KTAMเปิดขายอีก3กองทุนตราสารหนี้ ลงทุนทั้งใน-ตปท.รวมมูลค่ากว่า7,000ล.

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 5, 2008 15:16 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 ส.ค.--บลจ.กรุงไทย
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทจะเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนกองทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศอีก 3 กองทุน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุน ในระหว่างวันที่ 6-13 สิงหาคม 2551 ได้แก่ กองทุนรวมกรุงไทยตราสารต่างประเทศ 6 เดือน 13 (KTFIF6M13) อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 3,100 ล้านบาท เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ประเภทตราสารการเงิน ของสถาบันการเงินต่างประเทศ (Euro Commercial Paper : ECP) ของสถาบันการเงินชั้นนำ ที่มีอันดับความเชื่อถือระยะสั้น 2 อันดับแรกขึ้นไป เบื้องต้นจะเน้นลงทุนในตราสารที่ออกโดยสถาบันการเงินในเกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ยุโรป หรือเอเชียประเทศอื่นๆ ผลตอบแทนของตราสารอยู่ที่ประมาณ 4.30%ต่อปี ซึ่งยังไม่หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน
นอกจากนี้ จะเปิดจำหน่ายกองทุนที่ลงทุนในประเทศอีก 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมกรุงไทยตราสารภาครัฐคุ้มครองเงิน 53( KTCP53) อายุโครงการ 6 เดือน และกองทุนรวมกรุงไทยตราสารหนี้ระยะสั้น3เดือน39 (KTST3M39) มูลค่าโครงการกองทุนละ 2,000 ล้านบาท
โดยกองทุน KTCP53 เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารที่ก่อให้เกิดการคุ้มครองเงินต้น ได้แก่ ตราสารภาครัฐไทย ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือบัตรเงินฝาก ที่บริษัทเงินทุน หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ เป็นผู้ออกเพื่อการกู้ยืมหรือรับเงินจากประชาชน เงินฝากในธนาคารพาณิชย์หรือบัตรเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์เป็นผู้ออก ผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 3.50 % ต่อปี ซึ่งยังไม่หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน
ส่วนกองทุน KTST3M39 เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ได้แก่ ตราสารแห่งหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก ตราสารหนี้ทั่วไป เงินฝากในสถาบันการเงิน โดยกองทุนจะเน้นลงทุน ในพันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้ภาคสถาบันการเงิน ผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 3.60%ต่อปี ยังไม่หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของกองทุน
สำหรับภาวะตราสารหนี้ในประเทศสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดตราสารหนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ได้ปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก ประมาณ 19-35 bp ส่วนพันธบัตรอายุน้อยกว่า 1 ปี อัตราผลตอบแทนปรับเพิ่มขึ้น 0-4 bp สำหรับอัตราผลตอบแทนที่มีการปรับตัวลดลงเนื่องจาก ราคาน้ำมันมีการปรับตัวลดลง ทำให้ความวิตกเรื่องเงินเฟ้อลดลง ประกอบกับนักลงทุนคาดว่า6 มาตรการ6 เดือนฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยของรัฐบาล อาจจะทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อของไทยไม่ถึง 2 หลัก ส่งผลให้มีแรงซื้อพันธบัตรเข้ามามากอัตราผลตอบแทนจึงปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ มีโอกาสได้รับอัตราผลตอบแทน จากการลงทุนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร ซึ่งปัจจุบันเงินฝากประจำ 3 เดือนอยู่ที่ 2.375% ต่อปี และเงินฝากประจำ6 เดือนอยู่ที่ 2.50% ต่อปี ก่อนหักภาษี ณ ที่จ่ายอีก 15%
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
คุณแสงสิริ เนตรอัมพร /สำนักประชาสัมพันธ์
โทร0-2670-4900 ต่อ 1235 หรือ 085-1800-441

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ