กรุงเทพฯ--1 ส.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันสกุลเงินบาทของบริษัท Cargill, Incorporated หรือ Cargill ที่ระดับ ‘AAA(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ Cargill มีแผนที่จะออกหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันในประเทศไทย มูลค่ารวมไม่เกิน 3.5 พันล้านบาท ระยะเวลาไถ่ถอนไม่เกิน 10 ปี โดยคาดว่าเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้จะนำไปใช้ในการดำเนินงานทั่วไปของบริษัท
ปัจจุบัน Cargill ได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยฟิทช์ โดยมีอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ(International Long-term Foreign Currency Issuer Default Rating) ที่ระดับ ‘A’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพและอันดับเครดิตสากลระยะสั้นสกุลเงินต่างประเทศ (International Short-term Foreign Currency Issuer Default Rating) ที่ระดับ ‘F1’ Cargill มีอันดับเครดิตในระดับเดียวกับประเทศไทยซึ่งมีอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินในประเทศที่ระดับ ‘A’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันสกุลเงินบาทของ Cargill จึงมีระดับเทียบเท่ากับอันดับเครดิตภายในประเทศสูงสุดของประเทศที่ระดับ ‘AAA(tha)’ ความแตกต่างที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตระหว่างอันดับเครดิตของ Cargill และประเทศไทย อาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ดังกล่าว
อันดับเครดิตของ Cargill สะท้อนถึงการเป็นบริษัทใหญ่อันดับหนึ่งในธุรกิจสินค้าเกษตรในสหรัฐอเมริกา และยังเป็นหนึ่งในบริษัทที่ถือหุ้นโดยกลุ่มบุคคลขนาดใหญ่ที่สุดในโลก บริษัทประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตรเกือบทุกชนิดโดยกระจายฐานธุรกิจอยู่ตามประเทศใหญ่ๆทั่วโลก ธุรกิจสินค้าเกษตรที่สำคัญประกอบด้วย ธุรกิจสกัดน้ำมันจากพืช ธุรกิจโรงโม่ข้าวโพด ธุรกิจผลิตและแปรรูปเนื้อสัตว์ ธุรกิจผลิตปุ๋ยและธุรกิจอาหารสัตว์ การที่บริษัทมีการดำเนินธุรกิจที่กระจายตัวในหลายภูมิภาคและมีประเภทสินค้าเกษตรที่หลากหลาย จะช่วยลดจากความผันผวนของผลการดำเนินงานและความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทที่เกิดจากความผันผวนของธุรกิจสินค้าเกษตรลงได้ อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงสภาพคล่องของบริษัท โดยบริษัทมีสินค้าคงคลังที่พร้อมที่จะขายในตลาด (Readily Marketable Inventory (RMI)) มีเงินสดในมือในระดับที่สูง และมีเงินลงทุนในสัดส่วนที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัท The Mosaic Company (Mosaic) ซึ่งสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องเหล่านี้จะช่วยให้บริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงินในระดับที่สูง อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งทางด้านเครดิตดังกล่าวได้ถูกลดทอนลงจากการที่ Cargill มีกระแสเงินสดสุทธิเป็นลบเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของสินค้าคงคลังและลูกหนี้การค้า ความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดสินค้าเกษตร และการที่บริษัทมีผลกำไรจากธุรกิจด้านการเงินในสัดส่วนที่สูงซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่าธุรกิจหลักอื่นๆ
Cargill มีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 สิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2551 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 69% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตามการเพิ่มขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบเกษตรได้ทำให้ความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นและทำให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานลดลงอย่างมาก นอกจากการวิเคราะห์อัตราส่วนทางเงินตามหลักการทั่วไปในการประเมินเครดิตแล้ว การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินของบริษัทที่อยู่ในภาคการเกษตรของฟิทช์ยังพิจารณารวมถึงอัตราส่วนหนี้สินที่ไม่รวมหนี้ที่ถูกใช้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในส่วนของ RMI และหนี้ที่เป็น non-resource ของ Mosaic ซึ่งสินค้าคงคลังที่เป็น RMI เหล่านี้มีสภาพคล่องสูงและโดยส่วนใหญ่จะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินค้าเกษตร เมื่อพิจารณาอัตราส่วนหนี้สินที่มีการปรับเปลี่ยนตามที่กล่าวมาข้างต้น Cargill มีอัตราส่วนหนี้สินต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (total debt to operating EBITDA) อยู่ที่ 2.2 เท่า และอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่ายต่อค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย (EBITDA to gross interest expense) อยู่ที่ 7.2 เท่าในช่วงเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา สิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับการคำนวณก่อนการปรับปรุง อัตราส่วนหนี้สินต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย อยู่ที่ 2.6 เท่า และอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่ายต่อค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย จะอยู่ที่ 6.1 เท่า
Cargill เป็นบริษัทเอกชนที่มีสมาชิกในครอบครัวถือหุ้นเป็นส่วนใหญ่ในสัดส่วนร้อยละ 89 โดยส่วนที่เหลือเป็นของพนักงานและผู้บริหารของบริษัท Cargill มีธุรกิจหลักอยู่ 5 ธุรกิจ ประกอบด้วยธุรกิจให้บริการด้านการเกษตร ธุรกิจการผลิตและแปรรูปสินค้าเกษตร ธุรกิจวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหาร ธุรกิจการบริหารความเสี่ยงและให้บริการทางการเงิน และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร
ติดต่อ: เลิศชัย กอเจริญรัตนกุล, Vincent Milton, + 662 655 4755, Wesley E. Moultrie, CFA, Chicago, +1 312 368 3186
หมายเหตุ: การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) เป็นการวัดระดับความน่าเชื่อถือในเชิงเปรียบเทียบกันระหว่างองค์กรในประเทศนั้นๆ โดยจะใช้ในประเทศที่อันดับเครดิตแบบสากลของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อันดับเครดิตขององค์กรที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับองค์กรที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในตลาดในประเทศเป็นหลักและจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฏข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน