กรุงเทพฯ--15 ธ.ค.--อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น
ระบบหลังคาเย็นซีแพคโมเนีย สุดยอดนวัตกรรมจากกระเบื้องหลังคาซีแพค ได้รับการคัดเลือกเป็น Top Ten Finalist Economic Awards จากการประกวดโครงการ “รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ” ด้านเศรษฐกิจ ประจำปี 2548 จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้วยความโดดเด่นของ ผลงาน ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน และสอดคล้องกับกระแสประหยัดพลังงาน ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจในปัจจุบัน
นายนพดล แก้วทับทิม กรรมการผู้จัดการ บริษัท กระเบื้องหลังคาซีแพค จำกัด กล่าวว่า ระบบหลังคาเย็นซีแพคโมเนีย เป็นนวัตกรรมด้านหลังคาที่คิดค้นและพัฒนาโดยบริษัท กระเบื้องหลังคาซีแพค จำกัด ร่วมกับ ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ทางด้านอาคาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มีแนวคิดสำคัญ คือ การใช้อากาศร้อนในช่องว่างระหว่างแผ่นสะท้อนความร้อนกับใต้ท้องกระเบื้อง มาเป็นกลไกสำคัญในการดูดอากาศเย็นเข้าไปแทนที่ตัวเอง ในขณะเดียวกันกับที่อากาศร้อนจะถูกถ่ายเททิ้งไปจนหมด หลังคาจึงเย็นเพราะมีอากาศเย็นไหลผ่านตลอดเวลา ภายในบ้านจึงเย็นสบายเหมือนถูกหล่อเย็นด้วยลมตลอดเวลา ซึ่งวิธีที่จะทำให้เกิดการถ่ายเทอากาศดังกล่าว ต้องมีการเปิดพื้นที่ใต้หลังคาให้มีระบบหมุนเวียนอากาศที่ดี ด้วยวิธีการที่เพิ่มเติมจากการติดตั้งแผ่นสะท้อนความร้อนซีแพคโมเนีย โดยการสร้างช่องลมเข้าบริเวณชายคาภายนอก ขยายพื้นที่ระบายอากาศ และสร้างช่องลมออกที่สันหลังคา
“ระบบหลังคาเย็นซีแพคโมเนีย เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนทางหลังคา ซึ่งจะทำให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านไม่ร้อนอบอ้าวและรู้สึกเย็นสบายขึ้น ซึ่งแนวคิดของระบบหลังคานี้ถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่มีความโดดเด่นและยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน ทำให้ระบบหลังคาเย็นซีแพคโมเนียได้รับการยอมรับเป็น 1 ใน 10 ผลงานที่เข้าชิงรางวัลรอบสุดท้าย และได้รับการคัดเลือกให้เป็นนวัตกรรมเด่นด้านเศรษฐกิจระดับประเทศในปีนี้ ซึ่งการเข้ารอบในครั้งนี้เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของซีแพคโมเนีย ในการมุ่งมั่นพัฒนาและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ก่อนผู้ผลิตรายอื่นๆ ในอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อตอบสนองความต้องการของ ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย” นายนพดล กล่าว
นายนพดล กล่าวเพิ่มเติมถึงเกณฑ์ที่ใช้ในการตัดสินว่า สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ จะพิจารณาให้รางวัลกับผลงานที่มีความใหม่ในระดับโลก ระดับประเทศ หรือระดับบริษัท ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานและการบริหารจัดการ มีการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ รวมทั้งมีการใช้วัตถุดิบและทรัพยากรในประเทศ นอกจากนี้ ผลงานนั้นต้องก่อให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งส่งผลต่อชุมชนท้องถิ่น และเศรษฐกิจระดับรากหญ้าด้วย
ทั้งนี้ โครงการรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติในปีนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แบ่งการประกวดออกเป็น 2 ประเภท คือ รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติด้านเศรษฐกิจ และรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติด้านสังคม โดยในปีนี้มีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้ความสนใจส่งผลงานเข้าประกวดทั้งสิ้น 208 ผลงาน แบ่งเป็นผลงานนวัตกรรมด้านเศรษฐกิจจำนวน 158 ผลงาน และผลงานนวัตกรรมด้านสังคมจำนวน 50 ผลงาน
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
อุษณีย์ ถาวรกาญจน์
ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์
บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด
โทร.0 2354 3588 โทรสาร 0 2354 3589
Email : usanee@incom.co.th--จบ--