กรุงเทพฯ--30 ก.ค.--พีอาร์พีเดีย
บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในประเทศไทย ที่มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี ในการพัฒนาที่พักอาศัยคุณภาพ สำหรับผู้บริโภคในระดับกลางและล่าง อีกทั้งมีนโยบายสำคัญในการตอบแทนสังคม ด้วยโครงการการกุศลภายใต้ชื่อ “บ้านร่วมทางฝัน” ประกาศความพร้อมลุยเดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ (SET) คาดระดมทุนประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อขยายกิจการในอนาคต พร้อมแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทแอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินร่วม มั่นใจเข้าเทรดหุ้นได้ภายในไตรมาส 4
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความพร้อมที่จะระดมทุนผ่านตลาดทุนแล้ว หลังจากที่เคยยื่นแบบเสนอข้อมูลให้กับประชาชน (ไฟลิ่ง) ไปแล้วเมื่อปีก่อน โดยจะเสนอขายหุ้นประมาณ 200 ล้านหุ้น (มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาทต่อหุ้น) ให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก จากปัจจุบันที่มีทุนจดทะเบียน 700 ล้านบาท เป็นทุนที่ชำระแล้ว 500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าการระดมทุนครั้งนี้ น่าจะได้เงินประมาณ 500 ล้านบาท โดยเงินจำนวนดังกล่าว บริษัทฯ จะได้นำมาเพื่อใช้ในการขยายกิจการ เพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งทางด้านการเงินให้แก่บริษัทฯ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทแอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินร่วม เพื่อนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) โดยน่าจะสามารถสรุปรายละเอียดการเข้าจดทะเบียน และจะยื่นไฟลิ่งภายในไตรมาส 3 และน่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในปีนี้
และด้วยจุดยืนของทางบริษัทฯ ที่ยึดมั่นเป็นหลักในการประกอบธุรกิจตลอดมา นั่นคือการมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และเหมาะสมต่อผู้บริโภค โดยบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญต่อผู้บริโภคในระดับกลางและล่างเป็นหลัก และเป็นที่สังเกตได้อย่างชัดเจนว่าในปัจจุบัน ผู้บริโภคในกลุ่มดังกล่าว มีพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปจากในอดีตอย่างเห็นได้ชัดเจน กล่าวคือ ในปัจจุบันผู้บริโภคได้หันมาให้ความสนใจในโครงการที่พักอาศัยที่เน้นความสะดวกสบาย และการคมนาคมที่สะดวกรวดเร็ว ดังนั้น บริษัทฯ จึงเริ่มพัฒนาโครงการในรูปแบบใหม่เพื่อตอบสนองต่อความต้องการดังกล่าว นั่นคือ คอนโดมิเนียม โดยทางบริษัทฯ ได้สร้างคอนโดมิเนียมแบรนด์ The Niche และ The Cache ขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละระดับ โดยแบรนด์ The Niche ทางบริษัทฯ ได้วางตำแหน่งของผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้อยู่ในระดับกลาง (B — B+) ซึ่งในปัจจุบัน ทางบริษัทฯ ได้ทำการเปิดตัวโครงการไปแล้วใน 2 ทำเล นั่นคือ สุขุมวิท 49 และ ลาดพร้าว 48 ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี โดยในส่วนของโครงการเดอะ นิช สุขุมวิท 49 ซึ่งถือเป็นโครงการคอนโดมิเนียมโครงการแรกของทางบริษัทฯ ก็ได้ทำการปิดการขายโครงการได้เป็นที่เรียบร้อย และจากผลการตอบรับของผู้บริโภคที่ผ่านมา โครงการจึงเตรียมเปิดตัวโครงการเดอะ นิช เพิ่มอีก 2 ทำเลในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2551 นั่นคือ โครงการเดอะนิช รัชดา-ห้วยขวาง และ เดอะนิช ตากสิน ซึ่งทางบริษัทฯ ก็มีความมั่นใจว่าจะยังได้รับการตอบรับการผู้เป็นอย่างดีเช่นเดิม
ในส่วนของ The Cache ที่ทางบริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในระดับต่ำลงมา (C) โดยเป็นโครงการคอนโดมิเนียมคุณภาพ และมีราคาที่ไม่สูง โดยทางบริษัทฯ ได้ตั้งใจพัฒนาโครงการนี้ขึ้นเพื่อมุ่งเน้นในการเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่เดิมพักอาศัยอยู่ใน Apartment เพื่อให้สามารถเลือกซื้อบ้านเป็นของตนเองได้ โดยที่มีภาระค่าใช้จ่ายไม่ต่างจากค่าเช่าเดิม อีกทั้งยังสามารถครอบครองเป็นของตนเองได้ โดยบริษัทฯ มีความมั่นใจอย่างยิ่งว่า The Cache จะโครงการคุณภาพอีกหนึ่งแบรนด์ของทางบริษัทฯ ที่จะเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภค และในส่วนของครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ เตรียมตัวเปิดตัวโครงการ The Cache ใน 2 ทำเล คือ ลำลูกกา คลอง 2 และ สำโรง
ในส่วนภาพรวมบริษัทฯ ปัจจุบันมีโครงการรวมทั้งหมดกว่า 16 โครงการ ภายใต้แบรนด์ เสนา แกรนด์โฮม , เสนา กรีนวิลล์ , เสนา วิลล่า , เดอะนิช , เดอะแคช , และเสนาเฮ้าส์ ซึ่งมีความหลากหลายและครอบคลุมทุกความต้องการของกลุ่มบริโภค ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม และเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้ดำเนินตามนโยบายของบริษัทฯ ที่ต้องการตอบแทนสังคม ที่ได้ให้การยอมรับ และสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ด้วยดีตลอดมาถึง 30 ปี ดังนั้น บริษัทฯ จึงได้พัฒนาโครงการ ภายใต้ชื่อ “บ้านร่วมทางฝัน” ขึ้น โดยโครงการบ้านร่วมทางฝัน บริษัทฯ จะได้นำกำไรทั้งหมดจากการพัฒนาโครงการมอบให้แก่องค์กรสาธารณะกุศลต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมา โครงการบ้านร่วมทางฝัน ลำลูกกา คลอง 2 สามารถทำกำไรเพื่อมอบให้แก่โรงพยาบาลศิริราชได้เป็นจำนวนถึง 40 ล้านบาท และเพื่อเป็นการยืนยันในนโยบายดังกล่าว ขณะนี้บริษัทฯ จึงได้วางแผนในการพัฒนาโครงการการกุศลโครงการที่ 2 ภายใต้ชื่อ “บ้านร่วมทางฝัน 2” ขึ้นที่ลำลูกกา คลอง 4 ซึ่งโครงการนี้ บริษัทฯ จะได้นำกำไรทั้งหมดจากการพัฒนาโครงการมอบให้แก่โรงพยาบาลตำรวจ โดยบริษัทฯ ได้เตรียมที่จะทำการเปิดตัวโครงการบ้านร่วมทางฝัน 2 ขึ้นภายในเดือนกันยายนนี้ และคาดว่าจะสามารถทำกำไรเพื่อมอบให้แก่โรงพยาบาลตำรวจได้ไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท
สำหรับการขยายกิจการในอนาคต บริษัทฯ มีที่ดินที่พร้อมรองรับการขยายโครงการอยู่ในอีกหลายทำเล แต่ทางบริษัทฯ จะมุ่งพัฒนาโครงการอย่างเป็นขั้นตอน โดยมองถึงทิศทางการขยายตัวของเขตเมือง และการเจริญของสาธารณูปโภคที่จะอำนวยความสะดวก รวมถึงความต้องการของผู้บริโภคในระดับกลางและล่าง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างดีที่สุด โดยบริษัทฯ จะเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ มีการบริการหลังการขายที่ดี ในราคาที่สามารถแข่งขันได้ให้แก่ลูกค้า อีกทั้งบริษัทฯ ยังให้ความสำคัญในการมอบเงื่อนทางด้านการเงินให้เป็นพิเศษ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก และช่วยเหลือผู้บริโภคในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อบ้านได้อย่างตรงใจ แต่ในขณะเดียวกันก็มีภาระทางด้านการเงินน้อยที่สุด
สำหรับผลประกอบการ 2 ไตรมาส ปี 2551 บริษัทมีรายได้ 553 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 100% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 267 ล้านบาท และ 2 ไตรมาส ปี 2551บริษัท มีกำไรสุทธิ 120 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 300 %จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 29 ล้านบาท และคาดว่าปี 2551 บริษัทจะมีรายได้ประมาณ1100 ล้านบาท โตประมาณ 50% จากปีก่อนที่มีรายได้ 697 ล้านบาท
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KEST) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม กล่าวว่า บริษัทเสนา ดีเวลลอปเม้นท์ ถือเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อีกแห่งที่ได้รับการยอมรับในวงการ และเป็นอีกบริษัทที่มีความน่าสนใจ อีกทั้งตลาดอสังริมทรัพย์ยังถือว่ามีแนวโน้มที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดคอนโดมีเนียมที่ยังมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมากกว่า 10% และบริษัทเสนา ดีเวลลอปเม้นท์เป็นอีกบริษัทที่ให้ความสำคัญกับตลาดคอนโดมีเนียม
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) กล่าวว่า บริษัทมีความยินดีที่ทางบริษัทได้มอบความไว้วางใจให้เป็นที่ปรึกษาทางการเงินร่วม ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี ที่มีบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินถึง 2 แห่ง มาดูแลบริษัทระหว่างการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งแต่บริษัทก็มีข้อได้เปรียบแตกต่างกัน โดย KEST ถือว่ามีจุดแข็งด้านฐานลูกค้าที่มีอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้มีฐานนักลงทุนกว้าง และหุ้นสามารถกระจายไปอย่างทั่วถึง ในขณะที่ APM ก็มีจุดเด่นการการทำโรดโชว์ให้บริษัทเป็นที่รู้จักของนักลงทุนรายย่อยเป็นอย่างดี ซึ่งน่าเป็นจุดแข็งสำหรับการมีที่ปรึกษาทางการเงินร่วม
นอกจากนี้ยังเห็นว่า บริษัทเสนา ดีเวลลอปเม้นท์ เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (รายแรก) ที่เข้าจดทะเบียนใน SET ในปีนี้ ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และบริษัทมีความพร้อมที่จะแข่งขันในตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างแท้จริง ซึ่งตัดสินใจเข้าจดทะเบียนใน SET เพื่อระดมทุนสำหรับขยายกิจการในอนาคต
สำหรับไฟลิ่งของบริษัท หลังจากที่มีการยื่นไปเมื่อปีก่อนนั้น ถือว่าหมดอายุแล้ว ทำให้บริษัทฯและ KEST ฐานะที่ปรึกษาทางการเงินจะยื่นไฟลิ่งใหม่ โดยจะมีการปรับปรุงข้อมูลให้มีความเป็นปัจจุบันมากขึ้น ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะมีการแก้ไขมาก เนื่องจากไฟลิ่งชุดเดิมได้รับการอนุมัติจาก ก.ล.ต. แล้ว และจะทำให้บริษัทสามารถเข้าจดทะเบียนได้ทันในปีนี้แน่นอน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
บริษัท พีอาร์พีเดีย จำกัด
จตุพล นาคนิ่ม / นิภาพรรณ ชัยโตษะ
มือถือ: 081 689 8245 / 089 133 6893
โทรศัพท์ : 02 439 3837
อีเมล์ : contact@prpedia.co.th
www.prpedia.co.th