กรุงเทพฯ--8 ก.ย.--สหมงคลฟิล์ม
ถือเป็นฉากใหญ่ฉากหนึ่งของอภิมหากาพย์ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ “ปืนใหญ่จอมสลัด” ที่ทุ่มทุนสร้าง “ท้องพระโรงวังลังกาสุกะ” อย่างอลังการ เพื่อใช้ในฉากพิธีหมั้นเพื่อชาติระหว่าง “เจ้าหญิงอูงู” (แอนนา รีส) องค์หญิงองค์สุดท้องของลังกาสุกะ และ “เจ้าชายปาหัง” (เจษฎาภรณ์ ผลดี) พันธมิตรแห่งเมืองปาหัง
ฉากสำคัญของเรื่องฉากนี้จะแสดงให้เห็นวัฒนธรรม, การปกครอง, ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐในอดีตผ่านราชพิธีหมั้นครั้งใหญ่นี้เพื่อการเชื่อมสัมพันธภาพอันดีระหว่างรัฐลังกาสุกะและรัฐปาหัง เราจะได้เห็นความพิถีพิถันและความยิ่งใหญ่ในการสร้างท้องพระโรงของลังกาสุกะ เครื่องแต่งกายอลังการของเจ้าหญิง 3 พระองค์ (ฮีเจา, บิรู, อูงู), เจ้าชายปาหัง, ทหารวัง รวมถึงคณะทูตานุทูตที่มาร่วมพิธีอันทรงเกียรตินี้
โดยฉากไฮไลต์นี้ “เอก เอี่ยมชื่น” ผู้ออกแบบงานสร้างคนสำคัญของเรื่องได้จัดทีมงานกว่า 100 คน เพื่อเซ็ตฉากนี้ขึ้นที่สตูดิโอสหมงคลฟิล์ม ย่านรามคำแหง 164 โดยใช้เวลาสร้างอย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียดนานถึง 6 เดือน และใช้เวลาในการถ่ายทำเซ็ตนี้ (ในทุก ๆ ฉากของเรื่อง) อยู่ 1 เดือนเต็ม ๆ
เอก เอี่ยมชื่น เปิดเผยถึงเบื้องหลังงานสร้างฉากใหญ่ฉากนี้ว่า...
“ฉากวังลังกาสุกะนี่เป็นเรื่องใหญ่และยากมากฉากหนึ่งของเรื่องเลยครับ เพราะกว่าจะสร้างฉากนี้ได้ทางผมต้องแบ่งทีมงานออกไปรีเสิร์ชข้อมูลเพื่อที่จะให้เห็นภาพรวมเดียวกัน หลังจากนั้นเราก็จะต้องทำแปลนพระราชวังทั้งหมดนะครับ เราต้องเขียนแบบทุกชิ้นก่อน ซึ่งวิธีออกแบบวัง เราก็เลือกจากจุดเด่นของแต่ละวัง แต่ละสถานที่ที่เราไปรีเสิร์ชมาผสมผสานกัน เราก็จะได้อะไรที่แปลกใหม่และมีความเป็นแฟนตาซีด้วย จากนั้นก็ทำเป็นโมเดลทั้งเมืองออกมาก่อนเพราะจะทำให้เราเห็นภาพรวมทั้งหมด และคำนวณได้ว่าดีไซน์ที่คิดไว้มันเป็นไปได้จริงหรือไม่ เสาจะรับน้ำหนักหลังคาอะไรได้จริงหรือเปล่า ตรงโมเดลก็ทำลายสลักอะไรออกมาให้เหมือนจริงทั้งหมด
แม้เรื่องที่มันเกิดขึ้นจะเกิดแค่ในท้องพระโรงก็ตาม แต่ว่าในภาพรวมความเป็นอาณาจักรเนี่ยมันจะต้องเขียนเพิ่มด้วยซีจี เราก็จะต้องทำงานดีไซน์พระราชวังนี้ขึ้นมาทั้งพระราชวัง ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ใช้จริง ๆ แต่เราจะต้องทำเพื่อให้ฝ่ายซีจีกับเรามองเห็นเป็นภาพเดียวกันทั้งหมด เราก็จะทำพระราชวังทั้งพระราชวัง รวมทั้งโมเดลทั้งเมืองภายนอกทั้งหมด แล้วก็มาทำฉากภายในเฉพาะที่เราจะใช้ในฉากงานหมั้นนี้นะครับ ก็ใช้ทีมงาน 100 กว่าคนสร้างฉายภายในของวังนี้ทั้งหมด โดยใช้เวลาทั้งสิ้นครึ่งปีได้ครับ ก็ยากกว่าทุกเรื่องที่เคยทำมาก็ว่าได้เลยครับ
แต่อย่างหนึ่งคือเราไม่ทำหนัง Realistic แบบจริง ๆ เราทำหนังแฟนตาซีอิงประวัติศาสตร์ เพราะฉะนั้นเนี่ยทำให้เราไม่รู้สึกติดขัดมากในการที่เราจะอิงกับความจริงว่ามันมีจริง ๆ ณ ขณะนั้นหรือไม่นะครับ มันสามารถบวกเปอร์เซ็นต์ไปได้อีก 10-20 เปอร์เซ็นต์ในด้านความสวยงาม เช่น แปลนพระราชวัง ช่องลมภายใน มันหวือหวากว่าของจริงเยอะ เราทำดีไซน์ที่มันหวือหวามากขึ้นได้ แต่ว่าเราไม่ได้บวกจนเกินกว่าความเป็นจริงที่จะเป็นไปได้ ดังนั้นการที่เราสามารถจินตนาการได้ มันก็ทำให้ง่ายขึ้นในแง่การดีไซน์นะครับ”
ในขณะที่ผู้กำกับ “นนทรีย์ นิมิบุตร” พูดถึงฉากสำคัญฉากหนึ่งของเรื่องนี้ว่า...
“มันเป็นเรื่องของการคาดเดาทุกอย่าง คือเราไม่เคยเห็นพิธีการหมั้นการแต่งงานกันมาก่อน ฉะนั้นเราต้องใช้ข้อมูลรีเสิร์ชทั้งหมดที่มันเป็นไปได้ พยายามประกอบร่างให้เกิดเป็นฉากงานหมั้นครั้งใหญ่นี้ขึ้นนะครับ แต่ถ้าเรามองข้ามความยิ่งใหญ่ของฉากนี้ไปทั้งหมด จริง ๆ แล้วฉากนี้จะเป็นฉากดราม่าของเจ้าหญิงอูงูเลยนะครับ เพราะว่าการที่จะต้องหมั้นจนถึงแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้รัก จำเป็นจะต้องแต่งงานเพื่อบ้านเมือง เพื่อแผ่นดิน ฉะนั้นก็จะเป็นความอึดอัดใจ ความลำบากใจของเจ้าหญิงอูงูมากจริง ๆ แต่ว่าในที่สุดตัวเจ้าหญิงเองก็เข้าใจว่าต้องเสียสละเพื่อแผ่นดิน คือเจ้าหญิงทุกคนในเรื่องจะต้องเสียสละเพื่อแผ่นดิน แผ่นดินต้องมาก่อน ทุกอย่างแผ่นดินต้องเป็นใหญ่ ฉากนี้ก็เป็นการแสดงความเสียสละอันยิ่งใหญ่เท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำได้เพื่อแผ่นดินของตนนะครับ”
พระเอกของฉากนี้อย่าง “ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี” ที่รับบท “เจ้าชายปาหัง” เผยความรู้สึกน่าทึ่งของฉากนี้ไว้ว่า...
“โอ้โห ฉากในท้องพระโรงวังลังกาสุกะเหรอครับ ทุกอย่างถูกสร้างอย่างพิถีพิถันสมจริงทุกอย่างเลยครับ แค่ผมเดินเข้าไปในฉากที่เซ็ตเป็นท้องพระโรงของวังเนี่ย ก็รู้สึกว่า โอ้โห ทุกอย่างดูเหมือนจริงหมด ทำให้เรารู้สึกว่าเราอยู่ในเหตุการณ์ย้อนอดีตไปในยุคนั้นจริง ๆ เลยนะครับ ทุกรายละเอียดของฉากนี้ พี่เอก เอี่ยมชื่นเขาสร้างออกมาได้อย่างน่าทึ่งมาก ๆ แม้กระทั่งส่วนที่อยู่นอกเฟรม พี่เขาก็ไม่ได้ละเลยในการสร้างนะครับ คือสร้างทุกอย่างตั้งแต่ชิ้นส่วนเล็ก ๆ ไปจนถึงส่วนใหญ่ได้อย่างสุดยอดมาก ๆ ครับ รวมถึงเครื่องแต่งกายทุกอย่างให้อารมณ์ที่สมจริงมาก ๆ เมื่อก้าวเข้าไปอยู่ในฉากนี้ก็ให้เราเกร็งอยู่บ้างนะครับ แต่ด้วยความพร้อมของทีมงานทุก ๆ ส่วน ก็ทำให้การถ่ายทำง่ายขึ้นและผ่านไปด้วยดีครับ”
ด้านนางเอกน้องใหม่ “แอนนา รีส” กล่าวถึงความยากในฉากนี้ไว้ว่า
“ฉากงานหมั้นนี้ยิ่งใหญ่มาก ๆ เลยค่ะ ประทับใจมาก ๆ ด้วยค่ะ ทั้งฉากท้องพระโรงที่ทีมงานสร้างขึ้นอย่างสมจริง เสื้อผ้า เครื่องประดับ เมคอัพอะไรต่าง ๆ คือทุกอย่างดูอลังการไปหมดเลยค่ะ รวมถึงทีมนักแสดงที่มากันแบบครบเซ็ตใหญ่เลยนะคะ แล้วยังมีพวกนักแสดงสมทบอื่น ๆ อีก รวมทีมงานแล้วก็เกือบร้อยคนได้นะคะ ฉากนี้ก็ยากเหมือนกันค่ะ เพราะเป็นฉากที่เจ้าหญิงอูงูต้องเข้าพิธีหมั้นกับเจ้าชายปาหังที่ตัวเองไม่รู้จักและไม่ได้รักด้วย แต่ก็ต้องยอมเสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง ก็ถือเป็นฉากดราม่าที่แม้เราไม่เต็มใจแต่ก็ต้องเก็บกดไว้ แล้วก็แอบร้องไห้ออกมา แต่โชคดีที่แอนนาเป็นคนร้องไห้ง่ายนะคะ แค่อ่านบท แอนนาก็ร้องไห้ได้แล้วค่ะ ขี้แงมั้งคะ ฉากร้องไห้นี้ถ่ายจริง ๆ ก็แค่ประมาณ 2-3 เทคเองค่ะ ก็ใช้เวลาไม่นาน แต่ถ้ารวมทั้งฉากก็ใช้เวลานานอยู่หลายวันค่ะ ก็อยากให้ติดตามชมกันนะคะ เพราะเรื่องนี้ยิ่งใหญ่ทุกฉากแน่นอนค่ะ”
“ปืนใหญ่จอมสลัด” พร้อมประกาศศักดาแห่งความอลังการภาพยนตร์ไทย 23 ตุลาคมนี้ พร้อมกันทั่วประเทศ