กรุงเทพฯ--22 ส.ค.--กทม.
ผู้ว่าฯ อภิรักษ์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งหลังครบวาระ 28 ส.ค.นี้ เตรียมลงพื้นที่ขอคะแนนคนกรุงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. สมัยที่ 2 พร้อมยกทีมรองผู้ว่าฯ และผู้บริหารเปิดใจครั้งสุดท้ายขอบคุณข้าราชการ ลูกจ้าง สื่อมวลชนทุกแขนง ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ตลอด 4 ปีเพื่อทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่ และก้าวหน้าในฐานะเมืองหลวงของประเทศ ขณะที่ข้าราชการ และประชาชนมอบดอกกุหลาบให้กำลังใจ
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำทีมรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคณะผู้บริหาร ประกาศจะอยู่ครบวาระผู้ว่าราชการกทม.จนถึงวันที่ 28 สิงหาคม 2551 โดยสัปดาห์หน้าจะยื่นหนังสือขอลาราชการต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพื่อเดินทางไปส่งบุตรชายเพื่อศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา ระหว่างนี้มอบหมายให้ นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครรักษาราชการแทนจนครบวาระ จากนั้นจะยื่นหนังสือลาออกโดยไม่รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งจะมีผลในวันที่ 29 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป และจะกลับมาในฐานะผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 1 กันยายน เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งในเดือนตุลาคม 2551 นี้
นายอภิรักษ์ ได้เปิดใจการทำงานตั้งแต่วันแรก 6 ก.ย.47 โดยการนำเสียงสะท้อนจากประชาชนมาจัดทำยุทธศาสตร์นโยบายและวิสัยทัศน์ “ปฏิญญากรุงเทพฯ ของเรา”แจกจ่ายให้เพื่อนข้าราชการ เพื่อเป็นกรอบการทำงานเน้นส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน สร้างการมีส่วนร่วมกับหน่วยงาน ส่วนราชการ และองค์กรต่างๆ ตลอดจนเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่ ผลักดันให้กรุงเทพมหานครเป็นองค์กรด้านการให้บริการอันดับหนึ่ง มีประสิทธิภาพ และให้บริการประชาชนที่ดีที่สุด ด้วยหัวใจและความทุ่มเทที่จะพัฒนากรุงเทพฯ และความสุขของชาวกรุงเทพฯ ทุกคน พร้อมทั้งร่วมรำลึกถึงข้าราชการและเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยทุกคนที่เคยทำงานร่วมกันในเหตุภัยพิบัติต่างๆ ทั้งเพลิงไหม้ ตึกถล่ม เหตุลอบวางระเบิดในสถานที่สาธารณะ รวมถึงความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมสุขกับชาวกรุงเทพฯ ในการดำเนินงานเพื่อสนองแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อสร้างความสุขให้คนกรุงเทพฯ สู่การเป็นเมืองสวรรค์ มีชีวิตพอเพียง และเมืองชั้นนำในระดับโลก
ผู้ว่าฯ อภิรักษ์ ได้กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า เมื่อพ้นจากตำแหน่งแล้วต้องการให้คนจดจำตนเองในฐานะเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ตั้งใจทุ่มเททำงาน และร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพี่น้องประชาชนเหมือนคนครอบครัวเดียวกัน เนื่องจากลำพังเพียงวิสัยทัศน์ในการบริหารบ้านเมืองคงไม่เพียงพอ แต่ต้องทุ่มเททำงานสร้างความสุขให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง ยิ่งกว่านั้นยังต้องดึงการมีส่วนร่วมจากพี่น้องประชาชน ภาคเอกชน และองค์กรต่างๆ ได้มีส่วนร่วมในการบริหารและพัฒนา ดังจะเห็นได้ถึงความเปลี่ยนแปลงวิธีการบริหารและการทำงานในระยะเวลา 4 ปี เพื่อทำให้กรุงเทพมหานครก้าวหน้าและดียิ่งขึ้น สำหรับโครงการที่ยังทำไม่แล้วเสร็จได้ฝากให้ข้าราชการในหน่วยงานได้สานต่อ