ซีพีเอฟประกาศใช้เงิน 3 พันล้านบาทซื้อหุ้นคืน เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนต่อหุ้นหลังรายงานผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือน ยอดขายโต 14%

ข่าวทั่วไป Wednesday August 13, 2008 15:16 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--ซีพีเอฟ
ซีพีเอฟประกาศใช้เงิน 3 พันล้านบาทซื้อหุ้นคืน เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนต่อหุ้น หลังรายงานผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือน ยอดขายโต 14% กำไรฟื้น
พร้อมจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.08 บาท
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้บริษัทซื้อหุ้นคืนจากตลาดจำนวนไม่เกินร้อยละ 10 ของทุนจดทะเบียน พร้อมรายงานผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรกของปีนี้ ด้วยยอดขาย 72,944 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2550 ที่ผ่านมา 14% ด้วยกำไรสุทธิจำนวน 1,436 ล้านบาทจากผลการดำเนินงานขาดทุนในปีที่ผ่านมา พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับรอบ 6 เดือนปีนี้จำนวน 0.08 บาทต่อหุ้น
ยอดขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่มาจากการฟื้นตัวของธุรกิจภายในประเทศ ที่ในปี 2550 นั้นธุรกิจเนื้อสัตว์ที่จำหน่ายภายในประเทศไทยในครึ่งปีแรกประสบกับปัญหาภาวะราคาตกต่ำอย่างมาก แต่สถานการณ์ค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นจากการเลี้ยงสัตว์ที่ลดน้อยลง ด้วยปัจจัยเรื่องความต้องการบริโภคที่ถดถอยประกอบกับต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ระดับราคาเฉลี่ยของราคาเนื้อสัตว์ในประเทศตั้งแต่ต้นปี 2551 ถึงปัจจุบันได้ปรับจากระดับที่ขาดทุนมาเป็นระดับที่เหนือต้นทุน โดยในช่วงปัจจุบันนี้ผลจากความต้องการเนื้อไก่เพื่อการส่งออกมีมากขึ้น ทำให้ระดับราคาไก่เนื้อในประเทศยืนอยู่ที่ 44 บาทต่อกิโลกรัม และเนื้อสุกรได้ปรับตัวตามต้นทุนที่สูงขึ้นทำให้ราคาขายสุกรมีชีวิตอยู่ที่ระดับ 54-55 บาทต่อกิโลกรัม
นอกจากนั้น การส่งออกสินค้าเนื้อสัตว์ยังมีการขยายตัวต่อเนื่อง แม้ว่าอัตราเฉลี่ยของค่าเงินบาทในปีนี้จะแข็งค่ากว่าระดับของปีที่ผ่านมา แต่เนื่องจากบริษัทสามารถต่อรองขอปรับราคาขายกับลูกค้าจากผลกระทบที่ต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้นได้ ทำให้การส่งออกยังมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง และยังมีเนวโน้มสดใสถึงปลายปีนี้ด้วยเช่นกัน
นายอดิเรก กล่าวถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในภาพรวมของทั้งปี 2551 นี้ว่า “บริษัทมั่นใจว่า ผลการดำเนินงานปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือยอดขายประมาณ 150,000 ล้านบาท และมีผลกำไรสูงกว่าระดับของปีที่ผ่านมา จากผลการดำเนินงานในครึ่งปีที่บริษัทพลิกกลับมามีกำไรจากการดำเนินงาน คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.08 บาทต่อหุ้น และเมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอีก 6 เดือนข้างหน้าแล้วนั้น เห็นว่าบริษัทน่าจะมีสภาพคล่องส่วนเกิน และเพื่อเป็นการเพิ่มอัตราผลตอบแทนต่อหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้น คณะกรรมการฯ จึงมีมติอนุมัติให้ดำเนินโครงการซื้อหุ้นคืนในจำนวนไม่เกินร้อยละ 10 ของหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วของบริษัท
สำหรับกลยุทธ์ของซีพีเอฟจากนี้ไปอีก 5 ปีนั้น บริษัทคาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ระดับ 200,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายของอัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (ROE) ในระดับอย่างน้อยร้อยละ 10 โดยในระยะสั้น 1-2 ปีข้างหน้านี้ บริษัทระมัดระวังในการลงทุนในโครงการขยายงานต่างๆ จากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมองทิศทางได้ไม่ชัดเจน การเติบโตของบริษัทคงเน้นการขยายงานในประเทศต่างๆ ที่บริษัทได้เริ่มลงทุนไปแล้ว เช่น ประเทศรัสเซียที่มีโอกาสมากสำหรับการขยายการลงทุน สำหรับในประเทศไทยบริษัทได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการสรรสร้างนวัตกรรมในทุกด้านเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร ทั้งด้านกระบวนการผลิต กระบวนการทำงาน การวิจัยและพัฒนาสินค้า และรวมถึงเรื่องของบุคลากร”
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2551 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทซีพีเอฟได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) เพื่อบริหารทางการเงิน ในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท โดยจะซื้อคืนหุ้นจำนวนหุ้นร้อยละ 10 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด โดยเป็นการซื้อในในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีกำหนดระยะเวลาที่จะซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2551 ถึงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2552 โดยเหตุผลในการซื้อหุ้นคืนเพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งผลกระทบภายหลังซื้อหุ้นคืนต่อผู้ถือหุ้นนั้น ผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินปันผลต่อหุ้นสูงขึ้น เนื่องจากหุ้นที่บริษัทฯ จะซื้อคืนไม่มีสิทธิได้รับเงินปันผล และจะทำให้อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสูงขึ้นด้วย
นอกจากนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทซีพีเอฟ ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2551 ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท โดยเงินปันผลจำนวน 0.04 บาทต่อหุ้น เป็นการจ่ายจากกำไรที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยผู้รับเงินปันผลไม่ต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย และเงินปันผลจ่ายอีกจำนวน 0.04 บาทต่อหุ้น เป็นการจ่ายจากเงินปันผลที่บริษัทฯได้รับจากบริษัทย่อยซึ่งจัดสรรมาจากกำไรที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 30 โดยผู้รับเงินปันผลจะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย อย่างไรก็ตาม ผู้รับเงินปันผลที่เป็นบุคคลธรรมดาจะได้รับเครดิตภาษีตามมาตรา 47 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร
บริษัทได้กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 28 สิงหาคม 2551 เวลา 12.00 น. (XD วันที่ 25 สิงหาคม) และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 11 กันยายน 2551
สำนักสื่อสารและประชาสัมพันธ์ ซีพีเอฟ
โทรศัพท์ 0-2625-7343-5

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ