กรุงเทพฯ--9 ก.ย.--ซีเอ็นเอ็น
สื่อของจีนมักจะขนานนามเจย์ โชว์ว่า “เทพน้อยแห่งวงการ” แต่ป็อปไอดอลชาวไต้หวันคนนี้ติดดินกว่าฉายาที่เขาได้รับมากนัก “ผมคิดว่าผมเชื่อตัวเอง ไม่รู้สิ...อาจจะเป็นเพราะว่าผมเกิดมาเพื่อเชื่อตัวเองมากกว่าคนอื่น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมชอบทำงานให้เสร็จด้วยตัวเอง” เจย์ โชว์กล่าวกับซีเอ็นเอ็น ด้วยความเชื่อในตัวเอง ทำให้นักร้อง-นักแต่งเพลงวัย 29 คนนี้ ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในป็อป สตาร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย และสร้างภาพลักษณ์ตัวเองให้ออกแนวต่อต้านฮีโร่ ไม่อวดเก่งหรือหุนหันพลันแล่นจนเกินไป เพลงของเขามีส่วนผสมของบทกวีกับจังหวะอาร์แอนด์บีเก๋ๆ ในขณะที่เขามักจะใช้เพลงมาร์ชในการแต่งเพลงภาพยนตร์เอเชีย เขาเขียนบทภาพยนตร์ของตัวเอง กำกับและร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องดังๆ หลายเรื่อง ดนตรีเป็นรักแรกของเขา ซึ่งเขาประสบความสำเร็จภายใต้ความขี้อายและปราศจากความรวยหรืออิทธิพลของพ่อแม่ เจย์ออกอัลบั้มแรกในปี 2000 และแปดปีกับอีกเจ็ดอัลบั้มผ่านไป ตัวเขายังเชื่อว่ามี “ของ” มากมายสำหรับแต่งเพลง ที่ไม่ใช่เพลงป็อปใสๆ แบบเด็กผู้ชายพบรักกับเด็กผู้หญิง ที่ผ่านมา เนื้อเพลงของเขาจะถูกมองว่าคิดเยอะและมืดหม่น เช่น เพลงเกี่ยวกับพ่อที่ดุร้าย และเพลงของเขามักจะนำดนตรีหลายๆ แนวมาผสมกัน “ผมคิดว่าเพลงของผมแตกต่างจากเพลงแร็ปที่มาจากอเมริกา เพลงของผมไม่มีคำหยาบ ผมมีความรับผิดชอบพอที่จะใส่เรื่องราวที่ยกระดับจิตใจในเพลงของผม นั่นถึงว่าทำไมผมไม่เคยเขียนเพลงเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายหรือเรื่องแย่อื่นๆ เพราะผมคิดว่าเราทุกคนต้องการความกล้าหาญเพื่อจัดการกับชีวิตของเรา” เขากล่าว เจย์ โชว์โตมากับแม่ที่เป็นครูในไต้หวัน พ่อแม่ของเขาหย่ากันเมื่อเขายังเด็ก เจย์เริ่มเล่นเปียโนเมื่ออายุ 3 ขวบและซ้อมเป็นประจำทุกวัน แต่ในด้านการเรียน เขากลับอยู่ในระดับปานกลาง เขาจึงพัฒนาวิธีแสดงออกถึงตัวเขาโดยการโฟกัสไปที่เปียโน และพัฒนาเป็นความเชื่อในตัวเองอย่างรวดเร็ว “ผมคิดว่าผมจะมีความเชื่อมั่นเมื่ออยู่บนเวทีหรือเมื่อผมยืนอยู่ต่อหน้าจอ ผมเป็นเหมือนกับคน 2 คนเวลาอยู่บนเวทีและนอกเวที” เจย์กล่าว อาชีพของเจย์แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเขาได้รับการจับจ้องจากแจ็กกี้ วู เมื่อเขาประกวดเปียโนในรายการโทรทัศน์ วูชักชวนเขาเข้ามาในวงการโดยเป็นคนเขียนเพลงให้กับนักร้องอื่นๆ “ผมไม่ได้วางเป้าหมายว่าจะเป็นไอคอน อัลบั้มแรกของผมมีแต่เพลงที่ผมแต่งให้กับคนอื่น ซึ่งเป็นเพลงที่เขาไม่ชอบ ผมก็เลยเอามาใส่ในอัลบั้มของผม ผมมีเป้าหมายว่าจะเป็นนักร้อง-นักแต่งเพลงไม่ใช่ไอดอล” ถึงแม้ว่าจะเริ่มต้นอย่างช้าๆ แต่เขาก็กลายเป็นไอดอลในหลายๆ ประเทศในเอเชีย และได้ปรากฎกายต่อหน้าแฟนๆ นับแสนคนในเอเชียและบนจอภาพยนตร์ “ผมคิดว่าธุรกิจบันเทิงในใต้หวันหรือในประเทศที่พูดภาษาจีนนั้นแตกต่างจากในอเมริกามาก ถ้าคุณทำตัวโลว์โพรไฟล์และทำตัวเงียบๆ ไม่พูดอะไร พวกปาปารัสซี่ก็จะยิ่งตามคุณ และผมก็ดันอยู่ในประเภทนี้ซะด้วยสิ” เจย์กล่าวทิ้งท้าย ติดตามชมรายการทอล์ค เอเชีย ใน วันพุธที่ 10 กันยายน เวลา 20.00 น. วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน เวลา 10.00 น. วันเสาร์ที่ 13 กันยายน เวลา 21.30 น. วันจันทร์ที่ 8 กันยายน เวลา 9.00 น. ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเข้าเว็บไซต์ www.cnn.com/talkasia