กรุงเทพฯ--8 ส.ค.--บล.นครหลวงไทย
ตลาดหลักทรัพย์ฯ หนุนบล. เปิดสาขาย่อยมัดใจลูกค้า รับกระแสประชาชนตื่นตัวมองหาที่ปรึกษาด้านการเงิน ด้านบล.นครหลวงไทยเดินหน้าเปิดสาขาย่อยในธนาคารพาณิชย์ หลังโชว์ผลงานครึ่งปีโดดเด่น ทำกำไรเป็นที่น่าพอใจ
ตลาดหลักทรัพย์ฯ สนับสนุนบริษัทหลักทรัพย์เปิดสาขาย่อยให้บริการให้คำปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคลในขณะนี้เพื่อรองรับการตื่นตัวของประชาชนทั่วไปที่ต้องการบริหารจัดการด้านการเงินและการลงทุน เนื่องจากพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งมีผลบังคับใช้ในการทยอยลดการคุ้มครองเงินฝากในวันที่ 11 สิงหาคมนี้ ด้าน บล.นครหลวงไทยเดินหน้าเปิดสาขาใหม่ ในสำนักสวนมะลิ หลังโชว์กำไรครึ่งปี 2551 เป็นที่น่าพอใจ
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เนื่องจากพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝากจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 สิงหาคมศกนี้ ซึ่งจะเริ่มทยอยลดการค้ำประกันเงินฝากสำหรับบัญชีที่มีเงินฝากจำนวนมาก จนกระทั่งปีที่ 5 จะค้ำประกันบัญชีเงินฝากทั้งจำนวนที่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทต่อบัญชีต่อรายต่อธนาคารเท่านั้น เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ประชาชนผู้ฝากเงินทั่วไปสนใจและตื่นตัวในการจัดการด้านการเงินและการลงทุน นอกจากนั้น ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในระบบยังอยู่ในระดับต่ำ สวนทางกับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังอยู่ในระดับสูง ดัวยปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนทั่วไปบางส่วนมองหาช่องทางในการสร้างผลตอบแทนให้สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งการลงทุนในหลักทรัพย์ก็ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางหนึ่งได้รับความสนใจ โดยเฉพาะผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนหลักทรัพย์ซึ่งส่วนหนึ่งพิจารณาได้จากดัชนีตลาดหลักทรัพย์
ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงมองเห็นโอกาสที่ดีที่จะให้การสนับสนุนให้บริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ เปิดให้มีการทำธุรกรรมผ่านสำนักงานสาขาของบริษัทที่ตั้งอยู่ในธนาคารพาณิชย์ เป็นหนึ่งในแผนการขยายฐานผู้ลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยเป็นการทำงานร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ และธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งกับบริษัทหลักทรัพย์และธนาคาร เนื่องจากสามารถลดต้นทุนในการเปิดสาขาของบริษัทหลักทรัพย์ และยังสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของธนาคารได้โดยสะดวกยิ่งขึ้น ในขณะที่ลูกค้าของธนาคารก็จะได้รับความสะดวกในการทำธุรกรรมในตลาดทุนมากขึ้น นางภัทรียา กล่าว
นอกจากนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้มอบมุมความรู้ตลาดทุน (SET Corner) และอุปกรณ์รับชม Money Channel สถานีโทรทัศน์เพื่อเศรษฐกิจและการลงทุน ที่มีข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ลงทุน แก่ บริษัทหลักทรัพย์ที่เปิดสาขาที่ธนาคารพาณิชย์ โดยล่าสุด บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทยได้เปิดสำนักงานเพื่อให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์และตราสารการลงทุน ตลอดจนให้บริการที่ปรึกษาทางการเงินภายในธนาคารนครหลวงไทย สาขาสวนมะลิ ในวันที่ 8 สิงหาคมนี้ ซึ่งการจัด SET Corner จะสนับสนุนการเป็นศูนย์กลางข้อมูลความรู้สำหรับผู้ลงทุนที่มาใช้บริการด้วยเช่นกัน
สำหรับมุมความรู้ตลาดทุน (SET Corner) ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมมอบให้กับบริษัทหลักทรัพย์ที่มีการเปิดสำนักงานสาขาที่ธนาคารพาณิชย์ จะมีรูปแบบเสมือนสาขาของห้องสมุดตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่พร้อมเป็นศูนย์กลางการเผยแพร่ ความรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการเงินและการลงทุนแก่บุคลากรของธนาคาร ลูกค้าของธนาคาร ผู้ลงทุน ตลอดจนประชาชนทั่วไปที่สนใจ โดยจะมีทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบบข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์แบบเรียลไทม์จากระบบ SET SMART และสื่อการเรียนรู้ระบบ E-Learning บนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์
สำหรับการเปิดสำนักงานสาขาของบริษัทหลักทรัพย์ในธนาคารพาณิชย์ ตั้งแต่ต้นปี 2550 จนถึงปัจจุบัน มีจำนวนทั้งสิ้น 3 บริษัท ได้แก่ บล.นครหลวงไทย จำกัด บล. ธนชาต จำกัด (มหาชน) และบล.เคทีบี จำกัด
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารนครหลวงไทยเล็งเห็นประโยชน์ของการเปิดสาขาบริษัทหลักทรัพย์ในธนาคารพาณิชย์ เพื่อเป็นการสนองตอบต่อความต้องการในการลงทุนที่หลากหลายของลูกค้าธนาคารให้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ทั้งในตลาดเงินและตลาดทุน โดยตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา บล. นครหลวงไทย เปิดสำนักงานสาขาในธนาคารจำนวน 13 สาขา ทั่วประเทศ ได้แก่ ภาคเหนือ สาขาเชียงใหม่ สาขาข่วงสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ สาขาแพร่ สาขาพิษณุโลก สาขานครสวรรค์ สาขาแม่สอด จังหวัดตาก ภาคใต้ ได้แก่ สาขาถนนมนตรี จังหวัดภูเก็ต สาขาสุราษฎร์ธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ สาขาสุรินทร์ ภาคกลาง ได้แก่ สาขาถนนพระพันวษา จังหวัดสุพรรณบุรี สาขาสิงห์บุรี ภาคตะวันออก ได้แก่ สาขาชลบุรี สาขาถนนสุรศักดิ์ 1 จังหวัดชลบุรี และล่าสุดในวันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2551 ได้เปิดที่ทำการสาขาค้าหลักทรัพย์ในธนาคารนครหลวงไทย ณ สำนักสวนมะลิ ถนนเฉลิมเขตร์ 4 กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสาขาแห่งแรกที่เปิดในกรุงเทพฯ และนับเป็นสาขาลำดับที่ 14 ของสาขาที่เปิดทำการในธนาคารทั้งหมด โดยลูกค้าสามารถเปิดบัญชีและซื้อขายหลักทรัพย์ รวมทั้งใช้บริการด้านเงินฝาก และสินเชื่อต่าง ๆ ตลอดจนบริการด้านประกันภัย ประกันชีวิต ได้ในจุดเดียว โดยธนาคารยังคงเดินหน้าตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็น SCIB FAMILY ที่มีนโยบายขยายธุรกิจและพัฒนาบริการร่วมกับบริษัทในเครือทั้ง 5 บริษัทอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่การเป็นสถาบันการเงินชั้นนำที่สามารถให้บริการทางการเงินอย่างครบวงจรและสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการขยายฐานลูกค้ารายใหม่ และการเชื่อมโยงฐานลูกค้าของธนาคารและบริษัทในเครือเข้าด้วยกัน
นายสาธิต วรรณศิลปิน กรรมการผู้จัดการ สายงานนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ถึงผลการดำเนินงานของของสาขาบล.นครหลวงไทยที่ผ่านมาในช่วงครึ่งปี 2551 นั้น ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยมีลูกค้าเปิดบัญชีใหม่ประมาณ 500 ราย มูลค่าการซื้อขายประมาณ 3,400 ล้านบาท นับว่าเป็นผลการดำเนินงานที่ดี ในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
“ภายในปีนี้ บริษัทฯ วางแผนที่จะขยายการเปิดสาขาของบริษัทหลักทรัพย์ในธนาคาร เพิ่มเติมอีกประมาณ 2 สาขา ได้แก่ เชียงรายและตรัง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีฐานลูกค้าของธนาคารที่มีศักยภาพสูงในการขยายฐานผู้ลงทุน โดยเลือกเปิดสาขาย่อยในธนาคาร (Mini Branch) เพื่อขยายฐานลูกค้า Cross-selling และอำนวยความสะดวกในการให้บริการด้านการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แก่ลูกค้าของธนาคารฯ หรือลูกค้าสามารถส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ได้ด้วยตนเองภายในธนาคารพาณิชย์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต รวมถึงสามารถดำเนินการเปิดบัญชีและดำเนินการขั้นตอนต่าง ๆ ของระบบ Back Office ภายในสาขาได้เองทำให้สามารถลดขั้นตอนการปฏิบัติงานและลดต้นทุนการเปิดสาขาได้เป็นอย่างดี”นายสาธิตกล่าว