กรุงเทพฯ--8 ก.ย.--กระทรวงพลังงาน
ก.พลังงาน ยืนยันพร้อมช่วยเหลือกลุ่มรถแท็กซี่เก่าและใหม่เปลี่ยนมาใช้ NGV ฟรี เพื่อดูแลไม่ให้ได้รับผลกระทบ เมื่อนโยบายปรับราคา LPG ภาคขนส่งมีผลบังคับใช้
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน และฐานะประธานกรรมการติดตามการดำเนินการขยายบริการและส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติในรถยนต์ (NGV) เปิดเผยว่า แนวทางการช่วยเหลือผู้ขับรถกลุ่มใหญ่อย่างแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ให้เปลี่ยนมาใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) นั้น ในหลักการจะเริ่มได้ก็ต่อเมื่อมีการปรับราคา LPG ในภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรม เพื่อดูแลไม่ให้กลุ่มแท๊กซี่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นราคา LPG ในอนาคต ซึ่งเรื่องดังกล่าวกระทรวงฯ ได้ประสานร่วมกับสมาคมแท็กซี่ที่มีสมาชิกทั้งหมด 40 องค์กร เป็นส่วนกลางในการบริหารจัดการ เพื่อเปลี่ยนรถแท๊กซี่เก่าและรถแท็กซี่ใหม่มาใช้ NGV ให้สอดคล้องกับกำลังผลิตก๊าซและสถานีบริการที่กำลังจะเกิดขึ้น
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน จะให้การสนับสนุนรถแท็กซี่เปลี่ยนมาติดตั้งอุปกรณ์ NGV แทนอุปกรณ์ LPG ฟรี เป็นเวลา 4 เดือน รวมจำนวน 20,000 คัน หรือเดือนละ 5,000 คัน แบ่งเป็น กลุ่มรถแท็กซี่เก่า เดือนละ 4,200 คัน และกลุ่มรถแท๊กซี่ใหม่เดือนละ 800 คัน
แนวทางการช่วยเหลือสำหรับรถแท็กซี่เก่า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะออกค่าปรับเปลี่ยนให้ทั้งหมด 40,000 บาทต่อคัน กระทรวงพลังงานจะให้เงินช่วยเหลือเพื่อซื้อถัง LPG เก่า เพื่อไม่ให้เกิดการนำถังเก่ากลับมาใช้ใหม่ 3,000 บาทต่อคัน ขณะที่ในส่วนรถแท๊กซี่ใหม่ ปตท. และกระทรวงพลังงาน จะสนับสนุนให้เงินแท๊กซี่ใหม่คันละ 40,000 บาท โดย ปตท.ช่วยเหลือ 28,000 บาท และกระทรวงพลังงาน ช่วยเหลือ 12,000 บาท
ปัจจุบัน พบว่ารถที่เปลี่ยนมาใช้ NGV มีผู้ให้ความสนใจจำนวนมาก สิ้นเดือนสิงหาคม 2551 มีผู้ติดตั้ง NGV แล้วจำนวน 103,777 คัน เป็นรถเบนซิน 81,890 คัน ในจำนวนนี้เป็นรถแท็กซี่ 24,202 คัน รถดีเซล 18,470 คัน และรถที่ผลิตจากโรงงาน 3,417 คัน มีปริมาณการใช้ NGV เพิ่มขึ้นเป็น 2,460 ตันต่อวัน (88 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน) ขณะที่กำลังผลิตก๊าซ NGV ที่พร้อมจ่ายเข้าระบบ วันนี้มีถึง 2,700 ตันต่อวัน
นอกจากนี้ ด้านสถานี NGV ทั่วประเทศเกิดขึ้นแล้ว 229 สถานี และสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 355 สถานี โดยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปัจจุบันมีปั๊ม NGV อยู่ 116 สถานี เมื่อเทียบกับปั๊ม LPG ที่มีอยู่ประมาณ 190 สถานี แต่ภายในสิ้นปี 2551จะมีปั๊ม NGV ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ขยายเพิ่มเป็น 200 สถานี ซึ่งจะมีมากกว่าปั๊ม LPG และทำให้เกิดความสะดวกในการเติม NGV ยิ่งขึ้น