โครงการคอนโดมิเนียมแนวสูงในพัทยามีแนวโน้มที่ดี

ข่าวอสังหา Wednesday July 30, 2008 11:47 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 ก.ค.--ซีบี ริชาร์ด เอลลิส
จากผลการสำรวจตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยาครั้งล่าสุดของ ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย พบว่า โครงการคอนโดมิเนียมแนวสูงมียอดขายที่ดีกว่า โดยเฉพาะโครงการที่ตั้งอยู่ติดชายหาด หรือสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามได้ ซึ่งสามารถปิดการขายไปได้แล้วเฉลี่ย 45% ของจำนวนยูนิตทั้งหมดที่มีการทำการตลาดอยู่ในปัจจุบัน บางโครงการที่เพิ่งมีการเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ที่จัดอยู่ในโครงการแนวสูงดังกล่าว ได้แก่ โครงการเดอะ โคฟ โครงการเดอะ สปินเนกเกอร์ และโครงการนอร์ธพ้อยท์ เป็นต้น
ด้านห้องชุดในคอนโดมิเนียมแนวราบสามารถปิดการขายไปได้แล้วราว 30% โดยทั่วไปโครงการลักษณะดังกล่าวมักตั้งอยู่ห่างจากทะเล และสามารถมองเห็นวิวทะเลได้น้อยกว่าโครงการในแนวสูง โครงการแนวราบที่สามารถทำยอดขายได้สูงสุด คือ โครงการที่มีราคาขายต่อยูนิตประมาณหรือต่ำกว่า 5 ล้านบาทและตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองพัทยา
จากการที่มีโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ทยอยเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้ยอดขายโดยรวมของคอนโดมิเนียมระดับเกรดเอในพัทยาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 40% เล็กน้อย ณ ไตรมาส 2 ของปีนี้ ปัจจุบันมีคอนโดมิเนียมที่แล้วเสร็จและกำลังจะเพิ่มเข้าสู่ตลาดพัทยาราว 3,500 ยูนิต โดย 50% ของยูนิตดังกล่าวเปิดตัวไปตั้งแต่ต้นปี 2550 ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ยอดขายโดยรวมอยู่ในระดับที่ต่ำ
ในด้านราคา โครงการที่มียอดขายสูงสุด คือ โครงการที่มีราคาไม่สูงมากนัก ซึ่งมีราคาประมาณหรือไม่เกิน 5 ล้านบาท แต่ทว่าโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูงซึ่งมีราคาสูงถึง 20 ล้านต่อยูนิต หรือมากกว่า ก็ยังคงได้รับความสนใจจากตลาดระดับไฮเอนด์อยู่มาก โดยสามารถปิดการขายไปได้แล้วเกือบครึ่งหนึ่งของยูนิตที่มีขายในปัจจุบัน
ห้องชุดในโครงการแนวราบมีราคาหลากหลาย ในขณะที่ห้องชุดในโครงการแนวสูงที่ทางซีบี ริชาร์ด เอลลิสทำการสำรวจมีราคาไม่ต่ำกว่า 80,000 — 100,000 บาทต่อตารางเมตร การที่ค่าก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ โดยเฉพาะราคาเหล็ก ซึ่งเป็นวัสดุที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งในการก่อสร้าง ทำให้ราคาของห้องชุดทั้งในโครงการแนวสูงและแนวราบในพัทยาปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย
ห้องชุดขนาด 2 — 3 ห้องนอนยังคงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในพัทยา เพราะผู้ซื้อโดยส่วนใหญ่มักเป็นครอบครัว หรือไม่ก็นิยมพื้นที่ขนาดใหญ่มากกว่า ในหลายโครงการ พบว่า ผู้ซื้อซื้อเพื่อใช้เป็นบ้านพักหลังที่สอง สำหรับห้องเพนท์เฮาส์นั้นแม้จะมีจำนวนจำกัดแต่ก็มีการเสนอขายในตลาดพัทยา โดยห้องเพนท์เฮาส์ที่ขายได้คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1% เท่านั้นของห้องชุดทั้งหมดที่มีการปิดการขายในพัทยา
พัทยายังคงเป็นจุดหมายที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยในปี 2550 มีนักท่องเที่ยวรวม 6.2 ล้านคนเดินทางเข้ามาในพัทยา จากตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า อัตราการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวในพัทยาอยู่ที่ระดับ 9% ต่อปี ซึ่งเพิ่มจากปี 2543 เกือบ 2 เท่า แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของพัทยาในฐานะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับชาวต่างชาติ และเป็นแหล่งพักผ่อนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ของผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า ความเคลื่อนไหวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพัทยาส่วนหนึ่งมาจากผู้ที่พักอาศัยในกรุงเทพ ฯ ที่ต้องการมีบ้านพักหลังที่สองหรือบ้านพักในช่วงวันหยุด
ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2551 นี้ จะมีโครงการระดับไฮเอนด์จำนวนหนึ่งที่มีแผนจะเปิดตัวในช่วงเวลาดังกล่าว และจะเป็นการชี้ให้เห็นว่าตลาดมีการตอบสนองต่อการเปิดตัวดังกล่าวมากน้อยเพียงไร จากตัวเลขล่าสุดของกรมที่ดิน พบว่า มีการซื้อขายที่ดินจำนวนหลายแปลงในพัทยาในช่วงไตรมาส 1 ของปีนี้ ซึ่งคาดการณ์ว่า จะมีนัยถึงการพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มขึ้นอีกในพัทยา ในฐานะที่พัทยาเป็นแหล่งพักผ่อนตากอากาศ จึงต้องอาศัยธุรกิจท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์และการกลับมาท่องเที่ยวซ้ำ เพื่อช่วยให้เกิดการขายอสังหาริม ทรัพย์ในสัดส่วนที่มากพอสมควร หากความวิตกกังวลในเรื่องการเมืองลดลงและภาวะเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นในช่วงหลังของปีนี้ ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็น่าจะมีผลประกอบการในอนาคต
นางลินดา ออร์ด ผู้จัดการทั่วไป ซีบี ริชาร์ด เอลลิส พัทยา กล่าวว่า “คอนโดมิเนียมแนวสูงในพัทยามีแนวโน้มที่จะตั้งอยู่ติดหรือใกล้กับชายหาด พร้อมทั้งสามารถมองเห็นมีวิวทะเลที่สวยงามและมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อย่างครบครัน เนื่องจากผู้ที่ซื้อคอนโดมิเนียมในพัทยาโดยส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติก็ตาม มักซื้อเพื่อใช้เป็นบ้านหลังที่สองหรือเป็นบ้านพักตากอากาศ จึงทำให้ผู้ซื้อดังกล่าวต้องการที่จะพักอาศัยใกล้กับชายหาดให้มากที่สุด เพื่อที่จะเพลิดเพลินกับเวลาในยามพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น โครงการในแนวสูงที่อยู่ติดริมชายหาดจึงได้รับความนิยมมากกว่า สำหรับโครงการแนวสูงที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ล้วนแล้วแต่ตั้งอยู่ในทำเลชั้นเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการที่มีทำเลตั้งอยู่ติดกับริมชายหาด หรือเป็นทำเลที่สามารถมองเห็นวิวทะเลอันสวยงามได้อย่างชัดเจน ซึ่งทำให้มีแนวโน้มว่าจะยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมากกว่าโครงการแนวราบ ในแง่ของยอดขายในระยะกลางและระยะยาว”
เกี่ยวกับ ซีบี ริชาร์ด เอลลิส
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (NYSE:CBG) เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ให้บริการแบบครบวงจร มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในนครลอสแองเจลลิส พร้อมด้วยบุคลากร 29,000 คนในสำนักงานมากกว่า 300 สาขาที่ให้บริการแก่เจ้าของโครงการ นักลงทุน และผู้ซื้อรายย่อยทั่วโลก
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เริ่มเปิดดำเนินการครั้งแรกในกรุงเทพมหนครเมื่อปีพ.ศ.2531 ขยายไปสู่สาขาภูเก็ตในปีพ.ศ. 2547 สาขาเกาะสมุยและสาขาพัทยาในปี 2550 โดยให้บริการด้านการเป็นตัวแทนในการซื้อขาย และให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้าน คอนโดมิเนียม วิลล่า อพาร์ตเมนท์ เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ อาคารสำนักงาน ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอุตสาหกรรม โรงแรม ที่ดิน และให้บริการด้านการให้คำปรึกษา ซึ่งรวมถึง การให้บริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน การวิจัยตลาด และการประเมินราคาทรัพย์สิน นอกจากนี้ ยังให้บริการในด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์ด้วยมาตรฐานระดับสากล หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้บริการ สามารถเข้าชมได้ที่ www.cbre.co.th
ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติ่ม:
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร
กรรมการผู้จัดการ
02 654 1111
นางสาวงามใจ เจียรจรัส
ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร
02 654 1111 ต่อ 522

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ