ผลการประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต. ครั้งที่ 7/2551 และคณะกรรมการกำกับตลาดทุนครั้งที่ 5/2551

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 6, 2008 10:42 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 ส.ค.--ก.ล.ต.
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ในการประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต. ครั้งที่ 7/2551 และคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ครั้งที่ 5/2551 เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2551 ซึ่งทั้งสองคณะยังเป็นกรรมการชุดเดียวกันตามกฎหมาย มีผลการประชุมดังนี้
ผลการประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต.
ให้บริษัทหลักทรัพย์สามารถแต่งตั้งกรรมการอิสระหรือกรรมการที่ไม่ได้รับผิดชอบการบริหารงานประจำวัน ให้ทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการตรวจสอบตามมาตรา 89/25 ได้
ตามที่มาตรา 89/25 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551 กำหนดให้ผู้สอบบัญชีของบริษัทหลักทรัพย์ (หมายถึงบริษัทหลักทรัพย์และบริษัทจัดการกองทุนรวม) หรือบริษัทมหาชน รายงานข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทดังกล่าว เมื่อพบพฤติการณ์อันควรสงสัยว่า กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทดังกล่าว ได้กระทำผิดตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อดำเนินการตรวจสอบและรายงานต่อผู้สอบบัญชีและ ก.ล.ต. นั้น
เนื่องจากปัจจุบันบริษัทหลักทรัพย์หลายรายที่ไม่ใช่บริษัทจดทะเบียนยังไม่มีเกณฑ์กำหนดให้ต้องมีคณะกรรมการตรวจสอบ ทำให้ไม่สามารถดำเนินการตามที่มาตรา 89/25 กำหนดได้ ดังนั้น เพื่อมิให้เป็นภาระกับบริษัทหลักทรัพย์ คณะกรรมการ ก.ล.ต. จึงผ่อนปรนให้บริษัทหลักทรัพย์ที่ไม่ได้เป็นบริษัทจดทะเบียนสามารถแต่งตั้งกรรมการอิสระหรือกรรมการที่ทำหน้าที่วางนโยบายบริษัทและไม่ได้รับผิดชอบการบริหารงานประจำวัน อย่างน้อย 2 คน เพื่อเป็นคณะกรรมการตรวจสอบตามที่กฎหมายมาตรา 89/25 กำหนด
ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับตลาดทุน
1. ให้กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลผู้มีอำนาจในการจัดการสามารถดำรงตำแหน่งในบริษัทหลักทรัพย์มากกว่า 1 แห่งได้
ตามที่มาตรา 103 (4) แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551 กำหนดให้บริษัทหลักทรัพย์สามารถแต่งตั้งผู้บริหารไขว้ในบริษัทหลักทรัพย์อื่น (cross holding) ได้ หากเป็นไปตามข้อยกเว้นที่กำหนดโดยคณะกรรมการกำกับตลาดทุน นั้น
คณะกรรมการกำกับตลาดทุนเห็นชอบในหลักการที่จะผ่อนปรนให้บริษัทหลักทรัพย์สามารถแต่งตั้งผู้บริหารไขว้ในบริษัทหลักทรัพย์อื่นได้ โดยการจัดโครงสร้างดังกล่าวต้องไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ หรือต้องจัดให้มีมาตรการที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (conflict of interest) และการแบ่งแยกหน้าที่ (segregation of duties) อย่างไรก็ดี ผู้บริหารในตำแหน่งที่มีเกณฑ์กำหนดให้ต้องทำงานเต็มเวลา จะสามารถทำงานเต็มเวลาได้เพียงแห่งใดแห่งหนึ่งเท่านั้น
2. ออกประกาศหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการทำรายการที่เกี่ยวโยงกันและการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน
สืบเนื่องจากกฎหมายหลักทรัพย์ฉบับแก้ไขใหม่กำหนดว่า ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2551 เป็นต้นไป การกำกับดูแลเรื่องการทำรายการที่เกี่ยวโยงกันและการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนจะถูกโอนย้ายจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มายัง ก.ล.ต. ดังนั้น ในช่วงแรกนี้เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติและเพื่อให้ภาคเอกชนมีเวลาปรับตัวเข้ากับกฎหมายหลักทรัพย์ที่แก้ไขใหม่ คณะกรรมการกำกับตลาดทุนจึงออกประกาศหลักเกณฑ์ในการทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน และหลักเกณฑ์ในการทำรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์โดยมีข้อกำหนดเช่นเดียวกับข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน”
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ฝ่ายงานเลขาธิการ : 0-2695-9502-5 e-mail: press@sec.or.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ