กรุงเทพฯ--4 ส.ค.--กฟน.
กฟน.ครบรอบ 50 ปี ยึดหลักดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคง เน้นคุณภาพระบบจำหน่าย-บริการเป็นเลิศ เดินหน้าแผนลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท พัฒนาประสิทธิภาพสนองความพึงพอใจผู้ใช้ไฟฟ้า โชว์กำไร 6 เดือนแรกกว่า 3,100 ล้านบาท เผยกระแสเงินมีเสถียรภาพมั่นคง
นายพรเทพ ธัญญพงศ์ชัย ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานตลอดช่วง 6 เดือนแรกของปี 2551 เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน กฟน.มีรายได้รวม 67,500 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม 64,400 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 3,100 ล้านบาท มีสินทรัพย์รวม 125,600 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นจากปี 2550 จำนวน 4,500 ล้านบาท คาดว่าในรอบปี พ.ศ.2551 หน่วยจำหน่าย จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ ร้อยละ 1.85 หรืออยู่ที่ประมาณ 42,814 ล้านหน่วย และมีกำไรสุทธิประมาณ 5,000 ล้านบาท ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในปี 2551 อยู่ที่ 7,584 เมกะวัตต์ ( สูงสุดอยู่ที่ 7,719 เมกะวัตต์ ในปี 2550 )
ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง เปิดเผยต่อไปว่า กฟน.เดินหน้าสู่การดำเนินธุรกิจหลักอย่างมั่นคง โดยเน้นคุณภาพของระบบจำหน่ายและบริการที่เป็นเลิศ โดย กฟน.มีแผนลงทุนที่สำคัญในการพัฒนาระบบไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการพลังไฟฟ้า ซึ่งในปี 2551 กฟน.มีแผนการจ่ายเงินลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท โดยเน้นแผนพัฒนาระบบไฟฟ้า ประกอบด้วย แผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้าฉบับที่ 9 ( ต่อเนื่อง ) แผนพัฒนาและรักษาคุณภาพการให้บริการ แผนปรับปรุงสายส่ง 230 เควี บางกะปิ — ชิดลม แผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายไฟฟ้าฉบับที่ 10 แผนงานเปลี่ยนระบบสายป้อนอากาศเป็นสายป้อนใต้ดิน ปี 2547 -2552 ได้แก่ โครงการพหลโยธิน สุขุมวิท และ พญาไท และแผนงานเปลี่ยนระบบสายป้อนอากาศเป็นสายป้อนใต้ดิน ปี 2551 —2556 ได้แก่ โครงการปทุมวัน จิตรลดา และ พญาไท (เพิ่มเติม) พระราม 3 และ นนทรี
สำหรับค่าดัชนีความมั่นคงในระบบไฟฟ้าและความสูญเสียในระบบจำหน่ายในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา กฟน.สามารถดำเนินการจ่ายกระแสไฟฟ้ารองรับจำนวนลูกค้าและความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุดได้อย่างพอเพียง ตลอดจนสามารถเสริมสร้างและรักษาระดับความมั่นคงในระบบไฟฟ้า โดยมีค่าดัชนีจำนวนไฟฟ้าดับ ( SAIFI ) 1.353 ครั้ง /ราย/ 6 เดือน ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 1.6 ค่าดัชนีระยะเวลาไฟฟ้าดับ( SAIDI ) มีค่า 30.051 นาที / ราย / 6 เดือน ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 15.4
ในส่วนการขยายการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง กฟน.ได้เร่งดำเนินการแล้วหลายธุรกิจเช่นโครงข่ายใยแก้วนำแสงหลังจากได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมจากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ขณะนี้สามารถให้บริการเฉพาะโครงข่าย โดยการให้เช่า /ใช้ / เชื่อม เส้นใยแก้วนำแสงตามความเร็ว (Speed) ในการใช้งาน ซึ่งมีผู้ประกอบการกิจการโทรคมนาคมที่เป็น ISP แจ้งความประสงค์ใช้งานแล้วหลายราย ธุรกิจบริการสารสนเทศภูมิศาสตร์ ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้งานกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ธุรกิจผลิตและจำหน่าย ณ จุดใช้งาน ธุรกิจบริการติดตั้งระบบไฟฟ้า และ ธุรกิจบริการคุณภาพไฟฟ้า Better Care ซึ่งแต่ละธุรกิจได้รับความสนใจ จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ยังขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น โครงการ Harmonization of the Power Distribution System in the Lower Mekong Sub-Region พร้อมทั้งจัดฝึกอบรมบริการที่ปรึกษาในด้านการวางแผนและการออกแบบไฟฟ้า เป็นต้น
ด้านการให้บริการแก่ผู้ใช้ไฟฟ้า ปัจจุบัน กฟน.มีจำนวนผู้ใช้ไฟฟ้า 2.7 ล้านราย แบ่งพื้นที่ความรับผิดชอบออกเป็น 18 เขตและ 13 สาขาย่อย ทุกแห่งผ่านการรับรองมาตรฐานสากล พร้อมนำระบบ e —service เข้ามาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระค่าไฟฟ้ารวมถึงขอใช้ไฟฟ้าทางระบบอินเตอร์เน็ต รวมถึงพัฒนาศูนย์ข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้า Call Center 1130 ให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้บริการ เฉลี่ยเดือนละ 1 แสนราย นอกจากนี้ กฟน.ยังนำระบบ CRM-CEM เข้ามาใช้โดยคำนึงถึงลูกค้าเป็นศูนย์กลางพร้อมบริการครบวงจร เช่น การปรับปรุงเคาน์เตอร์ชำระเงินในทุกที่ทำการเขตให้มีความทันสมัยและสามารถรับชำระค่าไฟฟ้าเฉลี่ยไม่เกินรายละ 3 นาที และมีการนำระบบ GIS เข้ามาใช้ในระบบงานบริการลูกค้า
กฟน.ได้ยึดหลักสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าสูงสุดในขณะเดียวกันก็ยังคำนึงในเรื่องสังคมและสิ่งแวดล้อม Corporate Social Responsibility ( CSR ) กฟน.ได้ให้ความสำคัญโดยได้จัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์หลายกิจกรรม เช่น โครงการติดตั้งระบบสายดินตู้น้ำดื่มให้กับโรงเรียนในสังกัดคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ( สพฐ.) โครงการคืนโลกสดใส ลดใช้พลังงาน เพื่อให้เยาวชนตระหนักในเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน โครงการรณรงค์การใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดและปลอดภัยในหมู่บ้านจัดสรร นอกจากนี้ยังสนับสนุนเยาวชนใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ โดยจัดกิจกรรมคนพันธ์อา..ปลูกป่าชายเลน ซึ่งนำเยาวชนอาชีวศึกษาจำนวน 3 พันคน ปลูกป่าชายเลนบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า จังหวัดสมุทรปราการ รวมทั้งจัดตั้ง www.youngmea.com เพื่อสนับสนุนกิจกรรมต่างๆที่เป็นประโยชน์ในเรื่องการประหยัดพลังงานและสิ่งแวดล้อม อีกด้วย