กรุงเทพฯ--26 ส.ค.--สหมงคลฟิล์ม
ดีกรีเกินร้อย ปล่อยพลังการแสดงเต็มที่ “สรพงษ์ ชาตรี” ไว้ลายนักแสดงชั้นครู กับอภิมหาภาพยนตร์แอ็คชั่น-แฟนตาซี “ปืนใหญ่จอมสลัด” (Queens of Langkasuka)
ขึ้นชื่อเป็นนักแสดงชั้นครูคนหนึ่งของวงการภาพยนตร์ไทย สำหรับ “สรพงษ์ ชาตรี” พระเอกตลอดกาลที่กำลังจะมาปล่อยทางการแสดงให้ผู้ชมทุกรุ่นได้ทึ่งกันอีกครั้งในอภิมหาภาพยนตร์แอ็คชั่น-แฟนตาซีเรื่อง “ปืนใหญ่จอมสลัด” ของผู้กำกับ “นนทรีย์ นิมิบุตร” การกลับมาขึ้นจอในครั้งนี้จะเป็นอย่างไร เราไปจับเข่าคุยกับเขากันเลยดีกว่า
บทบาท-คาแร็คเตอร์
ครับ บทบาทในเรื่องก็รับบทเป็น “อาจารย์กระเบนขาว” ก็จะเป็นคนซื่อสัตย์ ยุติธรรม มีเมตตา เป็นอาจารย์ที่สอน “วิชาดูหลำ” คือวิชาเรียกปลาหรือใช้พลังเสียงในการควบคุมพวกสัตว์น้ำให้มาเป็นพวกได้ จริง ๆ แล้วถ้าย้อนกลับไปเนี่ย กระเบนขาวปกติก็จะเป็นคนธรรมดาเป็นชาวทะเล ในวันหนึ่งก็พายเรือไปที่เกาะแห่งหนึ่งไปเจออาจารย์คนหนึ่งนะครับถ่ายทอดวิชาดูหลำให้ ซึ่งมันต้องนั่งสมาธิใช้พลังจิตมาก แล้วมันมีอิทธิพลกับน้ำขึ้นน้ำลง ถ้าเราควบคุมสติไม่อยู่ ก็จะกลายเป็นอีกตัวหนึ่ง จากคนดี ๆ ก็จะควบคุมสติไม่อยู่ก็จะบ้าเลย จิตใจ โหดเหี้ยมทำอะไรที่ผิดมนุษย์ อันนั้นก็จะเป็นอีกด้านของกระเบนขาวนะครับ เรียกว่ามีทั้งด้านธรรมะและอธรรม แล้วตัวกระเบนขาวในเรื่องก็จะเป็นอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาดูหลำให้ตัวพระเอกคืออนันดาอีกทอดหนึ่งด้วยครับ
ความสามารถในวิชาดูหลำ
ใช่ครับ อย่างที่บอก ตัวกระเบนขาวจะมีความสามารถทางวิชาดูหลำ ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ชาวทะเลเขาจะใช้หาปลากันได้จริง ๆ ส่วนในเรื่องก็แปลงขึ้นมาอีกระดับให้เป็นวิชาที่ใช้พลังจิตเรียกปลา ควบคุมปลาให้ทำอะไรก็ได้ ในเรื่องคนที่เขาอยากได้วิชาเนี่ยมีเยอะแยะ เพราะมันเป็นของดี มันมีวิเศษนะ แต่ตัวเองก็ไม่
ค่อยยอมสอนให้ใคร เพราะคิดว่ามันไม่ดีกับเรา มันไม่อยากให้วิชานี้แพร่หลายไป ไม่สอนให้บางคนเพราะถ้าฝึกไม่ดีหรือพ่ายแพ้ต่อด้านมืดของจิตใจแล้วมันก็เกิดผลร้ายต่อตัวเองและคนอื่น ๆ ด้วย
วิชาดูหลำก็คือ วิชาที่เรียกปลาได้ ไม่ว่าจะเป็นปลาขนาดเล็ก ขนาดใหญ่แค่ไหนก็เรียกมาได้ แล้วก็มีฤทธิ์มีอำนาจ ต้องใช้พลังจิตอย่างมาก แต่วิชานี้มันจะมีปัญหาว่า ถ้าเราควบคุมตัวเองไม่ได้ มันจะมีอิทธิพลกับน้ำขึ้นน้ำลง น้ำขึ้นน้ำลงก็จะสามารถทำให้จิตใจเปลี่ยนแปลง จะเรรวน จากดี ๆ ก็จะเป็นชั่วไปเลย สามารถทำอะไรเรื่องชั่ว ๆ ได้ทั้งหมด ก็ต้องระวังในการฝึกอย่างมาก
ก็อย่างคนดีทั่วไปก็เป็นคนปกติ ก็จะมีสติคุ้มครอง มีเหตุมีผล ทำแล้วรู้ไอ้นี่ควรไม่ควร คนชั่วมันก็คือคนขาดสติขาดสติเพราะอะไรล่ะ ต้องมีสาเหตุบางคนขาดสติเพราะเหล้าบังคับประสาททำให้ชนแหลก เห็นคนแล้วอยากชน เห็นคนแล้วอยากตีหัว มันก็ไม่มีสติ คนชั่วคือคนที่ไม่มีเหตุไม่มีผลไม่มีสติ เพราะอย่างตัวกระเบนขาวนี้ เขาจะเล่นเป็นคนแบบ...พอน้ำขึ้นน้ำลงเขาคุมสติไม่ได้แล้ว ก็จะเป็นคนที่ขาดสติ ความชั่วมันก็ออก คนชั่วคือคนขาดสติ ไม่มีความละอายต่อบาป ไม่มีความยั้งคิอ อยากจะปล้ำใครก็ปล้ำ อย่างคุณอยากจะข่มขืนใครคุณก็ทำได้เลย เพราะว่ามันไม่มีสติ แต่ถ้าคุณมีสติควบคุมคุณก็จะรู้ว่าทำได้ ทำไม่ได้ อันไหนดี ไม่ดีอย่างนี้
บทเรื่องนี้แตกต่างจากเรื่องที่ผ่าน ๆ มาอย่างไรบ้าง
ก็มากเลย แตกต่างมากเลยครับ พูดถึงว่าบทน่ะดี เพราะว่าจริง ๆ แล้วเราอายุวัยนี้แล้วจะไปมัวทำหน้าใส หน้าหวาน ผ่านมา 400 กว่าเรื่องมันปกตินะครับ ไม่มีใครเขาอยากดู แล้วเป็นนักแสดงมันก็ต้องทำอะไรที่มันยากขึ้น ทำง่ายลงมันก็ไร้ค่า ใช่ไหม ก็ต้องทำอะไรที่มันยาก แล้วก็เป็นตัวอย่างของนักแสดงว่าอย่างนี้ ก็เมื่อบทมันเป็นอย่างนี้ คุณจะทำได้ดีหรือเปล่า คุณจะเป็นกระเบนขาวได้ไหม เพราะเขาไม่ได้จ้างให้คุณมาเป็นสรพงษ์ สรพงษ์เอาไว้เบื้องหลังน่ะครับ แต่ก็คุณจะต้องเป็นตัวกระเบนขาวในเรื่องให้ได้
เรื่องนี้เขาก็เชิญมาแสดงนะครับ มาคุยกันว่าบทอย่างนี้สนใจไหมอะไรอย่างนี้ ก็สนใจนะครับ โดยเฉพาะว่าผู้กำกับ คุณอุ๋ยเนี่ยมีประสบการณ์ทางหนังประเภทนี้สูง หนังที่คิดเองโดยไม่กำหนดรูปแบบซ้ำ ๆ เดิม ก็เหมาะกับตัวเรา เพราะว่าหน้าอย่างเราจะเอาไปแสดงเป็นนักแสดงหน้าขาวๆ เขาก็เห็นแล้วเพราะเราแสดงมาแล้ว 400 กว่าเรื่อง คุณจะหน้าขาว ผมเกรียน ผมสั้น เป็นอะไรเนี่ยเขาเห็นหมด ปกติเราก็
อยากจะหาบทที่มันไม่เคยเล่นมาก่อน เหมือนนักแสดงต่างประเทศบทที่ง่าย ๆ เขาก็จะไม่ค่อยเล่น เดินไปมา กินข้าว คุย นอน ทำหน้าหล่อ ทำน้ำตาไหล คนเขาเห็นหมดแล้ว มันซ้ำ เขาก็เบื่อ ฉะนั้นต้องเล่นอะไรที่ยังไม่เคยเล่นมาก่อน เล่นอะไรที่เรายังไม่เคยทำมาก่อนนี่แหละ อย่างตัวเองก็ท้าทายตัวเองด้วย ในความสามารถต่าง ๆ แล้วก็เปลี่ยนบุคลิกไปเลย คนจำไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นสรพงษ์หรอก ถ้าไม่บอกนะครับ ซึ่งเดี๋ยวนี้นักแสดงเขาโหยหาบทประเภท ดีตัวหนึ่ง บ้าตัวหนึ่ง มันทำให้ดูแตกต่างนะครับ
ความยากง่ายของเรื่องนี้อยู่ตรงจุดไหนบ้าง
หนังเรื่องนี้ยากตลอดเพราะว่า เป็นหนังผู้กำกับดีไซน์ให้มันยากด้วยอย่างหนึ่ง ถ้าถ่ายง่ายก็คงเหมือนกินข้าวตามร้านอาหารง่าย ๆ นะฮะ ซึ่งเรื่องนี้มันไม่ใช่ ฉะนั้นเราก็ต้องยอมรับว่ามันยาก ตั้งแต่เรื่องคนเยอะ ฉากก็เยอะ มันต้องเซ็ตขึ้นมาหมด ตัวละครกว่าจะแต่งตัวเสร็จ รอตัวนั้น รอตัวนี้ รอ ๆ ๆ นะครับ พูดง่าย ๆ เรื่องง่ายเขาไม่ทำเขาทำให้มันยาก มันแปลก ถ้าใครชอบดูของแปลกให้มาดูเรื่องนี้นะครับ (หัวเราะ)
จริง ๆ แล้วถ้าบทร้าย ๆ เนี่ย เล่นไม่ยากหรอก ถ้าร้ายแบบปกปิดจะเล่นยาก แต่ถ้าร้ายไม่ปกปิดเล่นไม่ยาก ร้ายปกปิดก็แสดงเป็นคนดีเหมือนหน้าฉากนักการเมืองดี ๆ แต่เขาไปคอรัปชั่นอะไรหรือทำอะไรไม่ดีอย่างนี้ที่เราก็ไม่รู้ นั่นแหละอย่างนั้นแหละยาก เหมือนพ่อพระ ใจดี โกงคนนี้ ดีกับคนนี้ ชั่วกับคนนี้ ไปให้คนนี้ ความชั่วไม่ให้คนเห็น เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจะเล่นยาก ดีก็อีกคนหนึ่งร้ายก็อีกคนหนึ่งก็จะเล่นยากนะครับ แต่ร้ายโดยคนรู้ว่านี่คือตัวร้ายจริง ๆ นั่นจะเล่นไม่ยาก
จริงๆ มันก็มีอีกเยอะ ใครก็เล่นได้นะครับ ใครก็เล่นได้ แต่ว่าคุณอุ๋ยเขาอาจจะมองแล้วว่า เรายังไม่เคยร่วมงานกันมั้งอะไรประมาณนี้ เท่าที่ผมดูนะครับ เรายังไม่เคยร่วมงานกันมากกว่า คนเล่นได้มีเยอะไป เล่นได้ดีกว่าผมก็เยอะนะครับ
เรื่องนี้เรียกได้ว่ารวมมืออาชีพทั้งนั้นเลย
ก็มืออาชีพทั้งนั้นแหละครับ คุณอุ๋ยเขาก็ทำหนังมาหลายเรื่องก็ร้อยล้านขึ้นทั้งนั้นนะครับ ไม่ว่าจะเป็นนางนาก, 2499 อันธพาลครองเมือง และอีกเยอะแยะ ประชาชนเชื่อถือแล้วนะครับ และใคร ๆ ก็อยากร่วมงานกับเขาทั้งนั้น เรื่องนี้ก็เลยรวมพลมืออาชีพทุก ๆ ฝ่าย ทีมงาน นักแสดงทุก ๆ คนเรียกได้ว่าทำงานกันได้เป็นอย่างดีมาก ๆ เลยนะครับ
พูดถึงนักแสดงรุ่นใหม่อย่าง “อนันดา เอเวอริ่งแฮม” หน่อย
ผมว่าเขาเหมาะนะ เหมาะที่จะเล่นบทนี้ เพราะว่าโดยเฉพาะรูปร่าง เขายังเป็นวัยรุ่นที่ยังไม่มีไขมัน แล้วก็หน้าตาเขาก็ดูแปลก ๆ เหมือนชาวเกาะได้ เรื่องการแสดงไม่ต้องห่วงเลยครับ ผ่านงานระดับนี้ เข้าใจหมดแล้วนะครับ เรียกว่าทุกคนแสดงได้อย่างดี ไม่มีเหตุผลที่จะแสดงไม่ดีนะครับ ก็เขามืออาชีพดีอยู่แล้ว เก่งอยู่แล้ว ใช้ได้เลย แล้วลุคเขาดี ดูเป็นมนุษย์เกาะจริง ๆ ไม่ใช่มนุษย์มาเดินตามถนนทั่วไป ไม่ใช่หนุ่มออฟฟิศ ใช่ไหมอย่างอนันดา หน้าเขาจะเป็นแบบจะไทยก็ไม่ไทย ฝรั่งก็ไม่ฝรั่ง เป็นกึ่ง ๆ เกาะใดก็เกาะหนึ่งแบบนั้นน่ะ ไม่ใช่คนเดินถนน ไม่ใช่คนทำงานออฟฟิศ เวลาเขาเล่นน่ะนะ พอเขาหลุดไปแต่งตัวอะไรออกมาอย่างนี้ มันก็เข้ากับบรรยากาศเกาะ เข้ากับเรื่องนี้มาก ๆ ครับ
การเมคอัพค่อนข้างทรหด
ปกติการไปถ่ายหนัง ไปถึงก็ไปใส่เสื้อผ้า อาจจะเป็นกางเกงยีนส์เสื้อลายแต่งหน้านิดหน่อย เป่าผมนิดหน่อยก็ได้แล้ว แต่เรื่องนี้เนี่ย คุณต้องตื่นตี 4 แล้วก็เอาโฟมต่าง ๆ มาใส่หน้าให้โหนกให้นูน มีหน้าผาก ให้รูปร่างมันเปลี่ยนไปและก็สวมชุด แล้วก็ลงมาเพ้นท์สีทั้งตัว ตื่นตี 4 กว่าจะเสร็จก็ประมาณหลังเที่ยงกว่าจะได้ถ่ายทุกวัน ใหม่ ๆ ก็จะช้าประมาณนั้นถือว่าเร็วสุดละนะ ตื่นตี 4 แต่งตัวตี 5 ถ่ายบ่ายโมงหลังเที่ยง มันต้องใส่เยอะมากเลย ทำหน้าตาดุ ทำโหนกให้นูน ทำกล้ามเนื้อ ก็คันจะตาย ทานข้าวไม่ได้ ก็ปรกติอะไรที่มันไม่ใช่ของเราน่ะมันคม หนวดมันคม มันก็คัน
แต่ถ้าคุณถ่ายหนังฉากกินข้าว ฉากรัก ฉากไปเดินริมทะเล มาถึงก็กองถ่ายแต่งหน้า ใส่เสื้อผ้า ถ่ายได้เลย แต่นี่มันต้องเตรียมตัว ฟิตร่างกายอะไรด้วย เมื่อก่อนผมอ้วนน้ำหนัก 75-76 ตอนถ่าย “นเรศวร” มาตอนนี้ก็เหลือซัก 71 ได้
ฉากไหนที่รู้สึกโหดเลย
ฉากที่ถ่ายในสระครับ ก็แต่งตัวเยอะอย่างนี้ ลงไปแล้วก็งงไปในสระหามาร์คไม่เจอ มันเหมือนกันไปหมด แล้วเราก็ต้องลืมตาในน้ำ คุณอุ๋ยบอกอยู่ตรงนี้นะ แล้วไม่มีเครื่องช่วยหายใจไง ลงไปแล้วแบบดำลงมันก็จะลอยขึ้น เราก็จะหมดหายใจ ตาก็มองไม่เห็นในน้ำเบลอ ก็เราไม่ใช่ปลานี่ครับ (หัวเราะ) เป็นคนมันต้องอยู่ข้างบนแหละใช่ไหม ทรมาน ติดหนวดติดเคราอย่างเดียวก็ทรมาน อ้าก็ไม่เต็มที่ ข้าวปลากินไม่ได้เวลาถ่ายจะไม่ค่อยกินข้าว อ้าปากไม่ได้ เคี้ยวไม่ได้ เคี้ยวแล้วมันจะหลุด ทรมาน ทำหน้าขาว ๆ ดีกว่า
ก็ตั้งแต่ตี 5 ไปจนถึงพระอาทิตย์ตกจะเดินไปไหน ห้องน้ำ ก็เดินไปชุดนี้ เราก็ไม่อยากเข้าห้องน้ำพอแต่งแล้วเขาก็มีปัญหาก็ต้องมาพัน จะเข้าห้องน้ำก็ต้องรื้ออีก ก็เลยไม่อยากกินอะไร กินก็ลำบากอ้าได้แค่นี้ กินก็ลำบาก ถอดชุดก็ลำบาก ต้องเรียกคนมาพัน เพราะแต่งเองไม่ได้ ยังไงก็กางเกงยีนส์เสื้อยืดสบายกว่าอยู่แล้ว (ยิ้ม)
ได้ร่วมงานกับนนทรีย์ นิมิบุตรแล้ว พี่อุ๋ยเป็นคนยังไง
คุณอุ๋ยแกอารมณ์โรแมนติก ผมว่าแกเหมาะที่จะกำกับหนังรักหวานฉ่ำอะไรอย่างเนี้ยนะ แต่มองภาพแล้วว่า หนังอย่างเนี้ยแกไม่น่าจะทำได้ แล้วไม่น่าจะกำกับอะไรที่มันดูโหด ๆ แต่แกก็สามารถทำได้ แสดงว่าพี่อุ๋ยไม่ได้ยึดติด แกเป็น Director จริง ๆ สามารถที่จะเปลี่ยนเป็นอะไรก็ได้ ถ้าหนังแนวนี้ก็ทำให้แนวนี้สมบูรณ์สุด หนังรักอย่าง “นางนาก” แกก็ทำโรแมนติกให้ดีที่สุด แสดงว่าแกไม่ได้ยึดติด แล้วแกเป็นตัวจริง ผู้กำกับตัวจริง Director ก็ต้องเป็นอย่างนี้แหละ ทำได้ทุกแนว
ความน่าสนใจ
ผมว่ามันแปลกจากหนังไทยทั่วไปนะครับ คนไทยก็น่าจะดูกัน คนไทยแฟนบางกลุ่มคงจะเห็นละคร ลุคของละครก็จะอิจฉากันไว้ก่อนใช่ไหม กินข้าวเยอะ ๆ อิจฉาเยอะ ๆ แต่เรื่องนี้มันไม่ใช่นะครับ มันเป็นเหมือนตำนานอะไรอย่างนี้ เหมือนเป็นถ้าเป็นหนังฝรั่งก็เป็นเหมือน Lords of the Ring อะไรอย่างนี้ใช่ไหมครับ มันจะดูง่าย ดูไม่ยาก ไม่ได้เครียดเลยนะครับ
“ปืนใหญ่จอมสลัด” มีความแตกต่างจากหนังสเกลใหญ่ๆ เรื่องอื่นตรงไหนบ้าง
หนังสเกลใหญ่อย่าง “สุริโยไท” หรือว่า “นเรศวร” เนี่ย มันมีประวัติศาสตร์ มันมีตำนานคุณต้องเดินตามใช่มั้ย อย่างผมเล่นเป็นพระ เป็นมหาเถรก็ต้องเป็นพระ แต่หนังอย่างนี้มันเป็นจินตนาการถูกไหมฮะ มันมีจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ มันไม่ได้เขียนประวัติศาสตร์ไว้ ไม่ได้เป็นเรื่องที่เรียนกันในโรงเรียน “สุริโยไท” และ “นเรศวร” มันเป็นบทเรียนคนก็จะรู้จักเยอะ แต่อย่างนี้เรื่อง “ปืนใหญ่จอมสลัด” คนก็ไม่รู้จักว่าปืนใหญ่มันอยู่ที่ไหน แต่จริง ๆ เรื่องนี้มันจะมีเรื่องจริงบ้าง มีพล็อตบ้าง ก็จะต่างกันตรงนี้นะครับ
คนดูจะได้อะไรจากการดูภาพยนตร์เรื่องนี้
คนไปดูหนังมีหลายประเภท หนังทั่ว ๆ ไป ไปดูก็ได้ความบันเทิง ความสนุกนะครับ เป็นงานเอนเตอร์เทน ไปดูหนังเขาอยากจะไปดูอะไรล่ะ ไปดูวิชาความรู้ ไปเอาเป็นตำราเรียนเอามาสอบเลยก็คงไม่ใช่น่ะ สอบเสร็จ คลายเครียดไปดูหนังเรื่องนี้ดีกว่า อันดับแรกไปดูความสนุกในหนังว่าเรื่องเนี้ยสนุกด้วย ได้ดูความสามารถนักแสดง-ผู้กำกับ ได้ดูการลงทุนของฉาก ได้ดูสถานที่โลเกชั่น ถ้าคนรักศิลปะ รักอาร์ตนะครับจะได้เต็ม ๆ เลยนะครับ ในเรื่องนี้มีความเป็นศิลปะสูงมากในด้านฉาก การแสดง และก็ทุกอย่างนะครับ ผมว่าถ้าคุณเรียนศิลปะ มันจะครบถ้วนอยู่ในนี้เลย เกินคุ้มอย่างที่บอก เรื่องนี้มันมีให้หมด
ท่านไปเสียเงินดู 200-300 บาทนี่ถือว่าน้อยมาก หนังเรื่องนี้ใช้ทุนหลายร้อยล้านบวกค่าประชาสัมพันธ์เข้าไปอีกก็ 300 ล้านได้นะครับ แค่ดูนักแสดงแต่งตัว แค่ทาตัว แค่ติดหนวด ติดเคราเตรียมงาน ถ่ายกันหลายเดือนหลายปีก็คุ้ม 200 บาทแล้ว เขาถ่ายกันมา 3 ปีนี่คิดแล้ววันละไม่กี่บาทเองนะครับ ก็คนดูนะครับ ถ้าไม่ดูท่านจะเสียใจนะครับ ถือว่าตกเทรนด์แล้วก็คุยกับใครไม่ได้ เป็นคนตกโลกไปเลยนะครับ เดี๋ยวนี้หนังไทยก็ไปไกลแล้วนะครับ เทียบเท่าฝรั่งได้แล้ว ก็ไปดูนะครับ ไปดูแล้วได้ความรู้ ได้ความสนุกด้วย ได้สนับสนุนคนไทย สินค้าไทย นักแสดงไทยด้วย ถ้าใครชอบค้นหาดูภาพยนตร์ใหม่ ๆ ที่ไม่ซ้ำแนว เบื่อละครทีวี เบื่ออะไรที่มันซ้ำ ๆ ผมว่าเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ควรดูเลยนะครับ มันทำยาก หนังที่ถ่ายเกี่ยวกับหนังโจรสลัดมันไม่นิ่ง เดี๋ยวน้ำขึ้นน้ำลง เดี๋ยวคลื่นแรง มันทำยากจริง ๆ แต่ขนาดยากแล้วเรื่องนี้มันยังทำได้ดี มันก็เป็นการบอกถึงสมองคนทำได้ดีนะครับ ถึงยากแต่ก็ทำได้ดี ฉะนั้นต้องมาดูเลยนะครับเรื่องนี้