กรุงเทพฯ--17 มี.ค.--กันตนา กรุ๊ป
ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับการจัดงานเนื่องในวันช้างไทย ที่ช่วยปลุกกระแสให้เด็กและเยาวชนไทย หันมาให้ความรัก ความสนใจ และห่วงใยช้างได้อย่างมาก ในงาน “สนุก....สร้างสรรค์วันช้างไทย” ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 12-13 มีนาคมที่ผ่านมา ณ สวนสัตว์ดุสิต โดยทางบริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และสวนสัตว์ดุสิต ได้ร่วมกันจัดขึ้นโดยมุ่งหวังให้เด็กและเยาวชนไทยเห็นความสำคัญของช้าง ร่วมอนุรักษ์ รักและหวงแหน “ช้างไทย” ในฐานะที่เป็นสัตว์คู่บารมีของพระมหากษัตริย์ไทยและเป็นสัตว์ประจำชาติไทย
ภายในงานได้มีการจัดกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กและประชาชนทั่วไปได้ร่วมสัมผัสและรู้จักชีวิตช้างอย่างแท้จริง มีการเสริมสร้างความรู้ต่างๆ มากมาย อาทิ กิจกรรมตามรอยช้างที่ทำให้ได้รู้ลึกถึงเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับช้าง ไม่ว่าจะเป็นความเป็นมาของวันช้างไทย วิธีการดูลักษณะนิสัยของช้าง ชีวิตความเป็นอยู่ของช้าง และวีรกรรมช้างไทยในประวัติศาสตร์ที่มีส่วนสำคัญในการช่วยกอบกู้ แผ่นดินไทยสู่อิสรภาพจนทุกวันนี้ ซึ่งคุณอลงกต ชูแก้ว นักอนุรักษ์ช้าง จาก กองทุนวิจัยช้างป่า และคุณ คึกฤทธิ์ ขาวละมัย ผู้เชี่ยวชาญเรื่องช้าง จาก วังช้างอยุธยา แล เพนียด ได้มาเล่าเรื่องราวให้เด็กๆ ฟัง กันอย่างสนุกสนาน รวมทั้งมีการแสดงนิทรรศการเรื่องราวเกี่ยวกับช้างไทย และนิทรรศการภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่น 3 มิติอิงประวัติศาสตร์เรื่อง “ก้านกล้วย” ผลงานที่ถ่ายทอดเรื่องราวการผจญภัย ความ น่ารักและวีรกรรมอันน่ายกย่องเชิดชูของช้างทรงในสมเด็จพระนเรศวร นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสร้างสรรค์จินตนาการและความสนุกสนานของเด็กๆ ในรูปแบบต่างๆ อาทิ การสอนวาดภาพระบายสีช้างไทย โดยทีมงานสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่น “ก้านกล้วย” , เกม Walk Rally ช้างไทย พร้อมการเล่นเกมแจกของรางวัลมากมาย
คุณสุรเชษฐ์ แก้วธนกาญจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ช้างเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญต่อประเทศไทยเรามายาวนาน และด้วยความรักความผูกพันระหว่างช้างกับคนไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล ผนวกกับวีรกรรมของช้างไทยที่มีส่วนช่วยกอบกู้แผ่นดินไทยสู่อิสรภาพจน ทุกวันนี้ เราจึงได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นโดยมุ่งหวังให้ประชาชนและเยาวชนไทยช่วยกันรัก หวงแหน และอนุรักษ์ช้างไทย อย่างที่ทราบกันว่าจำนวนช้างไทยในปัจจุบันเหลือน้อยมาก การเพิ่มจำนวนประชากรช้างก็ค่อนข้างลำบาก ถ้าเยาวชนไทยไม่เริ่มอนุรักษ์ตั้งแต่วันนี้ คนรุ่นต่อๆไปก็อาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นช้างไทย แต่ถ้าทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ช้างไทยก็จะอยู่คู่บ้านคู่เมืองไทยตลอดไปครับ”
คุณอลงกต ชูแก้ว นักอนุรักษ์ช้าง จากกองทุนวิจัยช้างป่า ซึ่งมาเป็นวิทยากรให้ความรู้และเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับช้างกล่าวว่า “ช้างไทยทุกวันนี้ได้มีจำนวนลดลงอย่างมาก เริ่มหายากขึ้น จากเมื่อ 30 ปีก่อนที่มีอยู่ประมาณ 10,000 กว่าเชือก แต่ปัจจุบันนี้พบว่าเหลืออยู่เพียง 2,000 กว่าเชือก และขยายพันธุ์ปีละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 1 เชือกเท่านั้น สถานการณ์ช้างไทยในปัจจุบันนี้จึงน่าเป็นห่วงและน่าวิตกมากว่า ต่อไปอาจจะสูญพันธุ์ เราคนไทยทุกคนควรจะร่วมมือกันช่วยกันอนุรักษ์ช้าง ซึ่งก็ทำได้หลายวิธี อย่างการรณรงค์ไม่บริโภค เนื้อช้าง ไม่ฆ่าเพื่อนำชิ้นส่วนต่างๆ ของช้างมาสะสมหรือขาย ไม่สนับสนุนการซื้อ-ขายสินค้าที่เป็นชิ้นส่วนจากช้าง ไม่คุกคามช้าง ไม่สนับสนุนในการนำช้างเข้ามาเร่ร่อนในเมือง และช่วยกันรักษาป่าซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยเป็นบ้านของช้าง สำหรับเด็กและเยาวชนนั้น จุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดเลย คือต้องให้การศึกษาให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องช้าง ให้เขารู้จักช้างให้มากที่สุด และให้เขาเห็นถึงความสำคัญของช้างที่มีต่อประเทศไทยของเราและความสำคัญต่อระบบนิเวศน์สิ่งแวดล้อมในป่าด้วย ซึ่งการจัดกิจกรรมตรงนี้นับว่าเป็นการช่วยเสริมสร้างความรู้ให้แก่เด็กๆ ได้อย่างมาก และจากจุดนี้เองจะทำให้พวกเขาเริ่มเกิดความรัก ความผูกพัน และรู้สึกอยากหวงแหนช้าง และอนุรักษ์ช้างต่อไป”
ด.ญ.วนารินทร์ เอี่ยมสกุล หรือ น้องจอย พูดถึงความรู้สึกที่ได้มาร่วมงานว่า “หนูรู้สึกสนุกมากเลยค่ะที่ได้มาร่วมเล่นเกมและกิจกรรมต่างๆ ในวันนี้ เพราะนอกจากหนูจะได้ความรู้เรื่องช้างแล้ว หนูยังได้เล่นสนุกและ มีเพื่อนใหม่เพิ่มอีกด้วย และที่สำคัญยังได้ของรางวัลไปเป็นที่ระลึกอีกด้วยหนูอยากให้เพื่อนๆ ช่วยอนุรักษ์และสงสารช้างกันมากๆ เพราะช้างเป็นสัตว์ที่น่าสงสาร ทำงานหนัก เวลาที่โดนควาญช้างพามาเดินตามท้องถนนหนูรู้สึกสงสารช้างที่สุดเลย เพราะต้องเจอทั้งแสงแดดที่ร้อนอบอ้าว และต้องหิวโหย หนูอยากฝากให้ควาญช้างทุกคนอย่านำช้างเข้าเมืองกันนะคะ ปล่อยให้มันอยู่ตามป่าตามเขาตามธรรมชาติของมันดีกว่าค่ะ”
น้องตั๊กแตน ซึ่งวันนี้มากับคุณแม่ กล่าวว่า วันนี้หนูได้ระบายสีพี่ช้างด้วยค่ะ สนุกมากเลย แถมยังได้เล่นเกมอีกมากมายด้วย หนูอยากให้จัดงานอย่างนี้บ่อยๆ เพราะจะได้เห็นพี่ช้าง แม้จะเป็นสัตว์ตัวใหญ่แต่หนูก็ไม่กลัวนะคะ เพราะหนูว่าช้างเป็นสัตว์ที่น่ารักและมีความสามารถ หนูจึงอยากให้เพื่อนๆ และพี่ๆ ทุกคนช่วยกัน รักช้างให้มากๆ ค่ะ”
ด้านกลุ่มเพื่อนซี้ น้องภพ, น้องตึ๋ง, น้องเบนซ์ และน้องไอซ์ ซึ่งวันนี้ยกขบวนกันมาร่วมกิจกรรม กล่าวว่า “พวกผมรู้สึกดีใจครับที่มีงานแบบนี้ให้เด็กๆ อย่างพวกเราได้ร่วมสนุก และที่สำคัญพวกผมยังได้ความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับช้างที่ไม่เคยรู้มาก่อนครับ เช่น ช้างมีกี่ประเภทได้, รู้เรื่องดินโป่ง, รู้ชื่อช้าง, รู้ประวัติความเป็นมาของช้างไทยและความรู้อีกหลายๆ อย่างครับผม
พวกเราอยากให้ทุกคนเห็นความสำคัญของช้างกันครับ เพราะเดี๋ยวนี้ช้างถูกทรมานจากคนมาก ทั้งทุบตี ทั้งทำร้าย ทำให้บางครั้งช้างก็โมโหและทำร้ายคนเช่นกัน แต่ถ้าหากเราให้ความรักและความสงสารกับช้างพวกเราคิดว่าช้างไม่ทำร้ายคนอย่างแน่นอนครับ และยิ่งไปกว่านั้นรับรองได้ว่า ช้างจะอยู่คู่กับประเทศไทยไปอย่าง ยาวนาน”
คณะที่คุณแม่ยังสาว มนัสพิมน ถ้วยทอง ซึ่งพาลูกสาวมาเที่ยวงานกล่าวแสดงความคิดเห็นว่า “งานที่จัดขึ้นในวันนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์อย่างมาก เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้ความรู้เกี่ยวกับช้างเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เยาวชนได้ตระหนักและเห็นความสำคัญของช้าง ซึ่งถือเป็นสัตว์ประจำชาติที่ยิ่งใหญ่และสมควรที่ต้องอนุรักษ์ไว้สืบต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน”
แม้จะเป็นเพียงกระบอกเสียงเล็กๆ ของเยาวชนตัวน้อย แต่สิ่งเหล่านี้ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและพลังอันยิ่งใหญ่ที่ชี้ชัดให้เห็นว่าเยาวชนเหล่านี้ต่อไปในอนาคตจะต้องเป็นผู้ที่สืบสานและอนุรักษ์ “ช้างไทย” ซึ่งถือเป็นสัตว์ประจำชาติให้อยู่คู่กับประเทศไทยต่อไปอย่างแน่นอน
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ : วีรยา หมื่นเหล็ก, นิลธรา มะเดชา
โทรศัพท์ 0-2691-6302-4
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--