กรุงเทพฯ--27 ส.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน ประเทศไทย
ในภาวะที่น้ำมันแพง ค่าครองชีพสูง อาหารและข้าวของเครื่องใช้ดูจะมีราคาแพงขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา ผู้ชายที่เป็นหัวหน้าครอบครัวต่างกำลังคร่ำเคร่งกับการหารายได้มาดูแลครอบครัว แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ชายส่วนใหญ่ต่างมุ่งหวังที่จะสร้างความสุขให้กับคนที่รัก อยากมีเวลาที่จะกุ๊กกิ๊กกับภรรยา เพื่อเติมเต็มอีกด้านหนึ่งของชีวิต แต่ด้วยความเครียดที่มีผลมาจากภาวะเศรษฐกิจและการงาน ชายกลุ่มหนึ่งอาจกำลังกังวลเรื่องน้องชายที่อาจเกิดอาการไม่เป็นใจขึ้นมาเสียดื้อๆ
เพื่อที่จะจัดการกับปัญหานี้ ศูนย์ข้อมูลสมรรถภาพชายมีไฟ โดย บริษัท ไบเออร์ เชริง ฟาร์มา ผู้นำด้านเภสัชกรรม และผู้จำหน่ายเวชภัณฑ์เพื่อเป็นทางเลือกในการรักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ให้คำแนะนำแก่ชายที่ไม่อยากประสบปัญหาล่มปากอ่าวว่าควรจะวางแผนและมีการเตรียมรับมือกับปัญหาล่วงหน้า โดยการรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อที่จะขจัดความเครียดของทั้งสองฝ่าย เพื่อให้ครอบครัวยังคงสมบูรณ์ในทุกด้าน
นท.ดร.นพ. สมพล เพิ่มพงศ์โกศล แพทย์ประจำหน่วยระบบปัสสาวะ ภาควิชาศัลยกรรม โรงพยาบาลรามาธิบดี ให้ทรรศนะเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “ช่วงเวลาที่ผู้ชายเกิดความเครียดสูง จะด้วยเพราะเรื่องการงาน หรือการที่ต้องคิดกังวลตลอดเวลากับค่าน้ำมันที่ขึ้นๆ ลงๆ จะส่งผลต่อ ความสัมพันธ์ทางเพศ เช่น ปัญหาน้องชายไม่สู้ หรือสู้ไม่ต่อเนื่อง ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะสามารถนำมาซึ่งความกดดันทางความสัมพันธ์ทางจิตใจ โดยโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศสามารถส่งผลกระทบถึงผู้ชายหลายด้าน รวมถึงด้านความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตนเอง ซึ่งอาจนำไปสู่โรคซึมเศร้า และเป็นสาเหตุสำคัญในการหย่าร้างในที่สุด”
ปัจจุบันพบโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศในผู้ชายไทยสูงถึงร้อยละ 42.18 ซึ่งพบโรคอี.ดี.ในผู้ชายไทยเพิ่มมากขึ้นตามสัดส่วนอายุ โดยพบโรคอี.ดี.ในชายที่มีอายุระหว่าง 40-49 ปี ประมาณร้อยละ 23.39 ส่วนในผู้ชายที่มีอายุ 50-59 พบว่าเป็นโรคอี.ดี. ร้อยละ 47.79 ในขณะที่พบโรคอี.ดี.สูงถึงร้อยละ 76.95 ในผู้ชายไทยอายุระหว่าง 60-70 ปี “ตามข้อมูลสถิติ พบว่ามีผู้ป่วยโรคอี.ดี จำนวนร้อยละ 14.81 รู้สึกค่อนข้างไม่สะดวกที่จะที่ปรึกษาแพทย์ และจำนวนร้อยละ 13.75 รู้สึกอึดอัดกับการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และมีเพียงร้อยละ 9.7 ที่รู้สึกค่อนข้างยินดีที่จะเปิดเผยและพูดคุยกับแพทย์ การเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้ป่วยอี.ดี.นั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก จากประสบการณ์ของคุณหมอพบว่าในปัจจุบันคู่สมรสหรือผู้หญิงจะให้ความสนใจมากขึ้นต่อปัญหานี้” คุณหมอสมพลให้ข้อคิดเพิ่มเติม และยังเน้นอีกด้วยว่าการได้รับกำลังใจจากภรรยานั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก “ในปัจจุบันผู้ป่วยโรคอี.ดีมักเริ่มต้นแก้ปัญหาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศด้วยการออกกำลังกายถึงร้อยละ 76.55 และมีผู้ป่วยโรคอี.ดี. จำนวนร้อยละ 17.8 ที่ใช้ยารักษา ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่นิยมใช้ยาแก้โรคอี.ดี.ชนิดรับประทานคิดเป็นร้อยละ 74.54 นอกจากนี้ผู้ป่วยมักจะจูงมือภรรยามาร่วมกันปรึกษามากขึ้น ทั้งนี้หากมีการร่วมใจและให้กำลังใจกันทั้งสองฝ่ายก็จะทำให้ผลการรักษาโดยการใช้ยานั้นได้ผลดียิ่งขึ้น”
ทราบดังนี้แล้ว ภรรยาที่คุณสามีประสบปัญหาโรคอี.ดี.ควรหันมาดูแลเอาใจใส่สามีของคุณ โดยการเปิดใจรับฟังปัญหา พูดคุย ให้กำลังใจ พร้อมทั้งจูงมือไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อร่วมแรงกันแก้ไขปัญหา เพราะปัญหานี้ไม่ได้ส่งผลต่อคุณผู้ชายเพียงฝ่ายเดียว หากส่งผลโดยตรงกับความสัมพันธ์และความมั่นใจของคุณผู้หญิงด้วย เมื่อร่วมมือร่วมใจเพื่อแก้ไขป้องกันอย่างมั่นเหมาะแล้ว ก็มั่นใจได้เลยว่าช่วงเวลาแห่งวิกฤติน้ำมันในช่วงนี้ และไม่ว่าจะเป็นปัญหาหรือวิกฤติใดๆ คุณทั้งคู่ก็จะสามารถผ่านพันไปด้วยความสัมพันธ์อันมั่นคง
ข้อมูลมาจาก วารสาร The Aging Male
จัดทำขึ้นโดย นท.ดร.นพ. สมพล เพิ่มพงศ์โกศล แพทย์ประจำหน่วยระบบปัสสาวะ ภาควิชาศัลยกรรม โรงพยาบาลรามาธิบดีและทีมงาน THE THAI ERECTILE DYSFUNCTION EPIDEMIOLOGICAL STUDY GROUP
ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน ประเทศไทย
ธรณ์ ชัชวาลวงศ์ และ โทรศัพท์ : 0-2627-3501 ต่อ 118, 105 แฟกซ์: 0-2627-3510
อีเมล์ : tchatchavalvong@th.hillandknowlton.com, piem-klai@th.hillandknowlton.com