กรุงเทพฯ--28 ส.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน
การรวมกิจการส่งผลให้เอชพีก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในบริษัทไอทีที่มีกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการครอบคลุมมากที่สุด
เอชพีประกาศวันนี้ว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการเข้าซื้อกิจการของบริษัท อิเล็กทรอนิก ดาต้า ซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น (อีดีเอส) (Electronic Data Systems Corporation (EDS)) โดยเสร็จสมบูรณ์แล้ว ส่งผลให้เอชพีก้าวขึ้นเป็นองค์กรชั้นนำในด้านการบริการทางเทคโนโลยี
การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ ซึ่งได้มีการประกาศไปก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีมูลค่ากิจการ (enterprise value :EV) ประมาณ 13,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้เอชพีมีพอร์ทโฟลิโอของผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชั่นแบบเอนด์-ทู-เอนด์ (end-to-end) ที่มีความครอบคลุมมากที่สุดรายหนึ่งในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ทั้งนี้ ชุดผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการรวมกิจการของทั้งสองบริษัทจะมุ่งเน้นในการช่วยให้ธุรกิจของลูกค้าเติบโตได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ช่วยลดความเสี่ยง และลดค่าใช้จ่ายต่างๆ
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาในด้านมูลค่าการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ นับว่าเป็นการเข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดในส่วนธุรกิจบริการด้านไอที และใหญ่เป็นอันดับสองในแวดวงอุตสาหกรรมไอที รองจากการเข้าซื้อกิจการคอมแพคของเอชพี เมื่อปี 2545 ธุรกิจด้านการให้บริการที่ผสานรวมของเอชพีและ อีดีเอส มีรายได้ต่อปี ณ สิ้นสุดปีงบประมาณ 2550 อยู่ที่มากกว่า 38,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีพนักงานรวมกันกว่า 210,000 คนซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในกว่า 80 ประเทศทั่วโลก
มร. มาร์ค เฮิร์ด ประธานและประธานกรรมการบริหารของเอชพีกล่าวว่า “วันนี้นับเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ของเอชพี อีดีเอส ตลอดจนลูกค้าที่เราให้บริการ ทั้งสองบริษัทต่างก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเช่นเดียวกัน เมื่อเราควบรวมเข้าด้วยกันแล้ว เราจึงกลายเป็นผู้นำระดับโลก ที่มีประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ลูกค้า ด้วยพอร์ทโฟลิโอของผลิตภัณฑ์ที่มีความสมบูรณ์แบบและครบวงจร และมีความสามารถในการแข่งขันสูงสุดในธุรกิจไอที ไม่ว่าลูกค้าจะมีขนาดองค์กรเท่าไร อยู่ที่ใด หรือมีธุรกิจประเภทใดก็ตาม”
อีดีเอส ซึ่งถือเป็นกลุ่มธุรกิจหนึ่งของเอชพี จะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการเอาท์ซอร์ซชั้นนำ ด้วยความสามารถในการให้บริการด้านไอทีอย่างครบวงจรให้กับส่วนธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจการดูแลสุขภาพ ภาครัฐบาล ภาคการผลิตสินค้า บริการทางการเงิน ธุรกิจพลังงาน การคมนาคมขนส่ง ธุรกิจค้าปลีกและผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์ ธุรกิจด้านการสื่อสาร และธุรกิจสื่อสารมวลชนและบันเทิง โดยกลุ่มธุรกิจดังกล่าวจะอยู่ภายใต้การนำของ มร. รอน ริทเทนเมเยอร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานและประธานกรรมการบริหาร ซึ่งเป็นตำแหน่งเดิมของเขาในอีดีเอสตามที่ได้ประกาศก่อนหน้านี้ โดยกลุ่มธุรกิจนี้ยังคงมีฐานปฏิบัติการอยู่ในเมืองพลาโน รัฐเทกซัส เหมือนเช่นเคย
“วันนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์หน้าใหม่อันน่าติดตาม ลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากโซลูชั่นที่มีทั้งความครอบคลุมและลึกซึ้ง ตลอดจนความมุ่งมั่นในด้านคุณภาพที่เหนือกว่า และความสามารถในการมอบบริการระดับโลกอย่างแท้จริงของเรา นอกจากนี้ ทรัพยากรด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) อันมีชื่อเสียงและเทคโนโลยีระดับโลกของเอชพี ทำให้เราได้เข้ามาเป็นผู้กำหนดนิยามใหม่ของตลาดการบริการด้านเทคโนโลยีอีกด้วย” มร. รอน ริทเทนเมเยอร์ กล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี โซลูชั่นส์ กรุ๊ป (ทีเอสจี) (Technology Solutions Group (TSG)) ของเอชพีจะโอนถ่ายการปฏิบัติการด้านบริการเอาท์ซอร์ซ รวมทั้งงานบางส่วนของหน่วยธุรกิจ Consulting & Integration ไปให้กับกลุ่มธุรกิจอีดีเอส โดยที่กลุ่มธุรกิจทีเอสจีจะมุ่งเน้นในด้านผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ ผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูล ซอฟต์แวร์และบริการด้านเทคโนโลยี เช่น การติดตั้ง การบำรุงรักษา และการออกแบบระบบเทคโนโลยีให้กับลูกค้า รวมทั้งบริการด้าน Consulting & Integration ที่เหลือบางส่วน
“ลูกค้าของเราจะได้รับประโยชน์จากขนาดของกิจการที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งความแข็งแกร่งของธุรกิจของเรา เมื่อพวกเขาต้องการแปลงสภาพแวดล้อมการใช้งานด้านเทคโนโลยี” มส. แอน ลิเวอร์มอร์ รองประธานบริหาร กลุ่มธุรกิจทีเอสจี ของเอชพี กล่าว “ครั้งนี้นับว่าเป็นก้าวย่างที่สำคัญในด้านความสามารถของเราในการช่วยให้ลูกค้าแก้ไขอุปสรรคความท้าทายต่างๆ โดยอาศัยนวัตกรรมที่สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพและมอบผลลัพธ์ที่สำคัญทางธุรกิจ”
ทีมบริหารชุดใหม่ของกลุ่มธุรกิจอีดีเอส
มร. รอน ริทเทนเมเยอร์ได้ประกาศรายชื่อทีมงานบริหารของกลุ่มธุรกิจใหม่นี้ โดยจะเป็นการคละกันระหว่างพนักงานเดิมของอีดีเอสที่ขึ้นตรงต่อเขาเอง รวมทั้งทีมงานที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ที่มาจากทั้งอีดีเอสและเอชพี โดยทีมงานที่ขึ้นตรงต่อเขามีดังต่อไปนี้
มร. ไมเคิล คูเมอร์ อายุ 55 ปี ตำแหน่งรองประธานอาวุโส ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบเหมือนเช่นเคยในอีดีเอส
มร. โจอี เอเซอร์ อายุ 46 ปี ตำแหน่งรองประธานอาวุโส หน่วยธุรกิจ Transformation ซึ่งก่อนหน้านี้รับผิดชอบในงานด้านกลยุทธ์การบริหารองค์กร (corporate strategy) และการพัฒนาธุรกิจ (business development) ของอีดีเอส
มร. บ๊อบบี้ กริสแฮม อายุ 54 ปี ตำแหน่งรองประธานอาวุโส หน่วยธุรกิจ Global Sales ซึ่งจะมีหน้าที่รับผิดชอบเหมือนเช่นเคยในอีดีเอส
มร. เจฟ เคลลี่ อายุ 52 ปี ตำแหน่งรองประธานอาวุโส ประจำภูมิภาคอเมริกา ซึ่งจะมีหน้าที่รับผิดชอบเหมือนเช่นเคยในอีดีเอส
มร. ไมค์ โคห์เลอร์ อายุ 41 ปี ตำแหน่งรองประธานอาวุโส หน่วยธุรกิจ Infrastructure Technology Outsourcing (ITO) & Business Process Outsourcing (BPO) ซึ่งจะมีหน้าที่รับผิดชอบเหมือนเช่นเคยในอีดีเอส
มร. แอนดี้ แมทส์ อายุ 47 ปี ตำแหน่งรองประธานอาวุโส หน่วยธุรกิจ Applications Services เดิมเป็นรองประธานอาวุโสประจำหน่วยธุรกิจ Outsourcing Services ของเอชพี
มส. มอรีน แมคคาฟเฟรย์ อายุ 47 ปี ตำแหน่งรองประธาน หน่วยธุรกิจ Worldwide Marketing ซึ่งจะมีหน้าที่รับผิดชอบเหมือนเช่นเคยในอีดีเอส
มร. เดนนิส สตอลคีย์ อายุ 60 ปี ตำแหน่งรองประธานอาวุโส หน่วยธุรกิจ U.S. Public Sector ซึ่งจะมีหน้าที่รับผิดชอบเหมือนเช่นเคยในอีดีเอส
มร. บิล ธอมัส อายุ 48 ปี ตำแหน่งรองประธานอาวุโส ประจำภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ซึ่งจะมีหน้าที่รับผิดชอบเหมือนเช่นเคยในอีดีเอส
นอกจากนี้ ทีมงานดังต่อไปนี้จะเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือในด้านการปฏิบัติการ ซึ่งจะขึ้นตรงกับส่วนธุรกิจทั่วโลกของเอชพี สอดคล้องกับโมเดลการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ
มร. เครก ฟลาเวอร์ อายุ 46 ปี ตำแหน่งรองประธานอาวุโส ฝ่ายไอที ขึ้นตรงกับ มร. แรนดี โมตต์ รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ หรือซีไอโอของเอชพี ก่อนหน้านี้ มร. ฟลาเวอร์เคยดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโส หน่วยธุรกิจ eBusiness, customer and sales operations ของเอชพี
มร. ทอม ฮัวเบนสตริกเกอร์ อายุ 46 ปี ตำแหน่งรองประธาน ฝ่ายการเงิน ขึ้นตรงกับ มส. แคธี เลสแจค รองประธานบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน หรือซีเอฟโอของเอชพี ก่อนหน้านี้ มร. ฮัวเบนสตริกเกอร์เคยดำรงตำแหน่งรองประธานและซีเอฟโอ ประจำภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) ของอีดีเอส
มส. เดเบอราห์ เกอร์ อายุ 36 ปี ตำแหน่งรองประธาน และประธานเจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยี ขึ้นตรงกับ มร. เชน โรบิสัน รองประธานบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยี ก่อนหน้านี้ มส. เกอร์เคยดำรงตำแหน่งรองประธานและประธานเจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยีสำหรับหน่วยธุรกิจการบริการของเอชพี
มร. ไมค์ เปาลัคซี อายุ 48 ปี ตำแหน่งรองประธาน ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ ขึ้นตรงกับ มส. มาร์เซลา เปเรซ เดอ อาลอนโซ รองประธานบริหาร ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ ของเอชพี ก่อนหน้านี้มร. เปาลัคซีเคยดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่าย Global Compensation and Benefits/HR Business Development ของอีดีเอส
มส. ซิลเวีย สไตน์ไฮเซอร์ อายุ 43 ปี ตำแหน่งรองประธาน ฝ่ายนิติกรรม ขึ้นตรงกับ มร. ไมค์ ฮอลสตัน รองประธานบริหาร ที่ปรึกษาทั่วไป และเลขานุการของเอชพี ก่อนหน้านี้ มร. สไตน์ไฮเซอร์ เคยดำรงตำแหน่งรองประธาน ฝ่ายนิติกรรม ประจำภูมิภาคอเมริกา ของเอชพี
การประชุมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์
เอชพีจะจัดการประชุมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์โดยใช้ระบบการถ่ายทอดสดทั้งเสียงและภาพผ่านทางเว็บ (webcast) ในวันที่ 15 กันยายน ที่จะถึงนี้ โดยในการประชุมนี้ มร. มาร์ค เฮิร์ด พร้อมด้วยผู้บริหารท่านอื่นๆ จะหารือร่วมกันในเรื่องโอกาสทางธุรกิจในตลาดระดับองค์กรขนาดใหญ่ของเอชพี รวมถึงกลุ่มธุรกิจอีดีเอส
การถ่ายทอดเสียงและภาพผ่านทางเว็บ (webcast) ดังกล่าวสามารถเข้ารับชมได้ที่ http://www.hp.com/investor/EnterpriseSAM2008
ข้อมูลเกี่ยวกับเอชพี
เอชพีเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่สุดของโลกที่นำเสนอผลิตภัณฑ์สำหรับการพิมพ์และคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล รวมถึงบริการทางด้านไอที ซอฟต์แวร์ และโซลูชั่นต่างๆ ซึ่งช่วยให้เกิดประสบการณ์การใช้งานเทคโนโลยีที่สะดวกและง่ายดายสำหรับผู้บริโภคและองค์กรธุรกิจระดับต่างๆ เอชพีดำเนินการเข้าซื้อกิจการของอีดีเอสโดยเสร็จสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอชพี (NYSE, Nasdaq: HPQ) สามารถเข้าชมได้ที่ http://www.hp.com/
หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ: ข่าวประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมจากเอชพี รวมทั้งลิงค์ไปหาระบบส่งข้อมูล RSS ดูได้ที่
ข่าวประชาสัมพันธ์โดย :
ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน ประเทศไทย
เพ็ญศรี เอี่ยมคล้าย และ
วีรนุช พุทธชาติเสวี
โทรศัพท์ 02-627-3501 ต่อ 105 และ 101 แฟกซ์ 02-627-3510
อีเมล์ : piem-klai@th.hilland knowlton.com, wputtachartsaewee@th.hillandknowlton.com
สอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์ และบริการของเอชพีได้ที่ :
HP Contact Center
โทร 0-2353-9000 ต่อ 1