กรุงเทพฯ--7 ก.พ.--ก.พลังงาน
นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวง พลังงานมีความพยายามที่จะให้สถานประกอบการภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆเข้าร่วมโครงการนำร่องประหยัดพลังงานแบบใหม่ ซึ่งจะมีขั้นตอน จากวิธีการที่ง่ายลงทุนน้อย ไปสู่วิธีการที่ยากและลงทุนสูงขึ้น โดยปัจจุบันพบว่ามี โรงงานหรืออาคารของภาคเอกชนส่วนใหญ่ ที่มีการรั่วไหลของพลังงานมาก ซึ่งหากมีการอนุรักษ์พลังงานเพียงแค่ขั้นตอนที่ง่าย ก็จะสามารถช่วยให้ภาคเอกชนเหล่านี้ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้มากถึง 40% หรือลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้กว่า 100 ล้านบาทต่อเดือน โดยไม่ต้องลงทุนใด ๆ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ ขั้นตอนการประหยัดพลังงาน สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการจัดการการใช้พลังงาน เพื่อให้ประหยัดต้นทุนในการผลิตนั้น ได้แก่
1. การออกแบบอาคารและโรงงานผลิตตั้งแต่เริ่มแรก ผู้ประกอบการควรพิจารณาถึงการใช้ประโยชน์สูงสุดของเครื่องจักร และกระบวนการทำงาน ที่ต้องได้ประโยชน์สูงสุด และสามารถให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และมีการติดตั้งอุปกรณ์ที่ให้การทำงานสามารถต่อเนื่องกันได้ โดยลดการสูญเสียที่ไม่จำเป็น
2. การตรวจสอบและอุดรอยรั่วต่าง ๆ ของการใช้พลังงานในแต่ละส่วน ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ต้องลงทุนใด ๆ ผู้ประกอบควรตรวจเซ็คอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ หากพบจุดเสียหายเพียงเล็กน้อยของเครื่องจักร ควรรีบซ่อมแซมทันที เพื่อให้เครื่องจักรสามารถเดินเครื่องได้เต็มกำลังผลิต หรือลดการสูญเปล่าของพลังงาน ตัวอย่างเช่น โรงงานผลิตผลไม้กระป๋องตรามาลี ที่ได้ใช้วิธีดังกล่าวซึ่งได้ผลเป็นอย่างดีและประหยัดงบประมาณด้านพลังงาน
3.การปรับปรุงอุปกรณ์ต่าง ๆ เพียงเล็กน้อย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งอาจจะปรับปรุง สวิทต์หรือสายพานบางตัว ที่ล้าสมัย หรือการติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงานเสริมเข้าไป โดยลงทุนอยู่ในระดับปานกลาง และ
4. การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรหลัก เป็นการลงทุนสูง เพื่อเปลี่ยนเครื่องจักรในระบบผลิตทั้งหมด เพื่อให้เกิดความสามารถในการผลิต และมุ่งให้เกิดการประหยัดพลังงานสูงสุดในอนาคต
นายแพทย์พรหมินทร์ กล่าวเพิ่มว่า ปกติเจ้าของโรงงานหรือนักลงทุนจะเป็นผู้มีความรู้ด้านธุรกิจดี แต่ไม่สามารถหรือทำเองได้ทุกเรื่อง กระทรวงพลังงานโดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) จึงได้สนับสนุนให้เกิดบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) ที่ทำธุรกิจให้บริการวางระบบและลงทุนติดตั้งอุปกรณ์ เพื่อปรับปรุงอาคารหรือโรงงานภาคเอกชนต่าง ๆให้สามารถลดต้นทุนด้านพลังงานและการผลิตลง และจะร่วมกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอให้สิทธิประโยชน์ โดยจะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจESCO จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับรายได้ที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจ และยกเว้นภาษีศุลกากรจากวัสดุเครื่องจักรเพื่ออนุรักษ์พลังงาน ไม่น้อยกว่า 5 ปี--จบ--