนุนให้พนักงานลดการเดินทางมาเกือบ 20 ปีแล้ว กิจกรรมหลัก ๆ มี 2 โครงการคือ การเปิดโอกาสให้พนักงานทำงานที่บ้าน และเปิดโอกาสให้พนักงานได้ทำงานอย่างอิสระโดยไม่จำกัดที่ทำงาน ปัจจุบัน พนักงานของไอบีเอ็มเกือบ 1 ใน 3 ทั่วโลก (พนักงานทั้งหมดทั่วโลกรวมแล้วมากกว่า 100,000 คน) ใช้ประโยชน์จากกิจกรรมดังกล่าว ด้วยการสนับสนุนจากเครื่องมือทางเทคโนโลยีต่าง ๆ ของฝ่ายบุคคลในการจัดการและตรวจสอบความคืบหน้าของพนักงาน
จากการประเมินเฉพาะในไอบีเอ็ม ในสหรัฐอเมริกา โครงการที่ให้พนักงานทำงานที่บ้าน ช่วยบริษัทประหยัดน้ำมันได้ถึง 8 ล้านแกลลอน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ถึง 61,600 เมตริกตัน ในปี 2549 นอกจากนั้น ไอบีเอ็มยังประเมินว่าบริษัทยังช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปีเดียวกันได้อีกถึง 3,600 เมตริกตัน ผ่านการรณรงค์และกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การให้รณรงค์ให้พนักงานใช้รถร่วมกัน (Carpooling หรือ Vanpooling) การรณรงค์การใช้จักรยาน หรือ เดิน เป็นต้น
ความพยายามลดการปล่อยสาร PFC ออกสู่ชั้นบรรยากาศ
ในปี 2541 ไอบีเอ็มถือเป็นบริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดัคเตอร์รายแรกของโลกที่ประกาศตั้งเป้าการลดการปล่อยสาร PFC ออกสู่ชั้นบรรยากาศอย่างเป็นรูปธรรม และบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายในอีก 4 ปีถัดมา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไอบีเอ็มได้รับการยอมรับในวงกว้างว่าเป็นผู้นำในเทคโนโลยีดังกล่าวและยังสามารถลดการปล่อยสาร PFC ออกสู่ชั้นบรรยากาศจากการผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ลงได้ถึง 55% ในช่วงปี 2543-2549 อีกด้วย
การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบโลจิสติคส์
นอกจากความพยายามในด้านต่าง ๆ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศแล้ว ไอบีเอ็มยังต่อกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมด้วยการพยายามปรับปรุงระบบโลจิสติคส์ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ การขนส่งชิ้นส่วน และสินค้าต่าง ๆ ผ่านทางการพัฒนารูปแบบหีบห่อ โดยทำงานร่วมกับผู้จัดส่งสินค้าและคู่ค้าต่าง ๆ นอกจากนั้น ไอบีเอ็มยังเข้าร่วมโครงการให้ความร่วมมือเพื่อสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ ในชื่อ สมาร์ทเวย์ (U.S. Environmental Protection Agency’s (EPA) SmartWay Transport Partnership) และรณรงค์ให้พันธมิตรของไอบีเอ็มเข้าร่วมโครงการดังกล่าวเช่นเดียวกัน
การคิดค้นเทคโนโลยีเพื่อการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและเพื่อสิ่งแวดล้อม
ที่ผ่านมา ไอบีเอ็มถือเป็นผู้นำด้านการคิดค้นเทคโนโลยีเพื่อการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างนวัตกรรมต่าง ๆ ในเรื่องดังกล่าว ได้แก่
ไมโครโปรเซสเซอร์
ประวัติของไอบีเอ็มในเรื่องไมโครโปรเซสเซอร์ เริ่มตั้งแต่การใช้ทองแดงในการเดินสายชิพ หลังจากนั้น ไอบีเอ็มได้นำเสนอนวัตกรรมด้านไมโครโปรเซสเซอร์ถึง 10 ชิ้นในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมา รวมทั้งมุ่งมั่นผลิตอุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์ที่มีขนาดเล็ก ราคาถูก ทำงานได้ดี และประหยัดพลังงาน ตัวอย่างของไมโครโปรเซสเซอร์ของไอบีเอ็มที่ถูกออกแบบมาเพื่อการประหยัดพลังงาน ได้แก่ แอร์แกป ไมโครโปรเซสเซอร์ (Airgap Microprocessor) และ เพาเวอร์ซิกส์ ไมโครโปรเซสเซอร์ (POWER6 Microprocessor) ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์ที่เร็วที่สุดในโลกและมีจุดเด่นเรื่องการประหยัดพลังงานสูง เป็นต้น
สินค้าที่เน้นหนักด้านการประหยัดพลังงาน
ไอบีเอ็มมีนโยบายด้านการปกป้องสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานรวมอยู่ในขั้นตอนการออกแบบและผลิตสินค้าของบริษัทฯ ตั้งแต่ปี 2534 เป็นต้นมา ตัวอย่างของกลุ่มผลิตภัณฑ์ไอบีเอ็มที่เน้นหนักด้านการประหยัดพลังงาน (Cool Blue Portfolio) ได้แก่ ซอฟท์แวร์ แอคทีฟ เอเนอร์จี แมเนเจอร์ หรือซอฟท์แวร์ที่ใช้ช่วยตรวจสอบและจัดการกาารใช้พลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์ เรียร์ ดอร์ ฮีท เอ็กซ์เชนเจอร์ หรือระบบทำความเย็นด้วยน้ำเย็นผ่านประตูในดาต้าเซ็นเตอร์แทนที่จะใช้พัดลมหรือระบบไฟฟ้า เป็นต้น
ดาต้าเซ็นเตอร์ประหยัดพลังงาน
ไอบีเอ็มถือเป็นผู้นำทางด้านนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการประหยัดพลังงานมากว่า 40 ปี ไม่ว่าจะเป็นการคิดค้นระบบระบายความร้อนในคอมพิวเตอร์เมนเฟรมในผ่านมาอดีต การพัฒนา “บลู ยีน” ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ประหยัดพลังงาน มาจนถึงการคิดค้นนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในปัจจุบัน ล่าสุด ไอบีเอ็มมีนโยบายใช้เงินลงทุนกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทุกปีในทุก ๆ กลุ่มธุรกิจ สำหรับด้านการพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ประหยัดพลังงาน โดยไอบีเอ็มใช้ข้อได้เปรียบของตัวเอง จากความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี และนำนวัตกรรมและความเชี่ยวชาญของตนไปเพิ่มขีดความสามารถของระบบคอมพิวเตอร์ในดาต้าเซ็นเตอร์ของไอบีเอ็มเองให้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าโดยไม่ใช้พลังงานเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ตัวอย่างของเทคโนโลยีด้านการจัดการพลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์ดังกล่าวได้แก่ ไอบีเอ็ม ดาต้าเซ็นเตอร์ เอเนอจี เอฟฟิเชียนซี่ แอสเซสเมนท์ หรือบริการประเมินการใช้พลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์ขององค์กรที่ช่วยลดการใช้พลังงานลงได้ถึง 40 % โมบาย เมเชอร์เมนท์ เทคโนโลยี หรือเทคโนโลยีระบบวัดและจัดการความร้อนในดาต้าเซ็นเตอร์แบบสามมิติ เป็นต้น
กิจกรรมตัวอย่างของไอบีเอ็มที่เกี่ยวข้องกับดาต้าเซ็นเตอร์
ด้วยพื้นที่ในการใช้งานดาต้าเซ็นเตอร์กว่า 8 ล้านตารางฟุตของไอบีเอ็มทั่วโลก ไอบีเอ็มถือว่าเป็นเจ้าของดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยเหตุดังกล่าว ไอบีเอ็มจึงใช้เทคโนโลยีของตัวเองแก้ปัญหาด้านการจัดการพลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อเป็นกรณีศึกษาแก่องค์กรอื่น ๆ เช่น การควบรวมเซิร์ฟเวอร์กว่า 3,900 ตัวให้เข้ามาอยู่ในคอมพิวเตอร์เมนเฟรม หรือซิสเต็ม ซี (System z) เพียง 30 ตัว (ซึ่งทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการลินึกซ์ และเทคโนโลยีเสมือน - Virtualization) ซึ่งผลจากการควบรวมเซิร์ฟเวอร์ดังกล่าว ทำให้ไอบีเอ็มลดการใช้พลังงานลงได้ถึง 80% รวมทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับค่าไฟ ค่าไลเซนส์ซอฟท์แวร์และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ลงได้อย่างมาก เป็นต้น
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ และโซลูชั่นด้านการประหยัดพลังงานของไอบีเอ็ม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ http://www.ibm.com/ibm/environment หรือ http://www.ibm.com/green
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
แผนกประชาสัมพันธ์
บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด
วีระกิจ โล่ทองเพชร
โทร. 02 273 4117
อีเมล์ werakit@th.ibm.com