ไขปริศนาคืนวันพระจันทร์แดง

ข่าวทั่วไป Wednesday August 13, 2008 15:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--สวทช.
อิทธิพลของดวงจันทร์ไม่เพียงมีผลต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตบนโลก แต่ยังมีผลต่อจิตใจของผู้คนจำนวนมากด้วย คนสมัยก่อนใช้ประโยชน์จากดวงจันทร์หลายประการ เป็นทั้งแสงสว่างนำทางยามค่ำคืน เป็นนาฬิกาบอกเวลาและยังเป็นเข็มทิศบอกทางให้แก่นักเดินเรือ อีกทั้งขณะเดียวกันในบางวัฒนธรรมดวงจันทร์ยังเสมือนเทพเจ้าที่พวกเขานับถือ แม้กระนั้นดวงจันทร์ยังมีผลต่อการกำหนดวันสำคัญในทางพระพุทธศาสนาด้วย ดังนั้นเมื่อวันหนึ่งดวงจันทร์ซึ่งเคยสุกสว่างอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันกลับค่อยๆมืดมิดและเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง ชาวบ้านจึงหวาดกลัวและเชื่อว่านี่คือลางร้ายที่กำลังมาเยือน
ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ปรึกษาด้านวิชาการศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สวทช. กล่าวว่า คนไทยในสมัยโบราณ เรียกปรากฏการณ์ที่ดวงจันทร์มืดลงและกลายเป็นสีแดงอิฐนี้ว่าเกิด "คราส" หรือ "จันทรคราส" (คราส แปลว่า กิน) เชื่อว่าเกิดจากราหูอมจันทร์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปรากฏการณ์จันทรุปราคา เป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่เกิดขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ โคจรเข้ามาอยู่ในแนวเดียวกัน และดวงจันทร์มีการโคจรเข้าไปอยู่ในเงาของโลก
“ ส่วนสาเหตุที่ดวงจันทร์ไม่มืดสนิทแต่กลับเห็นเป็นสีแดงอิฐ เพราะว่า แม้ว่าแสงจากดวงอาทิตย์ส่วนใหญ่จะถูกโลกบดบัง แต่ก็ยังมีแสงบางส่วนไปสู่ดวงจันทร์ได้ ซึ่งเมื่อแสงจากดวงอาทิตย์เดินทางผ่านชั้นบรรยากาศของโลกจะเกิดการหักเห โดยแสงสีน้ำเงินซึ่งมีความยาวคลื่นสั้นจะถูกกระเจิงออกไปเหลือแต่แสงสีแดงหรือส้มที่มีความยาวคลื่นยาวไปตกกระทบบนดวงจันทร์จึงทำให้เราเห็นเป็นสีแดงอิฐ ซึ่งเคยมีผู้วิจัยพบว่าความเข้มสีที่ปรากฏบนดวงจันทร์มีความสัมพันธ์กับปริมาณฝุ่นและอนุภาคในบรรยากาศโลกรวมถึงการยืดหดตัวของบรรยากาศโลกชั้นบนด้วย”
สำหรับปรากฏการณ์จันทรุปราคาที่จะเกิดขึ้นในเช้าวันที่ 17 สิงหาคมนี้ ดร.ศรัณย์ กล่าวว่า เป็นปรากฏการณ์จันทรุปราคาบางส่วน ซึ่งแม้ดวงจันทร์จะไม่ได้เคลื่อนที่เข้าสู่เงามืดของโลกทั้งดวง แต่ดวงจันทร์ก็ถูกเงามือของโลกบดบังมากถึง 81% โดยดวงจันทร์จะเริ่มเคลื่อนเข้าสู่เงามัวของโลกในเวลา 01.24 น.ขณะนั้นเราจะมองเห็นดวงจันทร์เต็มดวงอยู่ แต่ความสว่างจะลดน้อยลง ซึ่งอาจสังเกตเห็นได้ไม่ชัดเจน จากนั้นดวงจันทร์จะเริ่มเข้าสู่เงามืดของโลกในเวลา 02.36 น. จะสังเกตเห็นดวงจันทร์ถูกเงามืดบดบังไปบางส่วนมีลักษณะเว้าแหว่งไปเรื่อยๆ และเมื่อเวลาผ่านไป ดวงจันทร์จะค่อยๆเคลื่อนเข้าสู่เงามืดของโลกมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งดวงจันทร์ถูกบดบังมากที่สุด 81% ที่เวลา 04.10 น. ทั้งนี้ปรากฏการณ์จันทรุปราคาบางส่วนจะสิ้นสุดลงในเวลา 05.44 น.เมื่อดวงจันทร์พ้นจากเงามืดของโลก และเคลื่อนออกจากเงามัวของโลกสิ้นสุดลงในเวลา 06.55 น. แต่เนื่องจากดวงจันทร์จะตกลับขอบฟ้าที่เวลา 06.12 น. ดังนั้นจึงไม่สามารถติดตามจนจบเหตุการณ์ได้ สำหรับวิธีการติดตามดูจันทรุปราคาสามารถดูดวงจันทร์ได้ด้วยตาเปล่าโดยให้ยืนหันหน้าไปทางทิศตะวันตกในช่วงเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ดีด้วยอุปสรรคสำหรับการติดตามปรากฏการณ์ครั้งนี้ได้แก่เมฆฝน ดังนั้นผู้ที่สนใจชมคงต้องติดตามรายงานอากาศด้วยว่าจะมีโอกาสได้ชมปรากฏการณ์ดังกล่าวได้หรือไม่
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย ส่วนงานกลาง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
โทรศัพท์ 0-2564-7000 ต่อ 1461 ,1462 โทรสาร 0-2564-7000 ต่อ 1482
e-mail :

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ