กรุงเทพฯ--25 ส.ค.--ออนไลน์ แอสเซ็ท
'ชมเดือน ศตวุฒิ' มั่นใจครึ่งปีหลัง TNDT ยังทำผลงานโดดเด่น เหตุปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ ไม่กระทบต่ออุตฯพลังงานปิโตรเคมี ประกอบกับมี Backlog ในมือไว้แล้วกว่า 270 ลบ. แถมภาครัฐมุ่งแก้ปัญหาน้ำมันแพง เร่งงานวางท่อก๊าซลงสู่ตลาดเร็วขึ้น เป็นผลดีต่อธุรกิจ เชื่อสิ้นปีปั๊มรายได้โต 30-40% ทะลุ 260 ลบ. ได้ตามเป้า ส่วนครึ่งปีแรกโชว์ผลงานยอดเยี่ยม ทำกำไร 21.44 ลบ. ขยายตัวจากปีก่อน 45.33%ที่ทำได้ 14.78 ลบ.
นางสาวชมเดือน ศตวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย เอ็น ดี ที จำกัด (มหาชน) หรือ TNDT ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการตรวจสอบและทดสอบทางวิศวกรรมความปลอดภัย ด้วยกระบวนการทดสอบโดยไม่ทำลาย (Nondestructive Testing - NDT) ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี พลังงาน งานโครงการขนาดใหญ่ ทั้งโครงการรถไฟฟ้า สนามบินและอื่นๆ กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลังว่ายังมีทิศทางการเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกได้ ตามทิศทางการขยายตัวของโครงการขนาดใหญ่ในภาคธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมี ซึ่งมีแผนการลงทุนต่อเนื่องในระยะ 3-5 ปีนี้ และธุรกิจดังกล่าวเป็นงานต้นน้ำที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับธุรกิจให้บริการตรวจสอบและทดสอบทางวิศวกรรมความปลอดภัย ด้วยกระบวนการทดสอบโดยไม่ทำลาย จึงส่งผลให้งานของบริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจดังกล่าว และมีโอกาสเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน
"ธุรกิจที่บริษัทฯ ทำอยู่ในแง่ของปริมาณงานในตลาดแทบจะไม่ได้รับผลกระทบ ในการรับงานมากน้อยแค่ไหน โดยในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาได้เซ็นสัญญารับงานไว้ในมือ (Backlog) แล้วคิดเป็นมูลค่ากว่า 270 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายรายได้ทั้งปีที่บริษัทฯ วางไว้ที่ระดับ 260 ล้านบาท หรือเติบโต 30-40% จากปี 2550 ที่มีรายได้ 207 ล้านบาท ซึ่งงานในมือทั้งหมด คาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ทันทีในปีนี้ ดังนั้นโอกาสที่ผลประกอบการจะเติบโตสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ก็ยังมีอยู่ ส่วนการประมูลงานใหม่ในครึ่งปีหลังเป็นการรองรับการเติบโตในปีถัดไป ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีงานออกสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น"
กรรมการผู้จัดการ TNDT กล่าวต่อถึงปัญหาต้นทุนที่สูงขึ้นอันเป็นผลพวงต่อเนื่องจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันว่า หลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาดเริ่มอ่อนตัวลง เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจมากยิ่งขึ้น โดยจะทำให้ต้นทุนหลายส่วนปรับลดลง ประกอบกับบริษัทฯ ได้วางระบบป้องกันปัญหาต้นทุนพลังงานและค่าครองชีพสูงไว้แล้วล่วงหน้า ทั้งการระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายและ เพิ่มสำนักงานให้ไปอยู่ใกล้กับโครงการภาคสนาม เพื่อลดต้นทุนการขนส่งและการเดินทางของพนักงาน รวมทั้งการวางแผนบริหารจัดการภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เชื่อว่าจะสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทในครึ่งปีหลังมีทิศทางที่ดีทั้งรายได้และกำไรขั้นต้น ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการทั้งปีเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน
สำหรับผลประกอบการในครึ่งแแรกที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 117.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 85.86 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 21.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.33% จากกำไรสุทธิ 14.78 ล้านบาท ในครึ่งแรกของปี 2550 ส่วนผลประกอบการในไตรมาสที่ 2/2551 มีกำไรสุทธิ 6.37 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิในงวดเดียวกันของปีก่อน ที่ทำได้ 8.21 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลเนื่องจาก มีการปรับค่าแรงตามค่าครองชีพที่สูงขึ้น รวมทั้งต้นทุนน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และเกิดจากการลงทุนในเครื่องมือ อุปกรณ์ และยานพาหนะ เพื่อใช้ในการ ปฎิบัติงาน เพิ่มขึ้น จึงมีผลทำให้กำไรของบริษัท ฯ ไตรมาส 2 ปี 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิในงวดเดียวกันของปีก่อนลดลง อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของต้นทุนดังกล่าว ถือเป็นการลงทุนเพื่อรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยจะไม่รับรู้เป็นต้นทุนอีกไตรมาสถัดไป ซึ่งเชื่อว่าจะสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ได้
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : คุณสิริน วิวัฒน์เจริญพงศ์ โทร. 02-5549353 / 089-7286389