กรุงเทพฯ--8 ส.ค.--กระทรวงการคลัง
นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาและปาฐกถาพิเศษว่า ในการประชุมสัมมนา “ก้าวแรกการจัดซื้อโดยรัฐกับการเปิดการค้าเสรีระหว่างประเทศ” โดยมีนายอุทิศ ธรรมวาทิน รองปลัดกระทรวงการคลังหัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน กล่าวรายงาน ซึ่งจัดโดยกรมบัญชีกลาง ณ ห้องวอเตอร์เกทบอลรูม C ชั้น 6 โรงแรมอมารีวอเตอร์เกท ประตูน้ำ วันที่ 7 สิงหาคม 2551
นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว จากปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ เช่น ปัญหาราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อ และความผันผวนของเศรษฐกิจโลก รัฐบาลพยายามกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าแนวนี้เศรษฐกิจจะดีขึ้น เป็นลำดับ และมาตรการทางการค้าก็เป็นปัจจัยหลักสำคัญส่วนหนึ่ง ที่จะทำให้มีการเคลื่อนย้ายเงินทุน สินค้า และบริการ ได้อย่างอิสระระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีการจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรี หรือ Free Trade Agreement : FTA กับประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ๆ เช่น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เป็นต้น ทำให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการส่งออกสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้น หากเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งที่ยังไม่มีการทำ FTA
กระทรวงการคลังในฐานะที่รับผิดชอบโดยตรงเกี่ยวกับการเจรจาและการดำเนินการตาม FTA ในหลายส่วน ได้แก่ กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า (Rules of Origin : ROO) พิธีการศุลกากร และการจัดซื้อโดยรัฐ (Government Procurement) ในสาระสำคัญของความตกลงฯ โดยเฉพาะ FTA แบบทวิภาคี จะเน้นให้มีหัวข้อของการจัดซื้อโดยรัฐเป็นการเฉพาะเพื่อสร้างความมั่นใจในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐ ว่า จะมีการแข่งขันกันอย่างเสรี โปร่งใส และเสมอภาคกัน นอกจากนี้ สาระสำคัญของการจัดทำ FTA กับประเทศคู่ค้าแล้ว ยังต้องมีความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันด้วย ต้องมีการขยายผลการดำเนินการภายใต้ FTA ในอนาคตด้วย ซึ่งในหลักการแล้วเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐในฐานะผู้ซื้อ สามารถเลือกซื้อสินค้า บริการที่มี มีคุณภาพ ในราคาที่เหมาะสมและส่งผลให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณของรัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ยังทำให้ผู้ประกอบการสามารถขยายตลาดออกสู่ตลาดภาครัฐด้วย แต่ผู้ประกอบการก็ต้องปรับตัวให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันกับผู้ประกอบการต่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้น จึงควรมีการเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันดังกล่าว ทั้งในด้านการกำหนดกฎระเบียบให้มีความทันสมัย และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศไทย
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยภายหลังการประชุมสัมมนาว่า ในการจัดประชุมสัมมนา “ก้าวแรกการจัดซื้อโดยรัฐกับการเปิดเสรีการค้าระหว่างประเทศ” เพื่อเป็นเวทีระดมความคิดเห็นจาก ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ซึ่งทวีความสำคัญขึ้นเป็นลำดับ โดยปัจจุบันมูลค่าการจัดซื้อโดยภาครัฐมีมูลค่าสูงถึง 5-15% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (จีดีพี) ของแต่ละประเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจภาคเอกชนไทยก้าวสู่มาตรฐานสากล และเป็นที่ยอมรับในเวทีระหว่างประเทศด้วย “ปัจจุบันระบบการจัดซื้อโดยภาครัฐในแต่ละประเทศทวีความสำคัญขึ้นเป็นลำดับ มีมูลค่าสูงถึง 5-15% ต่อจีดีพี ถึงแม้เราจะยังไม่มีการเปิดเสรีในตลาดภาครัฐระหว่างประเทศ แต่กรมบัญชีกลาง ในฐานะผู้รับผิดชอบโดยตรง เห็นว่าการเตรียมความพร้อมให้กับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรองรับกระแสของการเปิดเสรีมีความสำคัญ” นายรังสรรค์กล่าว
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันในเวทีการเปิดเสรีการค้า (FTA) ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ในสามประเทศหลักคือ ไทย-ออสเตรเลีย ไทย-นิวซีแลนด์ และไทย-ญี่ปุ่น ได้มีข้อตกลงที่จะให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐระหว่างกัน กรมบัญชีกลางถือเป็นจังหวะที่ดีในการแสวงหา ความร่วมมือเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลมาตรฐานการจัดซื้อโดยรัฐให้ก้าวสู่ความเป็นสากลมากขึ้นด้วย โดยได้เชิญบริษัท เอช ดับบริว แอล (ประเทศไทย) จำกัด และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ในฐานะ ที่ปรึกษาของกรมบัญชีกลาง และผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายการจัดซื้อโดยรัฐของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ มาให้ความรู้ความเข้าใจกับผู้ประกอบการภาคเอกชน ตลอดจนภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมกับเปิดเวที ระดมความคิดเห็นจากภาคเอกชนไทย และสาธารณชนทั่วไปในการร่วมกันศึกษา และหวังว่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย