กรุงเทพฯ--8 ส.ค.--ปภ.
ปภ. แนะวิธีการขับขี่รถจักรยานในเขตชุมชนอย่างปลอดภัย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แนะผู้ขับขี่รถจักรยานในเขตชุมชนเพิ่มความระมัดระวัง ไม่ควรประมาท ปฎิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เรียนรู้การใช้สัญญาณมือให้ถูกต้อง ไม่ควรใช้ความเร็วเกิน ๒๐-๒๕ กม./ชม. หลีกเลี่ยงการขี่รถจักรยานตามหลังรถที่มีขนาดใหญ่หรือปั่นซอกแซก ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน หากจำเป็นต้องขี่รถจักรยานในช่วงเวลากลางคืน ควรเปิดสัญญาณไฟ ทั้งด้านหน้าและท้ายรถ
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ในยุคที่น้ำมันมีราคาแพง การขี่รถจักรยานถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดการใช้พลังงาน แต่เนื่องจากถนนส่วนใหญ่ของประเทศไทย มิได้ถูกออกแบบมาให้มีช่องทางเดินรถสำหรับรถจักรยาน การขี่รถจักรยานจึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้น เพื่อลดปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้นกับรถจักรยาน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอแนะวิธีการขับขี่รถจักรยานอย่างปลอดภัย ดังนี้ ผู้ขี่รถจักรยานควรเรียนรู้กฎและป้ายสัญญาณไฟจราจร การใช้สัญญาณมือ เพื่อเป็นสัญญาณเตือนให้ผู้ที่ขับรถตามหลังมาได้รู้เส้นทางการเดินรถจักรยานล่วงหน้า จะได้ขับหลบหลีกได้ทัน หลีกเลี่ยงการขี่รถจักรยานตามหลังรถเมล์ หรือรถบรรทุกขนาดใหญ่ เนื่องจากรถมีขนาดใหญ่ ทำให้ผู้ขับรถมองไม่เห็นผู้ขี่รถจักรยานที่ตามหลังมา ทำให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนหรือทับรถจักรยาน ไม่ขับขี่รถจักรยานด้วยความเร็วสูงมากนัก ควรใช้ความเร็วประมาณ ๒๐-๒๕ กม./ชม. เพราะหากเสียหลัก อาจทำให้รถล้มแล้วถูกรถคันที่ตามหลังมาชนหรือทับได้ เพิ่มความระมัดระวังผู้ร่วมใช้เส้นทางทั้งรถยนต์และผู้คนที่สัญจรไปมา ไม่ควรปั่นรถจักรยานในลักษณะซอกแซก เพราะอาจไปเฉี่ยวชนผู้ข้ามถนน คนลงจากรถเมล์ คนเปิดประตูรถยนต์ หากขับขี่รถจักรยานในช่วงเวลากลางคืน ควรเปิดสัญญาณไฟทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ติดสติกเกอร์สะท้อนแสงด้านหลังรถ เพื่อให้ผู้ร่วมใช้เส้นทางรายอื่นได้สังเกตเห็นรถจักรยานอย่างชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ควรเตรียมสภาพร่างกายและรถจักรยานให้พร้อม ตลอดจนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ทะมัดทะแมง ติดตั้งอุปกรณ์เสริมความปลอดภัย เช่น ติดตั้งกระจกมองหลังขนาดเล็กไว้ที่แฮนด์ด้านขวา เพื่อไว้สำหรับการมองรถที่มาจากทางด้านหลังติดกระดิ่งไว้สำหรับให้สัญญาณผู้คนที่เดินทางผ่านไปมา ตลอดจนสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง เพื่อลดการบาดเจ็บกรณีเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินขึ้น