กรุงเทพฯ--10 พ.ย.--สตาร์ ซานิทารีแวร์
บมจ.สตาร์ ซานิทารีแวร์ (STAR) ยอมรับผลการดำเนินงานไตรมาส3/2549 ไม่โดดเด่น เนื่องจากเป็นช่วงเจรจาต่อสัญญากับลูกค้าต่างชาติ และมีหลายโครงการในประเทศชะลอการก่อสร้างเพื่อรอความชัดเจนเรื่องการเมือง แต่ไม่ต้องห่วงปัจจุบันได้ต่อสัญญากับลูกค้าเรียบร้อย ส่วนสถานการณ์ในประเทศขณะนี้สามารถเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้แล้ว ทำให้โครงการต่างๆ เดินหน้าต่อไป บวกกับ STAR ได้ปรับกลยุทธ์ทำงานโดยวางแผนขยายตลาดในประเทศเพิ่ม ดังนั้นเชื่อเห็นรายได้เติบโตชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 4/2549 เป็นต้นไป
ดร.สมชัย ว่องอรุณ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.สตาร์ ซานิทารีแวร์ (STAR) เปิดเผยถึงผลประกอบการในไตรมาสที่ 3/2549 ว่ายอมรับว่าปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2548 โดยในไตรมาสที่ 3/2549 บริษัทฯมีรายได้จากการขาย 47.80 ล้านบาท ลดลง 17.67 ล้านบาท (26.99%) อัตรากำไรขั้นต้น 42.78% สูงกว่างวดก่อน 0.78% และมีกำไรสุทธิ 1.96 ล้านบาท ลดลง 4.93 ล้านบาท จากงวดเดียวกันในปีก่อน
ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนเปรียบเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้จากการขาย 149.34 ล้านบาท ลดลง 70.07 ล้านบาท(31.93%) อัตรากำไรขั้นต้น 39.27% ลดลง 6.43% มีกำไรสุทธิ 4.80 ล้านบาท ลดลง 28.35 ล้านบาท
ผลประกอบการที่ลดลง เป็นเพราะไตรมาส 3/2549บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาต่อสัญญาซื้อขายกับลูกค้าในต่างประเทศ ทำให้รายได้ที่เคยเข้ามาในช่วงเวลาดังกล่าวต้องชะลอออกไป เนื่องจากลูกค้าต้องการอดูความชัดเจนของสัญญาฉบับใหม่ก่อน ในขณะที่ตลาดในประเทศก็ประสบปัญหาภาวะตลาดสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว จากผลกระทบของปัจจัยการเมืองในประเทศ ทำให้สินค้าที่มีแผนจะต้องส่งมอบให้กับลูกค้าบางส่วนต้องเลื่อนออกไป ตามการชะลอตัวของโครงการดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสถานการณ์ต่างๆ ที่เคยเป็นปัญหาต่อธุรกิจของบริษัทได้เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว โดยการต่อสัญญากับลูกค้าในต่างประเทศเสร็จสิ้นลงเรียบร้อยแล้ว และขณะนี้ยอดสั่งซื้อจากลูกค้ากลุ่มดังกล่าวได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วเช่นเดียวกัน ส่วนตลาดในประเทศ หลังจากการเมืองมีความชัดเจน โครงการก่อสร้างต่างๆ ของภาครัฐเริ่มมีความชัดเจนขึ้น โดยโครงการก่อสร้างของทั้งภาครัฐและเอกชนที่เคยชะลอไปก่อนหน้านี้ได้เริ่มกลับมาเดินหน้าต่อ บริษัทฯ จึงเริ่มส่งมอบสินค้าได้ตามแผนอีกครั้ง
"ตอนนี้สถานการณ์ทางธุรกิจเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้งแล้ว โดยรายได้และยอดขายจะเริ่มทยอยเข้ามาตั้งแต่ไตรมาสที่ 4/2549 เป็นต้นไป และจะเห็นได้ชัดเจนในไตรมาสแรกของปี 2550 เพราะนอกจากเราจะ
ขยายสินค้าให้ลูกค้าต่างประเทศได้ตามปกติแล้ว เราได้หันมาขยายตลาดในประเทศเพิ่มด้วย เมื่อรวมกับตลาดที่มีอยู่เดิมและสินค้าที่ต้องส่งมอบตามแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้ คาดว่ายอดขายไตรมาสสุดท้ายของปีจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 อีกประมาณ 30% โดยจะมีสัดส่วนยอดขายในประเทศและต่างประเทศ 20% และ 80% ตามลำดับ และน่าจะเห็นการเติบโตชัดขึ้นในปีหน้าอย่างที่บอก"
นายสมชัยกล่าวอีกว่า ในปี 2550 บริษัทมีแผนจะเข้าขยายตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นหลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างดีจากการทำตลาดในต่างประเทศ ด้วยการหันมาเจาะลูกค้ากลุ่มระดับกลางถึงบน ที่มีกำลังซื้อสูงและต้องการสินค้าสุขภัณฑ์ที่มีดีไซน์และทันสมัย มากกว่าต้องการใช้งานตามปกติ โดยบริษัทจะนำสินค้าที่ผลิตเพื่อการส่งออก ที่มีความหลากหลายของรูปแบบผลิตภัณฑ์ คุณภาพได้มาตรฐาน ราคาเหมาะสมกับคุณภาพ สามารถรองรับกลุ่มลูกค้าทุกระดับตั้งแต่ระดับทั่วไปจนถึงระดับหรูหรา เข้ามาทำตลาดในประเทศ แต่วางตำแหน่งราคาไว้ย่อมเยาว์กว่าผู้ประกอบการรายอื่นที่อยู่ในตลาดเดียวกัน เนื่องจากบริษัทฯ สามารถชดเชยรายได้ดังกล่าวด้วยรายได้จากต่างประเทศที่บริษัทฯ สามารถกำหนดราคาขายสินค้าชนิดเดียวกันนี้ด้วยราคาที่สูงกว่าคู่แข่งถึง 10%
นอกจากนั้น บริษัทฯยังหันมาให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้เป้าหมายมากขึ้น ด้วยการปรับกลยุทธ์ เพิ่มความถี่ในการส่งเสริมการขาย ณ จุดขาย และได้ทำ Road Show ตาม Modern Trade (Home Pro) ทุกสาขาในเขต กทม. เพื่อสร้าง Brand Awareness ให้ถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายยิ่งขึ้น รวมถึงจัดงานสัมมนาและสังสรรค์กลุ่มลูกค้าตัวแทนจำหน่าย เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อีกทั้ง บริษัทฯ ได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้า “บ้านและสวน” ในไตรมาส 4 นี้ด้วย เพื่อตอกย้ำ Brand “Star” ต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีผลประกอบการของบริษัทอย่างชัดเจนในปีหน้านี้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ขนิษฐา โรจน์ทนง
081-8014290