กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--ออนไลน์ แอสเซ็ท
ซินเน็ค (ประเทศไทย) โชว์ผลงานโค้ง 2/51 โดดเด่น กำไรพุ่ง 12.21% มาอยู่ที่ 45.67 ลบ. หนุนกำไรงวด 6 เดือน มาอยู่ที่ 85.74 ลบ. หรือเพิ่ม 21.11% เมื่อเทียบกับปีก่อน "สุพันธุ์ มงคลสุธี" เผยเป็นผลจากยอดขายที่เติบโตต่อเนื่องในระดับที่สูงกว่าตลาดรวม ทำให้กำไรสุทธิดีเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน มั่นใจหลังเดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่องตลอดทั้งปี ควบคู่กับการส่งสินค้าใหม่ลงวางตลาดเพิ่ม และขยายช่องทางการจำหน่ายให้กว้างขวางขึ้น จะปั๊มรายได้ปีนี้ให้เติบโต 12-15% ตามเป้าหมายได้ จากปีก่อนที่ทำรายได้ 10,800 ลบ.
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์ ระบบสารสนเทศ และวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้กับคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยถึงผลประกอบการประจำงวด 3 เดือน 1 เมษายน - 30 มิถุนายน 2551 ว่า บริษัทมีรายได้ทั้งสิ้น 2,921.75 ลบ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2550 ที่มีรายได้ 2,605.21 ลบ. มีกำไรสุทธิ 45.67 ลบ. เพิ่มขึ้น 12.21% จากช่วงเดียวกันของปี 2550 ที่มีกำไรสุทธิ 40.70 ลบ.
ในขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปี บริษัทมีรายได้ 5,760.06 ลบ. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 50 ที่มีรายได้ 5,008.76 ลบ. ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 85.74 ลบ. หรือเพิ่มขึ้น 21.11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 50 ที่มีกำไรสุทธิ 70.79 ลบ. โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากยอดขายสินค้าของบริษัทที่เติบโตขึ้นต่อเนื่องมาจากต้นปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มคอมพิวเตอร์ ทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Notebook) โดยบริษัทฯ จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ Asus และ BenQ และ เครื่องคอมพิวเตอร์ภายใต้ตราสินค้า Lemel ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทเอง ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
"ในครึ่งปีแรกรายได้เราเติบโตต่อเนื่องในอัตราประมาณ 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือว่าเป็นอัตราที่เติบโตสูงตามเป้าหมายที่เราวางไว้ ในขณะเดียวกันถือว่าเติบโตสูงกว่าตลาดรวมคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์ ระบบสารสนเทศ และวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ ซึ่งเติบโตในอัตรา 8-10% ซึ่งมาจากยอดขายในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เติบโตขึ้นต่อเนื่องมาจากต้นปีที่ผ่านมา จึงทำให้กำไรของซินเน็คฯ เติบโตในอัตราที่น่าพอใจได้"
นายสุพันธุ์ กล่าวอีกว่า ในครึ่งปีหลังเชื่อว่า ธุรกิจของบริษัทฯ จะยังมีทิศทางการเติบโตที่ดี ซึ่งปัจจัยหลักมาจากบริษัทฯ เดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ลงสู่ตลาด การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การเพิ่มการให้บริการหลังการขาย การเพิ่มตัวแทนและช่องทางการจำหน่าย ซึ่งล่าสุดบริษัทได้รับความไว้วางใจจาก บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด ให้เป็นผู้แทนจำหน่าย (Distributor) สินค้า Lenovo ในกลุ่ม Commercial Business Unit ประกอบด้วยสินค้าตระกูล “ Think “ ทั้งหมดได้แก่ ThinkCentre ( Desktop ), ThinkPad ( Notebook ) และ ThinkStation ( Workstation ) ซึ่งจะเริ่มจัดจำหน่ายได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3/2551 เป็นต้นไป
ในขณะเดียวกันเชื่อว่าในครึ่งปีหลังนี้ สถานการณ์ทางการเมืองที่เคยตึงเครียดจะเริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น รวมทั้งราคาน้ำมันที่เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น จะมีผลให้การควบคุมอัตราเงินเฟ้อเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้ความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยของประชนชนกลับคืนมาอีกครั้ง ส่งผลให้ตลาดสินค้าไอทีสามารถเติบโตเพิ่มขึ้นได้ ประกอบกับ หลังจากนี้บริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับการขยายตลาดในส่วนภูมิภาคเพิ่มขึ้น เนื่องจากพบว่าเป็นตลาดไอทีที่กำลังมีอัตราการเติบโตที่ดี จากกำลังซื้อที่สูงขึ้น ตามทิศทางราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้น และการอัดฉีดงบประมาณเพื่อสร้างรายได้ของภาครัฐ ซึ่งเชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้จะสนับสนุนให้ตลาดไอทีในประเทศเติบโตต่อเนื่องได้ในอัตรา 8-10% ส่วนรายได้ของบริษัทฯ คาดว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ในอัตรา 12-15% จากปี 2550 ที่มีรายได้ 10,800 ลบ.
ทั้งนี้ บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้ามากกว่า 50 ตราสินค้า จากผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก และมีฐานลูกค้าที่เป็นร้านค้าทั้งหมดมากกว่า 5,000 ราย แบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 8 กลุ่มธุรกิจ คือ
1.กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทอุปกรณ์ชิ้นส่วน (Component Product Group: CPG) ประกอบไปด้วยสินค้าหลัก เช่น Hard Disk Drive, CPU, Motherboard, DRAM, CD-ROM และ DVD-RW
2.กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทวัสดุสิ้นเปลือง (Consumables & Supply Group: CSG)เช่น หมึกพิมพ์ โทนเนอร์ และแผ่นดิสค์
3.กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทอุปกรณ์เพื่อการพิมพ์ (Image & Printing Product Group: IPG) เช่น เครื่องพิมพ์แบบ Inkjet, เครื่องพิมพ์แบบ Laser และ เครื่องพิมพ์แบบ All-In-One
4.กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทเน็ทเวิร์ก (Network Product Group: NPG) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบเน็ทเวิร์ก
5.กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทอุปกรณ์แสดงผลข้อมูล (Display Product Group: DPG) เช่น จอภาพ และเครื่องฉายภาพสไลด์
6.กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทชุดคอมพิวเตอร์ประกอบเสร็จและกึ่งเสร็จ (System Product Group: SPG) ประกอบไปด้วยสินค้าหลัก เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Notebook) เครื่องคอมพิวเตอร์แบบสั่งประกอบ (CTO: Configuration-to-Order) มีสินค้าภายใต้ตราสินค้า Lemel ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เอง
7.กลุ่มผลิตภัณฑ์ MCE (Multimedia Consumer Electronic Product Group: MCE) อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งใช้สื่อหลายชนิดในคอมพิวเตอร์
8.กลุ่มผลิตภัณฑ์ซอฟท์แวร์ (Software Product Group: SWG) ประกอบไปด้วย ซอฟท์แวร์ควบคุมจัดการระบบการทำงานสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบ OEM, และซอฟท์แวร์ระบบรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : สิริน วิวัฒน์เจริญพงศ์ /089-728-6389 / 02-554-9353