ธนาคารอาคารสงเคราะห์ แถลงผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก กำไร 727 ล้านบาท

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 14, 2008 14:24 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 ส.ค.--ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ แถลงผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2551 มีกำไรสุทธิ 727 ล้านบาท ลดลง 4.47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550 ที่มีกำไรสุทธิ 761 ล้านบาท ส่วนยอดสินเชื่อปล่อยใหม่ครึ่งปีแรก 34,523 ล้านบาท มั่นใจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ และแพ็กเก็จสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำคงที่ระยะยาวที่หลากหลาย ยังจูงใจคนอยากมีบ้าน
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) แถลงผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2551 (ก่อนการรับรองงบการเงินจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 ว่า ธนาคารมีผลกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 727 ล้านบาท ลดลง 4.47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 761 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศชะลอตัวลง อัตราเงินเฟ้อและภาระค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งปัจจัยเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่มีความผันผวน ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลการ
ดำเนินงานโดยรวมของธนาคาร ที่ผ่านมาธนาคารมีนโยบายตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้นานที่สุด แม้ว่าสถานการณ์การแข่งขันเรื่องอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจะปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม ทั้งนี้เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้าประชาชน โดยเป้าหมายธนาคารมิได้มุ่งหวังกำไรสูงสุดเพียงอย่างเดียว หากแต่ยังคงรักษาบทบาทการเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐในการปล่อยสินเชื่อเพื่อบ้านแก่ลูกค้ารายย่อยในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองให้ได้มากที่สุด
สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2551 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 582,744 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.74% โดยครึ่งแรกของปี 2551 ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 34,523 ล้านบาท จำนวนทั้งสิ้น 49,002 ราย ด้านเงินฝากธนาคารมียอดเงินฝากรวม 494,909 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.88% สินทรัพย์รวม 637,394 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.67% โดยมีหนี้สงสัยจะสูญ (NPL) จำนวน 68,991 ล้านบาท คิดเป็น 11.84% ของยอดสินเชื่อรวม และทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPA) คงเหลือ 7,425 ล้านบาท นับเป็นความสำเร็จจากการบริหารหนี้เสียของธนาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายขรรค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ธนาคารได้เปลี่ยนแปลงวิธีการจัดชั้นหนี้จากระบบนับงวดค้างเป็นการจัดชั้นหนี้แบบนับวันสะสม (DPD) ทั้งนี้เพื่อเป็นการยกระดับธนาคารสู่มาตรฐานสากล ส่งผลให้ในช่วงแรกของการปรับเปลี่ยนระบบดังกล่าว ธนาคารมีหนี้สงสัยจะสูญ (NPL) เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อธนาคารได้จัดระบบบริหารจัดการหนี้ค้างให้สอดคล้องกับระบบใหม่แล้ว จะส่งผลให้การบริหารจัดการหนี้สงสัยจะสูญ (NPL) ดีขึ้นตามลำดับ
“สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ธนาคารยังคงเน้นการปล่อยสินเชื่อคุณภาพตามนโยบายรัฐบาลให้ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยยังคงมุ่งเน้นการจัดหาแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมเพื่อให้สอดคล้องและเพียงพอกับปริมาณสินเชื่อที่ปล่อยให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง นอกจากนี้ ธนาคารยังได้จัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำที่หลากหลายเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้าแต่ละกลุ่ม อาทิ โครงการบ้านมิตรภาพ สปส.- ธอส. เพื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้ประกันตนที่มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 30,000 บาท โครงการบ้าน ธอส. เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรก สำหรับผู้มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 15,000 บาท และโครงการบ้าน ธอส. - กบข. เพื่อที่อยู่อาศัยข้าราชการ รุ่นที่ 5 นอกจากนี้ ธนาคารได้สร้างสรรค์พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ออกแคมเปญเงินฝากประจำ 5 เดือน รับดอกเบี้ยสูง 3.80% ต่อปีโดยมีเงินฝากขั้นต่ำ 100,000 บาท สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการภายในวันที่ 31 สิงหาคม ศกนี้ เท่านั้น” นายขรรค์กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ