กรุงเทพฯ--20 ก.ย.--ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
นับจากที่ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมสารสนเทศอย่างเต็มรูปแบบโดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศแพร่หลายมากขึ้นทั้งในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชนดังจะเห็นได้จากดัชนีชี้วัดเกี่ยวกับจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์พื้นฐานจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ต อันเป็นดัชนีชี้วัดสำคัญประการหนึ่งที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ในแต่ละประเทศ
สำหรับประเทศไทยนั้น พบว่า จากผลสำรวจเมื่อต้นปี 2547จำนวนผู้ใช้โทรศัพท์พื้นฐานมีสูงถึง 6.9 ล้านเลขหมาย
ส่วนจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือมีสูงกว่า 22 ล้านเลขหมายและจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมีสูงถึง 7 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 11.9 ของประชากรโดยรวมของประเทศ และในปีเดียวกันนี้เองจำนวนมูลค่ารวมในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์หรือพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ อันเป็นข้อมูลที่รวบรวมจากกรมบัญชีกลาง เมื่อปี 2546 สูงถึง 63,436 ล้านบาท
ทั้งนี้ ไม่นับรวมมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ทางออนไลน์ ซึ่งในปีเดียวกันนั้น ก็มีมูลค่าสูงถึง 417,916 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2547 ตัวเลขมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ทางออนไลน์ก็น่าสนใจเช่นกัน เพราะมีมูลค่าสูงถึง 288,927 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามดัชนีชี้วัดเหล่านั้นยังถือว่าน้อยอยู่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกันหรือต่างภูมิภาคกัน
ทั้งนี้อาจกล่าวได้ว่าปัญหาสำคัญประการหนึ่งของการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจในการทำ ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์หรือการให้บริการของรัฐทางอิเล็กทรอนิกส์โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ คือโครงสร้างพื้นฐานทางกฎหมายที่อาจยังมีข้อจำกัดหรือไม่เพียงพอที่จะเป็นกลไกช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันกับประเทศอื่น แม้ในปัจจุบันจะมีกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544 ออกมาใช้บังคับแล้วก็ตาม ก็ยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับการทำการใช้และการเก็บรักษาเอกสารในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์อยู่ทั้งเอกสารที่ได้จัดทำขึ้นใหม่หรือเอกสารที่ได้มีการจัดทำขึ้นก่อนกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มีผลใช้บังคับ
ทั้งนี้ด้วยกฎเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎหมายฉบับอื่นซึ่งใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันรวมทั้งปัญหาในการรับฟังพยานหลักฐานอิเล็กทรอนิกส์ทำให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจึงยังคงจัดทำ ใช้และเก็บรักษาเอกสารกระดาษไว้เพื่อใช้อ้างอิง หรือเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย ควบคู่ไปกับเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ อันทำให้หน่วยงานต่างๆยังคงต้องแบกภาระและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าวตลอดเวลาประกอบกับในปี 2549 ประเทศไทยจำเป็นต้องปฏิบัติตามกรอบกติกาขององค์การการค้าโลก (WTO) ในการเปิดเสรีการค้าขายและบริการเต็มรูปแบบ ซึ่งมีแนวโน้มเป็น PaperlessTrading มากยิ่งขึ้น อันทำให้เอกสารที่ใช้ในการทำธุรกรรมต่างๆต้องจัดทำเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมกันไปด้วย
ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องพิจารณาปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำ การใช้ การเก็บรักษาเอกสารในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือที่เป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อแก้ไขปัญหาหรือข้อขัดข้องดังกล่าวอันเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อสร้างโอกาสและเพิ่มขีดความสามารถหรือศักยภาพของภาคธุรกิจรวมทั้งการบริหารจัดการภาครัฐให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุนี้คณะอนุกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันเพื่อการพัฒนาประเทศในคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนากฎหมาย จึงได้ร่วมกับ คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยการสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จัดการเสวนาในหัวข้อเรื่อง “ความต้องการและความจำเป็นของ e-Document Law กับการค้าเสรี”
เพื่อร่วมเสวนาและให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงกฎหมาย/จัดทำกฎหมายรองรับเอกสารอิเล็กทรอนิกส์โดยสะท้อนสภาพปัญหาความจำเป็น ความต้องการของหน่วยงานปัจจัยนานัปการที่ต้องคำนึงถึง เช่น ความพร้อมของหน่วยงาน ค่าใช้จ่ายและศักยภาพของบุคลากร เป็นต้นและความเป็นไปได้ที่กฎหมายซึ่งจะปรับปรุงหรือจัดทำขึ้นใหม่นั้นจะเอื้อประโยชน์กับกลุ่มนิติบุคคลหรือหน่วยงานของรัฐที่มีความพร้อมและมีบทบาทสำคัญต่อการผลักดันเศรษฐกิจในเชิงรุกก่อนกลุ่มนิติบุคคล/หน่วยงานของรัฐดังกล่าวควรเป็นกลุ่มใดบ้าง
ทั้งนี้เพื่อนำข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการในเรื่องข้างต้นไปใช้ประกอบการดำเนินการปรับปรุง/จัดทำกฎหมายในขั้นตอนต่อไป
งานเสวนา “ความต้องการและความจำเป็นของ e-Document Law กับการค้าเสรี”
ได้จัดให้มีขึ้นในวันพุธ ที่ 21 กันยายน 2548 เวลา 09.00-12.00 น. ณ ห้อง
1101 ชั้น 11ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถ.รัชดาภิเษก คลองเตย กรุงเทพฯ
โดยมีกำหนดการดังนี้
8.30-9.00 น. ลงทะเบียน
9.00-10.30 เสวนาเกี่ยวกับ
“ความต้องการและความจำเป็นของ e-Document Law กับการค้าเสรี”
(โดยมุ่งเน้นการสะท้อนปัญหาความต้องการและความจำเป็นเร่งด่วน
ที่ต้องดำเนินการ)
10.30-10.45 พักรับประทานอาหารว่าง
10.45-12.00 เสวนาเกี่ยวกับ (ต่อ)
“ความต้องการและความจำเป็นของ e-Document Law กับการค้าเสรี”
(โดยมุ่งเน้นการเสนอแนะรูปแบบวิธีการและหน่วยงาน/นิติบุคคลที่น่าจะได้
รับประโยชน์จากการดำเนินการปรับปรุงกฎหมายเป็นกลุ่มแรกๆ)
โดย
- ประธานศาลฎีกา
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
- ปลัดกระทรวงการคลัง
- ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
- ปลัดกระทรวงยุติธรรม
- ปลัดกระทรวงพาณิชย์
- ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
- เลขาธิการคณะรัฐมนตรี
- เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
-เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
- กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
และร่วมเสวนาและดำเนินรายการโดย ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร
งานประชาสัมพันธ์และผลิตสื่อ
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
โทร. 0-2564-6900 ต่อ 2350, 2351
โทรสาร. 0-2564-6858--จบ--