กรุงเทพฯ--21 ส.ค.--กรมบัญชีกลาง
นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ตรวจเยี่ยมกรมบัญชีกลาง เพื่อรับฟังการรายงานผลการดำเนินงาน ซักถามถึงปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงาน และมอบนโยบาย ที่ต้องการให้กรมบัญชีกลางดำเนินการ
นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช เปิดเผยภายหลังเข้าตรวจเยี่ยมกรมบัญชีกลางในวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2551 เวลา 10.00 น. ว่า กรมบัญชีกลางเป็นหน่วยงานกลางที่มีความสำคัญต่อการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ในเรื่องนโยบายการเงินการคลัง และนโยบายทางด้านการบริหารจัดการที่ดี และกำชับให้กรมบัญชีกลางดำเนินงานในเชิงรุกมากขึ้น ในการผลักดันนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร ในการให้บริการประชาชนและภาคราชการ โดยมีนโยบายที่สำคัญ ดังนี้
1. การเบิกจ่ายเงินงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมาย จากที่กรมบัญชีกลางมีการตั้งเป้าหมายการเบิกจ่ายในภาพรวมไว้ร้อยละ 94 และรายจ่ายลงทุนไว้ร้อยละ 74 ผลการเบิกจ่าย ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2551 ในภาพรวมได้มีการเบิกจ่ายแล้วประมาณร้อยละ 80.96 ซึ่งต่ำกว่าในปีงบประมาณที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 1.51 แต่สำหรับผลการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนประมาณร้อยละ 72.44 สูงกว่าปีที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 2.04 ซึ่งขอให้กรมบัญชีกลางดำเนินการเร่งรัดการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามเป้าหมาย หรือให้สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ก็ได้ เพื่อให้เม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจตามเป้าหมายของรัฐบาล รวมทั้งบริหารเงินคงคลังให้มีประสิทธิภาพ มั่นคง และเพียงพอ ต่อความต้องการใช้จ่ายเงินของส่วนราชการ
2. การช่วยเหลือข้าราชการบำนาญ ข้าราชการชั้นผู้น้อยและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่สูงขึ้น โดยให้กรมบัญชีกลางศึกษาถึงความเหมาะสมในการเพิ่มเงินบำเหน็จบำนาญ และ เงินเพิ่มพิเศษสำหรับข้าราชการบำนาญ ข้าราชการชั้นผู้น้อยและลูกจ้างที่มีรายได้ต่อเดือนต่ำ รวมทั้งให้รีบดำเนินการศึกษาเรื่องการรับสิทธิบำนาญที่ดำเนินการร่วมกับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ผู้รับบำนาญได้รับประโยชน์มากที่สุด นอกจากนี้ จะช่วยผลักดันเรื่องการแก้ไขกฎหมายบำเหน็จดำรงชีพให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว
3. การแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาค โดยที่กรมบัญชีกลางมีบทบาทสำคัญในฐานะเป็นผู้ดำเนินนโยบายนักบริหารเศรษฐกิจการคลังจังหวัด (หรือ CFO จังหวัด) และเป็นหัวหน้า ของคณะผู้บริหารคลังจังหวัดที่มีเครือข่ายทั้งประเทศ ต้องทำงานให้เกิดผลต่อความอยู่ดีมีสุขของประชาชนโดยเร็ว โดยขอให้ดำเนินการในเชิงรุก อย่ารอนโยบายจากส่วนกลาง และให้ทำการเสนอนโยบายเศรษฐกิจโดยเฉพาะ การแก้ไขปัญหาความยากจนสำหรับภูมิภาคต่อกระทรวงการคลัง
4. การเพิ่มประสิทธิภาพโดยใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การพัฒนาระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government Procurement : e-GP) ที่ประกอบด้วย ระบบลงทะเบียนหน่วยจัดซื้อภาครัฐ ระบบลงทะเบียนผู้ค้าภาครัฐ ระบบลงทะเบียนผู้สนใจทั่วไป ระบบประกาศการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งเป็นศูนย์กลางข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐทั้งประเทศ รวมถึง ระบบการจัดการข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกฎ ระเบียบ ด้านการพัสดุ ราคากลางงานก่อสร้าง บัญชีรายชื่อผู้ทิ้งงาน และข่าว/กิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งระบบจะช่วยสร้างความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง รวมทั้งการพัฒนาระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
5. การสนับสนุนนโยบายการบริหารจัดการที่ดี และการบริหารความเสี่ยงของภาครัฐ โดยมีการบริหารจัดการที่ดี ตลอดจนการบริหารความเสี่ยงขององค์กรเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล กรมบัญชีกลางจึงควรจัดทำแนวทาง คู่มือและให้ความรู้กับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสมเป็นระบบ โดยเฉพาะ การบริหารความเสี่ยงองค์กรเป็นเรื่องใหม่ที่สำคัญของประเทศ ขอให้กรมบัญชีกลางเร่งดำเนินการในเรื่องนี้ เพื่อให้ภาครัฐดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใสและน่าเชื่อถือ
6. การพัฒนาระบบการกำกับดูแลและประเมินผลเงินนอกงบประมาณ เพื่อให้เป็นเครื่องมือในการช่วยเสริมการปฏิบัติงานของส่วนราชการที่ใช้เงินงบประมาณแบบปกติและเพิ่มประสิทธิภาพ การใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณให้แข็งแกร่งขึ้น
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในตอนท้ายว่า ขอให้กรมบัญชีกลางคำนึงถึงศักยภาพขององค์กรที่มีเครือข่ายทั้งประเทศ มีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย ครอบคลุมทั้งประเทศ มีความรับผิดชอบในฐานะนักบริหารเศรษฐกิจการคลังจังหวัด และเป็นหัวหน้าของคณะผู้บริหารคลังประจำจังหวัด นับว่ากรมบัญชีกลางเป็นหน่วยงานสำคัญของกระทรวงการคลัง ในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ โดยขอให้ช่วยร่วมมือร่วมใจ เสียสละในการทำงานตามหน้าที่และใช้ศักยภาพที่มีให้เต็มที่ ในการสร้างความอยู่ดีมีสุข ให้ประชาชน และพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน