กรมส่งเสริมการส่งออกย้ำอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยสู่ถนนผู้นำของอาเซียนตระการตาในงาน BIFF&BIL 2008

ข่าวทั่วไป Monday July 28, 2008 16:14 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ก.ค.--พิมพลัส
กรมส่งเสริมการส่งออกย้ำอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยสู่ถนนผู้นำของอาเซียน ตระการตาในงาน BIFF&BIL 2008 ภาครัฐและเอกชน ย้ำมั่นใจอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยไปไกลแน่ ผนึกกำลังดันอุตสาหกรรมแฟชั่น สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และเครื่องหนังไทย กว่า 800 บูธ จาก 500 บริษัท สู่สากลในงาน BIFF&BIL 2008
นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ และตัวแทนสมาคมแฟชั่น สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และเครื่องหนังไทย เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์พิเศษถึงแนวโน้มและการส่งเสริมอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยสู่ตลาดโลก และ งาน BIFF&BIL 2008 ณ ห้องประชุม กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันก่อน นายราเชนทร์ ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์การส่งออกรวมของไทยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2551 (มกราคม-พฤษภาคม) มีมูลค่ารวม 70,944 ล้านเหรียญดอลล่าห์สหรัฐฯ (เจ็ดหมื่นเก้าร้อยสี่สิบสี่ล้านเหรียญดอลล่าห์สหรัฐฯ) เพิ่มขึ้น 22.1 % เมื่อเทียบกับปีก่อนในช่วงเวลาเดียวกัน กรมส่งเสริมการส่งออกตั้งเป้ายอดรวมมูลค่าการส่งออกในปี 2551 เพิ่มขึ้นอีก 12.5 % หรือคิดเป็นมูลค่า 171,537 ล้านเหรียญดอลล่าห์สหรัฐฯ (หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นหนึ่งพันห้าร้อยสามสิบเจ็ดล้านเหรียญดอลล่าห์สหรัฐฯ) โดยแยกเป็นมูลค่าการส่งออกสิ่งทอ(เสื้อผ้า ผ้าทอ เส้นใย และอื่นๆ)ระหว่าง มกราคม-พฤษภาคม 2551 มีมูลค่า 2,948 ล้านเหรียญดอลล่าห์สหรัฐฯ (สองพันเก้าร้อยสี่สิบแปดล้านเหรียญดอลล่าห์สหรัฐฯ) เพิ่มขึ้น 7.9% ในช่วงระยะเวลาเดียวกันเมื่อเทียบกับปี 2550 คิดเป็น 4.2% ของยอดการส่งออกรวม ในปีนี้กรมส่งเสริมการส่งออกตั้งเป้าให้มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 10% หรือคิดเป็นมูลค่า 7,673 ล้านเหรียญดอลล่าห์สหรัฐฯ (เจ็ดพันหกร้อยเจ็ดสิบสามล้านเหรียญดอลล่าห์สหรัฐฯ) ถือได้ว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และเครื่องหนัง เป็นดาวรุ่งในอุตสาหกรรมการส่งออกของไทย ดังจะเห็นจากแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนายราเชนทร์ ได้กล่าวอย่างมั่นใจว่า ในแถบอาเซียน ประเทศไทย ถือว่าเป็นอันดับหนึ่ง เพราะมีความเข้มแข็ง และมีความพร้อมในทุกด้านมีทั้งต้นน้ำถึงปลายน้ำในอุตสาหกรรมนี้ ภาคเอกชนได้รวมตัวในรูปของสมาคม ทั้งผลิตภัณฑ์เส้นใย สิ่งทอ การฟอกย้อม เครื่องนุ่งห่ม แฟชั่นดีไซเนอร์ เครื่องหนัง ฯลฯ กรมส่งเสริมการส่งออก ก็ได้รับไฟเขียวจากทางรัฐบาลในการเดินหน้านำทัพอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยทะยานสู่เวทีโลก ทางภาคเอกชน นายเดช พัฒนเศรษฐพงษ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย กล่าวเสริมว่า ประเทศในแถบอาเชียน ปัจจุบันมีเพียงประเทศไทย และอินโดนีเซีย เท่านั้นที่ถือว่ามีอุตสาหกรรมสิ่งทอ ที่เป็นลักษณะต้นน้ำและปลายน้ำ หากแต่ประเทศไทยมีความได้เปรียบที่เหนือกว่าหลายด้าน ทั้งความสมบูรณ์ของวัตถุดิบ ฝีมือแรงงาน ศักยภาพการผลิต คุณภาพของสินค้า การขนส่งสินค้า เป็นต้น แต่ในภาพรวมอุตสาหกรรมสิ่งทอผ้าและเครื่องนุ่งห่มไทยยังมีระดับการออกแบบ และดีไซน์ที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำเมื่อเทียบกับ อุตสาหกรรมแฟชั่น เครื่องหนัง หรือ เครื่องประดับ ถึงอย่างไรก็ยังได้รับการสนับสนุนที่ดีจากกรมส่งเสริมการส่งออกในการแก้ไขปัญหา ดังกล่าว ทั้งทางด้านส่งเสริมอบรม พัฒนาศักยภาพให้ผู้ประกอบการ และการสร้างเวทีงานแสดงสินค้าระดับชาติให้ได้โชว์ผลงาน อย่างเช่นในงาน BIFF&BIL 2008 ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งปลายเดือนสิงหาคมนี้ นายสุชาย พรศิริกุล นายกสมาคมพ่อค้าผ้าไทย ได้เปิดเผยอีกว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยโดยเฉพาะในการผลิตและออกแบบผ้าผืน เป็นที่ยอมรับถึงคุณภาพกลุ่มลูกค้าโดยส่วนใหญ่จะอยู่ในแถบอาเซียนด้วยกัน รวมทั้งประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตของตลาดที่ดี ทั้งนี้มีลูกค้าในหลายๆประเทศมาสั่งซื้อผ้าผืนในประเทศไทยแล้วส่งไปผลิตยังประเทศเพื่อนบ้านอย่าง กัมพูชา และเวียดนาม จากการสอบถามพบว่า คุณภาพ และความสวยงามของผ้าไทยประทับใจลูกค้า ส่วนงาน BIFF&BIL ในปีที่ผ่านมามีผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจมาก จึงมั่นใจว่า BIFF&BIL 2008 นี้จะได้รับการสนับสนุนอย่างดีอีกเช่นเคยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่นระหว่างสมาคมทั้ง 15 สมาคมในอุตสาหกรรมนี้ ทั้งที่ เป็น OEM ODM และ OBM ก็จะเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ในเรื่องการสร้างแบรนด์ให้กับสินค้าไทยเป็นสิ่งที่สำคัญโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมแฟชั่นเพราะจะเป็นการยกระดับสินค้าให้มีมาตรฐาน เพิ่มมูลค่า และสร้างการยอมรับจากกลุ่มลูกค้าหากแต่แบรนด์ที่สำคัญที่ต้องสร้างให้ยืนอยู่อย่างแข็งแรงให้ได้คือแบรนด์ของประเทศไทย เพราะมันคือภาพรวมของทั้งหมด และจะเป็นฐานที่ส่งเสริมให้สินค้าทุกแบรนด์ของไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล แต่การสร้างแบรนด์นั้นต้องใช้เวลาและความตั้งใจจริง
ทางด้านนายธวัฒน์ จิว นายกสมาคมเครื่องหนังไทย ได้กล่าวเสริมไว้อย่างน่าสนใจ ว่า ประเทศอิตาลีเองก็ใช่เวลามากกว่า 30 ปี และทุ่มงบประมาณจำนวนมาก กว่าเครื่องหนังของอิตาลีจะติดตลาด ซึ่งอุตสาหกรรมเครื่องหนังไทยเมื่อเทียบกับอาเซียนรวมถึงเอเชีย ไทยก็รั่งตำแหน่ง อยู่ในอันดับที่ 1 ต่อเนื่องสองปี แต่ในตลาดโลกยังคงต้องใช้เวลา เพราะยังมีอุปสรรคอยู่บ้างในตลาดยุโรปที่ยังไม่ยอมรับ แบรนด์ไทย แต่หากมองในภาพรวมเป็นที่น่ายินดีที่ แบรนด์ไทยก็ถูกยกระดับให้เหนือแบรนด์จีนและอินเดีย อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมเครื่องหนังไทย เน้นความสำคัญในเรื่องการผลิตและการออกแบบ ปัจจุบันไทยมีอิตาลีเป็นพี่เลี้ยงในการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องหนัง ทั้งนี้ภาครัฐก็สนับสนุนอย่างต่อเนื่องในการอบรมพัฒนาความรู้ในการสร้างตลาดและสร้างแบรนด์โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาให้คำแนะนำ ส่วนงาน BIFF&BIL 2008 ในปีนี้มีผลตอบรับจาก Exhibitor ดีมากมียอดจองบูธเพิ่มขึ้นอีก 20 % จากปีที่แล้ว และไฮไลท์ในงานนี้ก็จะมีเครื่องหนังคุณภาพดีดีไซน์เก๋มาโชว์ในงานมากมาย การที่กรมส่งเสริมการส่งออกจัดให้มีงานและกิจกรรมส่งเสริมการค้า ทั้งระดับประเทศและระดับนานาชาติออกมาในระยะเวลาใกล้เคียงกันหลายงานนั้น นายราเชนทร์ ได้ชี้แจงในประเด็นนี้ว่า เป็นนโยบายที่ภาครัฐพยามกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางการตลาดอันจะเป็นผลดีต่อผู้ประกอบไทย หากแต่รูปแบบงานและกลุ่มเป้าหมายมีความแตกต่างกัน เช่น งาน Made in Thailand จะเน้นโชว์ศักยภาพในอุตสาหกรรมการผลิต มีหลากหลายสินค้า รวมทั้ง ธงฟ้าราคาประหยัด ซึ่งแตกต่างจาก BIFF&BIL 2008 ที่เน้นเรื่องแฟชั่น เป็นเวทีการค้าของอุตสาหกรรมสิ่งทอเครื่องนุ่งห่ม เครื่องหนัง และเครื่องประดับ ระดับสากล เรียกได้ว่าเป็นงานแฟชั่นสิ่งทอและเครื่องหนังสมบูรณ์แบบที่ 1 ปีมีเพียงครั้งเดียว นายราเชนทร์ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า หากต้องการดูเทรนแฟชั่นแห่งเอเชีย และภาพรวมของอุตสาหกรรมสิ่งทอเครื่องนุ่งห่ม เครื่องหนัง และเครื่องประดับ จากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ทั้งหมดจะรวมไว้ในงานนี้ซึ่งจะเป็นอีกครั้งที่ประเทศไทยจะประกาศศักดาความเป็นเพชรน้ำงามในอุตสาหกรรมแฟชั่น และเครื่องหนัง BIFF&BIL 2008 งานแสดงสินค้าด้านแฟชั่นและเครื่องหนังระดับนานาชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยกรมส่งเสริมการส่งออก เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว ปีนี้จะจัดในระหว่างวันที่ 27 — 31 สิงหาคม 2550 โดยในวันที่ 27 — 29 สิงหาคม เป็นวันเจรจาธุรกิจ และวันที่ 30 -31 สิงหาคม จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมงาน ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา ผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์งานฯได้ที่ www.biffandbil.com
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
รุจี สุทธิรัตน์ / ญี่ปุ่น อำนวยพร บริษัท พิมพลัส จำกัด ฝ่ายประชาสัมพันธ์งาน BIFF & BIL 2008
โทร. 02-741-5212-5 แฟกซ์. 02-741-5216 อีเมล์ rugee@pimplus.co.th; yeepoon@pimplus.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ