กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเครดิตพินิจ แนวโน้มเป็นลบ (Rating Watch Negative) แก่หนี้ไม่มีประกัน ไม่ด้อยสิทธิของบมจ. ปิโตรเคมีแห่งชาติ (NPC) ซึ่งมีอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ระยะยาวที่ AA-(tha) และระยะสั้นที่ F1+(tha) ในขณะเดียวกัน ฟิทช์ ได้ประกาศเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นบวก (Rating Watch Positive) แก่หุ้นกู้มีประกันของบมจ. ไทยโอเลฟินส์ (TOC) ซึ่งมีอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ A-(tha) แนวโน้มเป็นบวก (Positive Outlook) การประกาศเครดิตพินิจเป็นผลมาจากความเป็นไปได้ของการควบรวมกิจการระหว่าง NPC และ TOC
ในขณะที่ NPC และ TOC ยังไม่ได้ออกมาประกาศว่าจะควบรวมกิจการกัน บมจ. ปตท (PTT) ซึ่งถือหุ้น 37.9% ใน NPC และ 49% ใน TOC อยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของการควบรวมกิจการของสองบริษัทนี้ ฟิทช์เห็นว่าความคิดที่จะควบรวมกิจการสะท้อนให้เห็นถึงการที่ PTT มีความต้องการที่จะจัดการลงทุนในกลุ่มปิโตรเคมีให้มีความชัดเจนมากขึ้น เพื่อลดการลงทุนซ้ำซ้อนของกิจการในกลุ่มและเพื่อสร้างผลประโยชน์ร่วมทางด้านการดำเนินงานของผู้ผลิตโอเลฟินส์สองรายนี้
การประกาศเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบแก่ NPC อยู่บนพื้นฐานของการคาดการณ์ว่าระดับหนี้สินเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานของบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวม (หากการควบรวมเกิดขึ้นจริง) จะมีแนวโน้วสูงกว่าระดับที่สะท้อนอยู่ในอันดับเครดิตของ NPC ในปัจจุบัน ในทางกลับกัน การประกาศเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นบวกแก่หุ้นกู้มีประกันของ TOC สะท้อนถึงความเป็นไปได้ที่ระดับหนี้สินเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานของบริษัทใหม่ จะอยู่ต่ำกว่าระดับที่สะท้อนอยู่ในอันดับเครดิตของ TOC ในปัจจุบัน บริษัททั้งสองได้ประกาศผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานสูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2547 เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่สูงขึ้น หากรวมผลการดำเนินงานและระดับหนี้สินในปี 2547 ของ NPC และ TOC เข้าด้วยกัน ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อEBITDA ของบริษัทใหม่จะอยู่ที่ 0.9 เท่า (NPC:0.5 เท่า TOC: 1.3 เท่า) และอัตราส่วนหนี้สินสุทธิ ต่อ EBITDA ของบริษัทใหม่จะอยู่ที่ 0.4 เท่า (NPC: มีเงินสดสุทธิ TOC: 0.8 เท่า)
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบต่ออันดับเครดิต (ถ้ามี) ขึ้นอยู่กับผลของการศึกษาความเป็นไปได้และการที่ข้อเสนอในการควบรวมกิจการได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ ผลกระทบต่ออันดับเครดิตยังต้องพิจารณาถึงโครงสร้างทางการเงินและโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทใหม่ ระดับของผลประโยชน์ร่วมทางด้านการดำเนินงานในอนาคตและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน ฟิทช์คาดว่าจะนำอันดับเครดิตออกจากเครดิตพินิจ (Rating Watch) เมื่อได้รับข้อมูลที่เกี่ยวเนื่องกับการควบรวมกิจการที่เพียงพอในการทำการวิเคราะห์
ติดต่อ: ภิมลภา สิมะโรจน์, อรวรรณ การุณกรสกุล, เลิศชัย กอเจริญรัตนกุล,
Vincent Milton + 662 655 4755
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) เป็นการวัดระดับความน่าเชื่อถือในเชิงเปรียบเทียบกันระหว่างองค์กรในประเทศนั้นๆ โดยจะใช้ในประเทศที่อันดับเครดิตแบบสากลของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อันดับเครดิตขององค์กรที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับองค์กรที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในตลาดในประเทศเป็นหลักและจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้--จบ--