กรุงเทพฯ--29 ก.ค.--กู๊ด เน็ตเวิร์ค
ตระกูลติยะวัชรพงศ์ เจ้าพ่อสิ่งทอไทย ขอแจ้งเกิดในธุรกิจอสังหาฯเมืองไทย ปั้น “อิมเมจ เพลส” ภายใต้การบริหารงานของ บ. อิมเมจ พร็อพเพอร์ตี้ ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท เป็นธุรกิจใหม่ให้กลุ่มครอบครัว ฉีกแนวเดิมจากผู้นำอุตสาหกรรมสิ่งทอทั้งตลาดในและต่างประเทศ ใช้ความเชี่ยวชาญการบริหารแบบมืออาชีพเข้าจัดการธุรกิจ สร้างรากฐานธุรกิจทำโครงการบ้านเด่นระดับกลาง 3.9-7 ล้าน ขนาดพื้นที่ 50 ตารางวา สเปคเทียบเท่ามาตรฐานคุณภาพบ้านหรู 10 ล้าน ปูทางเพื่อขึ้นโครงการใหม่ต่อเนื่อง มุ่งเน้นย่านพุทธมณฑลเป็นพื้นที่หลัก
นายสุรสิทธิ์ ติยะวัชรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิมเมจ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดตั้งขึ้นมาเพื่อดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับชั้นนำโดยเฉพาะ มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท โดยมีโครงการ “อิมเมจ เพลส (IMAGE PLACE)” เป็นโครงการด้านที่อยู่อาศัยโครงการแรกภายใต้การดำเนินงานของบริษัทฯ ตั้งอยู่บนทำเลติดถนนใหญ่พุทธมณฑลสาย 4 ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม บนพื้นที่ 74 ไร่ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 1,600 ล้านบาท
“โครงการฯ นี้เป็นโครงการแรกของเรา ที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจ เพื่อต้องการก้าวเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มตัว และสร้างรากฐานธุรกิจอนาคตให้เป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ของครอบครัวอีกแขนงหนึ่ง ไม่ได้ยึดอยู่เพียงแค่ธุรกิจในอุตสาหกรรมสิ่งทอและธุรกิจอื่นๆ ของครอบครัว ที่สร้างรากฐานมานานมีมาตั้งแต่ดั่งเดิมเท่านั้น พร้อมทั้งเรา มีเป้าหมายอนาคตผลักดันให้บริษัทฯ นี้เติบโตอย่างมั่นคง เป็นบริษัทฯระดับชั้นนำในวงการต่อไปด้วย” นายสุรสิทธิ์กล่าว
นายสุรสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ได้เล็งเห็นแล้วว่า ทิศทางและโอกาสการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในสภาวะตกต่ำ มีปัจจัยลบภายนอกต่างๆมากระทบ แต่ธุรกิจนี้ต่างก็ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ยังเป็นธุรกิจที่คงอยู่ต่อไปนานเท่านาน และบ้านถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่ทุกคนฝันอยากจะมีที่อยู่อาศัยที่ดีเป็นของตนเอง และด้วยความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์การบริหารงานแบบมืออาชีพในธุรกิจอุตสาหกรรมด้านสิ่งทอระดับชั้นนำของไทย ทั้งการทำตลาดในประเทศและส่งออกไปขายในหลายๆประเทศที่สะสมมานานถึง 38 ปี กอร์ปกับการศึกษาตลาดที่อยู่อาศัย ทั้งข้อดีและข้อเสียของการสร้างที่อยู่อาศัยในระดับคฤหาสน์หรู บ้านแพง ถึงตลาดบ้านระดับล่างอย่างลึกซึ้งและถ่องแท้แล้ว จะช่วยให้จัดการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ดี และมีความเชื่อมั่นถึงการสร้างฐานให้กับบริษัทฯ ครั้งนี้ จะก้าวสู่ความสำเร็จได้ในอนาคต
“ก่อนผมเข้าสู่ธุรกิจนี้ ผมศึกษาโครงการต่างๆมาหมด ว่าแต่ละโครงการมีจุดดีอย่างไร จุดเสียอย่างไร แล้วจึงรวบรวมจุดดีในหลายๆโครงการเข้ามารวมไว้ที่โครงการฯ นี้ ทั้งซุ่มหน้าโครงการขนาดใหญ่ ทางเข้า-ออกโครงการที่กว้าง Sport Center ที่แยกส่วนออกจากพื้นที่ส่วนกลางมาไว้ด้านหน้าโครงการ สระว่ายน้ำในร่ม พลาซ่า ศูนย์อาหารที่ทันสมัย และการจัดทำสิทธิพิเศษให้ กับลูกค้าในโครงการฯ ใช้ถือบัตรส่วนลด เป็นบัตรทองให้มาใช้บริการโดยไม่ต้องมาเป็นสมาชิก เพื่อแก้ปัญหาการบริหารพื้นที่ส่วนกลางที่เกิดขึ้นกับหลายๆ โครงการ ให้สเปค วัสดุก่อสร้างที่มีมาตรฐานเท่ากับบ้านหรูมีให้”
ส่วนโครงการ 2 ที่จะพัฒนาตามมาต่อเนื่องนั้น นายสุรสิทธิ์ กล่าวว่า จะมุ่งพัฒนาที่ดินในย่าน พุทธมณฑลเป็นพื้นที่หลัก ในลักษณะเป็นโครงการที่อยู่อาศัยบ้านเดี่ยว ขณะนี้กำลังทำการรวบรวม แลนด์แบงก์ รวมถึงพิจารณาลักษณะที่อยู่อาศัยในประเภทต่างๆ โดยศึกษาอย่างละเอียดทั้งคู่แข่ง กลุ่มลูกค้า ความต้องการที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงปัจจัยลบและภาวะอสังหาริมทรัพย์โดยรวม
สำหรับโครงการอิมเมจ เพลส นี้ นายสุรพล ธนโชติวรพงศ์ ผู้จัดการโครงการ กล่าวว่า ถือเป็นโครงการที่มุ่งสร้างคุณภาพและมาตรฐานบ้านที่อยู่อาศัยที่ดีในระดับเทียบเท่ากับโครงการบ้านหรู เพื่อทำชื่อเสียงที่ดีให้กับบริษัทฯ ปูทางสู่โครงการอื่นๆ ต่อไปในอนาคต
ดังนั้น จากสภาวะตลาดที่อยู่อาศัยในย่านพุทธมณฑลสาย 4 ที่ส่วนใหญ่ 80% มาจากผู้ประกอบการท้องถิ่น มีลักษณะเป็นโครงการเล็ก ขนาดไม่ใหญ่ จะมีเพียงส่วนน้อยที่มาจากผู้ประกอบการรายใหญ่และมักเป็นบ้านขนาด 100 ตารางวา ในระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ท่ามกลางสภาวะตลาดบ้านแพงมีการแข่งขันสูง และยังไม่มีโครงการที่อยู่อาศัยระดับกลางขนาดใหญ่ 200 ยูนิตขึ้นไปในย่านนี้มาก่อน จึงเป็นช่องว่างตลาดที่โครงการอิมเมจ เพลส มุ่งทำตลาดบ้านเดี่ยวคุณภาพดีมีมาตรฐานระดับกลาง แต่ได้คุณภาพบ้านในระดับสเปคบ้านหรูที่ย่อส่วนพื้นที่บ้านในขนาดแปลงที่เล็กลง เหลือแปลงละ 50-80 ตารางวา ระดับราคาตั้งแต่ 3.9 -7 ล้านบาท
ทั้งนี้ เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัยจากทาวน์เฮ้าส์ บ้านขนาดเล็ก หรืออาคารพาณิชย์ มาเป็นบ้านเดี่ยวขนาดที่ใหญ่ขึ้น เป็นครอบครัวในระดับปานกลาง คนรุ่นใหม่ที่มีรายได้รวมกันในระดับตั้งแต่ 4-5 หมื่นบาทขึ้นไป ในพื้นที่บริเวณย่านพุทธมณฑลสาย 4 เพชรเกษม ศาลายา อ้อมใหญ่ อ้อมน้อย หนองแขม และย่านพุทธมณฑลสาย 5
บริษัทฯ จึงวางจุดเด่นโครงการ เพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมาย ให้เป็น “สังคมที่สมบูรณ์พร้อม” โดยจัดสรรพื้นที่เป็นส่วนบ้านเดี่ยวจำนวน 327 แปลง ๆละ 50 ตารางวาขึ้นไป ส่วนพื้นที่ส่วนกลาง 5% พร้อมโซนที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกโดดเด่นสำหรับชีวิตทันสมัยบริเวณด้านหน้าโครงการซึ่งเหนือกว่าโครงการอื่น ได้แก่ Sport Center ที่ประกอบด้วย ฟิตเนส สปา สระว่ายน้ำมาตรฐาน สร้างเป็นศูนย์สุขภาพชั้นนำระดับมาตรฐานสากล ศูนย์การเรียนการสอน บนพื้นที่ 3 ไร่ ส่วนพื้นที่พลาซ่าใน เนื้อที่ 5 ไร่เศษ สร้างเป็นร้านค้าและร้านอาหารระดับชั้นนำมีชื่อเสียง ซึ่งในย่านนี้ยังไม่มีโครงการใดทำในลักษณะเช่นนี้
อีกทั้งบริษัทฯ ยังชูจุดขายโครงการที่ตั้งทำเลที่ดีติดถนนใหญ่ ถนนสายเศรษฐกิจหลักในย่านนี้ ที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติสีเขียวขจี เดินทางสะดวก ยังมีทางเข้า-ออกโครงการขนาดใหญ่ 6 เลน กว้าง 30 เมตร ยกระดับพื้นที่โครงการสูงกว่าถนนใหญ่พุทธมณฑลสาย 4 ติดระบบไฟฟ้าในบ้านขนาด 30 แอมป์ให้ทุกหลัง เลือกวัสดุก่อสร้างที่ได้มาตรฐานเดียวกับโครงการบ้านหรู 10 ล้านบาท
ด้านการขายของบริษัทมุ่งขายบ้าน 2 ลักษณะในสไตล์แบบบ้านยูโรเปี้ยนคลาสิก คือ ส่วนที่เป็นกลุ่มบ้านพร้อมอยู่ ขณะนี้ทำการขายพรีเซลล์ช่วง 6 เดือนที่ผ่านไปแล้ว จำนวน 100 หลัง มูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท และในช่วงเปิดตัวเป็นทางการเดือน ก.ค.-ส.ค. นี้คาดว่าจะขายได้เพิ่มอีก 40 หลัง และยังมีส่วนที่เป็นกลุ่มบ้านสั่งสร้างบริเวณเฟสด้านหน้า ซึ่งปัจจุบันเปิดให้จองในช่วงเปิดโครงการนี้ด้วย
ดังนั้นเพื่อกระตุ้นการขายในช่วงเปิดตัวเป็นทางการดังกล่าว บริษัทฯ จัดรายการส่งเสริมการขายโดยการให้ส่วนลดค่าที่ดินตารางวาละ 2,000 บาท ส่วนลดราคาบ้านหลังละ 1 แสนบาท แถมชุดครัว แอร์ ติดวอลเปเปอร์ให้ จัดสวนสวย ทุกหลัง เฉพาะ 20 หลังแรกที่ตัดสินใจจองในช่วง Grand Opening นี้ จะได้รับ Gift Voucher มูลค่า 1 แสนบาทจาก SB Furniture
ทางโครงการฯ เริ่มดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่เดือน ก.ค. 2547 การก่อสร้างคืบหน้าไปประมาณ 40% คาดว่าจะแล้วเสร็จ ก.ค. 2550 มีธนาคารกรุงเทพฯ เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินให้กับโครงการฯ
นายสุรพล ธนโชติวรพงศ์ ผู้จัดการโครงการกล่าวอีกว่า ปัจจัยลบต่างๆ ทั้งเรื่อง ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ตกต่ำลง ภาระต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมัน และปัญหาการเกิดโอเว่อร์ซัพพลายที่อยู่อาศัย มักจะเกิดขึ้นและกระทบกับโครงการที่ตั้งในทำเลที่ไม่ดี อยู่ไกล หรืออยู่ในซอยลึก เป็นส่วนใหญ่ และเกิดกับในหลายๆย่านของพื้นที่กรุงเทพฯ หรือพื้นที่ไกลรอบกรุงเทพฯ เมื่อเทียบกับที่อยู่อาศัยกลุ่มที่อยู่ติดเมือง ติดถนนใหญ่ มักจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า สำหรับโครงการฯ ยังมียอดขายต่อเนื่อง เพราะจุดเด่นของโครงการ และยังมีบ้านพร้อมอยู่อีก 40 หลังในราคาต้นทุนเดิมสำหรับเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าเป้าหมาย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อได้ที่
คุณภาวินี ชนะพลชัย และคุณวรางคณา รัตนพันธ์
โทร 0-2946-8470-2
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--