กรุงเทพฯ--25 เม.ย.--ธ.กสิกรไทย
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิ กรไทยขยายการให้บริการรับบัตรเครดิตและบัตรเดบิตผ่านเครื่องอนุมัติวงเงินอัตโนมัติ (EDC) แก่ร้านค้าเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเครือข่าย จากเดิมที่สามารถรับบัตรภายใต้เครือข่ายของ Visa และ MasterCard ในครั้งนี้ได้เพิ่มการรับบัตรไชน่า ยูเนียนเพย์ ( China UnionPay : CUP) ซึ่งเป็นบริษัทเครื อข่ายการให้บริการบัตรเครดิตและบัตรเดบิตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดย CUP มีธนาคารสมาชิกกว่า 100 แห่งในจีนและฮ่องกง ซึ่งออกบัตรเครดิตและบัตรเดบิต CUP รวมทั้งสิ้นกว่า 760 ล้านบัตร ในปัจจุบัน
ในช่วงที่ผ่านมา CUP ได้มีการขยายเครือข่ายการให้บริการรับบัตรเครดิตและบัตรเดบิตไปยัง ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และไทย และอยู่ระหว่างการขยายฐานการรับบัตร CUP มายังประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียอื่นๆ เช่น ไต้หวัน มาเลเซีย และญี่ปุ่น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่นักธุรกิจ นักท่องเที่ยวชาวจีนผู้ถือบัตร CUP ที่จะสามารถนำบัตรไปใช้ชำระค่าสินค้าและบริการ
ในฐานะที่ธนาคารกสิกรไทยให้ความ สำคัญกับความสัมพันธ์และความร่วมมือทางธุรกิจในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนมาโดยตลอด ธนาคารกสิกรไทยจึงยินดีที่จะเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยแห่งแรก ที่ให้บริการรับบัตร CUP ทั้งนี้ร้านค้าของธนาคารกว่า 500 แห่ง สามารถรับบัตร CUP ได้แล้ว โดยเป็นร้านค้าต่างๆ ที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยธนาคารมีแผนขยายสถานที่รับบัตร CUP ให้ได้ 2,000 ร้านค้า ในปี 2548 ซึ่งธนาคารมั่นใจว่าร้านค้าสมาชิกที่รับบัตร CUP จะสามารถเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการได้มากยิ่งขึ้น
นายว่าน เจี้ยน หัว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไชน่า ยูเนียนเพย์ กล่าวว่า ประเทศไทยนับเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมเดินทางมาเยือนมาก ในฐานะที่ China UnionPay เป็นผู้ให้บริการด้านบัตร Bank Card แห่งหนึ่งของจีน จึงมีเป้าหมายที่จะเปิดบริการรับบัตร CUP ทุกแห่งที่มีชาวจีนเดินทางไปท่องเที่ยว จึงเชื่อมั่นว่าความร่วมมือของบริษัท China UnionPay และธนาคารกสิกรไทยในครั้งนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกสบายในกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว การบริโภคและการค้าให้แก่ผู้ถือบัตรชาวจีน ทั้งยังเป็นการพัฒนาความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจการค้าของทั้งสองประเทศอีกด้วย
จากข้อมูลของททท. ในปี 2547 มีนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจชาวจีนเดินทางเข้ามาในประเทศไทยกว่า 7 แสนคน ซึ่งมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต--จบ--