บจ. mai สวนกระแสวิกฤต ทำกำไรสุทธิ ไตรมาส 2 ปี 2551 โตร้อยละ 58

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 20, 2008 11:03 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ส.ค.--ตลท.
48 บริษัทจดทะเบียนใน mai ประกาศกำไรสุทธิประจำไตรมาส 2 ปี 2551 รวมกัน 728 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 58 ขณะที่รายได้รวม 11,809 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 โดยมีถึง 11 บริษัทที่กำไรสุทธิขยายตัวเกินร้อยละ 100 นำโดย KASET, CPR, CHUO, LVT, STEEL, PYLON, PICO, GFM, TAPAC, YUASA, และ DEMCO ด้านผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก บจ. ทำรายได้รวม 22,503 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 ส่วนกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 1,495 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 70
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ประจำไตรมาส 2/2551 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 ว่าบริษัทจดทะเบียนจำนวน 48 แห่ง มีรายได้รวมกัน 11,809 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 10,853 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9
สำหรับกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2551 ของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งสิ้น 728 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 58 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิรวม 460 ล้านบาท โดยมีบริษัทจดทะเบียน 11 แห่งที่มีอัตราเติบโตของกำไรสุทธิเกินร้อยละ 100 คือ บมจ. ไทยฮา (KASET) ที่พลิกจากขาดทุน 5 ล้านบาท เป็นกำไร 62 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตของกำไรสุทธิร้อยละ 1,246 บมจ. ซีพีอาร์ โกมุ อินดัสเตรียล (CPR) ร้อยละ 474 บมจ. ชูโอ เซ็นโก (ประเทศไทย) (CHUO) ร้อยละ 455 บมจ.แอล.วี เทคโนโลยี (LVT) ร้อยละ 354 บมจ. สตีล อินเตอร์เทค (STEEL) ร้อยละ 343 บมจ. ไพลอน (PYLON) ร้อยละ 324 บมจ. ปิโก (ไทยแลนด์) (PICO) ร้อยละ 159 บมจ. โกลด์ไฟน์ แมนูแฟคเจอเรอส์ (GFM) ร้อยละ 117 บมจ. ทาพาโก้ (TAPAC) ร้อยละ 114 บมจ. ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย (YUASA) ร้อยละ 107 และ บมจ. เด็มโก้(DEMCO) ร้อยละ 101 ตามลำดับ
ด้านผลการดำเนินงานประจำงวด 6 เดือนแรกปี 2551 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน บริษัทใน mai มีรายได้รวม 22,503 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 20,297 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11 โดยมีกำไรสุทธิรวม 1,495 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 879 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 70 ส่วนบริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรสุทธิ สูงสุด 3 อันดับแรก คือ บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) กำไรสุทธิ 240 ล้านบาท บมจ. โกลด์ไฟน์ แมนูแฟคเจอเรอส์ (GFM) กำไรสุทธิ 164 ล้านบาทและ บมจ.เด็มโก้ (DEMCO) กำไรสุทธิ 159 ล้านบาท
นายชนิตร กล่าวว่า “ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจและการเมืองที่ไม่แน่นอน บริษัทจดทะเบียนใน mai ส่วนใหญ่มีกำไรเพิ่มร้อยละ 70 สะท้อนถึงศักยภาพของบริษัทขนาดกลางและเล็กในการปรับตัว โดยจะเห็นได้ว่าบริษัทหลายบริษัทประสบปัญหาขาดทุน ในปีที่แล้ว แต่สามารถปรับตัวพลิกเป็นกำไรสุทธิได้ในปีนี้ อย่างไรก็ดี บริษัทที่ยังคงประสบปัญหาส่วนใหญ่อยู่ในภาคธุรกิจ สื่อและบริการ ตลอดจนธุรกิจเทคโนโลยีและการสื่อสารที่ยังคงพึ่งพิงรายได้จากภาครัฐเป็นหลัก”
สำหรับผู้สนใจข้อมูลผลการดำเนินงานและรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียน สามารถรับฟังการวิเคราะห์ไขข้อ ข้องใจทิศทางหุ้นไตรมาสสุดท้าย : มีหวังหรือหมดหวัง ในงานสัมมนา “mai Stock Focus on Stage Series 3” ร่วมด้วย คุณสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.นครหลวงไทย และ คุณพิชัย เลิศสุพงษ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาติ จำกัด พร้อมฟังข้อมูลเจาะลึก 2 หุ้นเด่นใน mai กับทิศทางการเติบโตตามธุรกิจพลังงานจากผู้บริหาร ไทย เอ็น ดี ที และ ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน ในวันที่ 26 ส.ค. เวลา 13.00—16.30 น. ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถสำรองที่นั่ง ฟรีที่ S-E-T Call Center 0-2229-2222 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.mai.or.th นายชนิตรกล่าว
ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 49 บริษัท มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 33,606.64 ล้านบาท ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 244.01 (เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2551) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.mai.or.th หรือสมัครรับข้อมูลตลาด mai ฟรีทางอีเมล์ที่ e-newsletter@mai.or.th

แท็ก DEMCO   ตลท.   SET  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ