สหมงคลฟิล์ม ภูมิใจเสนอภาพยนตร์เรื่อง Ashura

ข่าวทั่วไป Friday January 20, 2006 14:06 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ม.ค.--สหมงคลฟิล์ม
ประเภท แอ๊คชั่น, แฟนตาซี
นำแสดง โซเมะโกโร่ อิจิกาว่า (Otakus in Love), ริเอะ มิยาซาว่า
(Twilight Samurai)
กำกับการแสดง โยจิโร่ ทากิตะ (When the Last Sword is Drawn,
The Yin Yang Master)
กำหนดฉาย 2 Feb 2006
จัดจำหน่าย มงคลภาพยนตร์
Official Site http://www.ashurajo.com
เรื่องย่อ
ในศตวรรษที่ 19 ญี่ปุ่นสมัยเอโดะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย บรรดาปีศาจเร้นกายอยู่ในเงามืด พวกมันจำแลงกายเป็นมนุษย์เพราะไม่ต้องการให้ใครเห็นโฉมหน้าที่แท้จริง แต่กระนั้นพวกมันก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของนักล่าปีศาจระดับหัวกะทิของรัฐบาลไปได้ มือสังหารเหล่านี้ขึ้นชื่อเรื่องความโอหังและความกระหายเลือดไม่แพ้เหล่าปีศาจ ทว่าวันหนึ่ง บิซาน ผู้นำปีศาจแสนสวยก็ปรากฎกายต่อหน้า คุนินาริ หัวหน้ากลุ่มล่าปีศาจ และมือขวาชื่อ จากุ พร้อมประกาศว่า อาชูระ ราชินีแห่งปีศาจกำลังจะฟื้นคืนชีพและจะกำจัดมนุษย์ทุกคนบนโลก อิซูโม่ (โซเมะโกโร่ อิจิกาว่า) คือนักแสดงละครคาบุกิอดีตนักล่าปีศาจ เขาได้พบสาวสวยลึกลับนาม ทสึบากิ (ริเอะ มิยาซาว่า) ทั้งคู่ตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเห็น ความรักครั้งนี้นำมาซึ่งรอยประหลาดบนหัวไหล่ของทสึบากิ รอยที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความทรยศต่อบางอย่างที่เธอไม่รู้ว่าคืออะไร แต่มันคงไม่ใช่ลางดีแน่ ขณะเดียวกัน ความกระหายอำนาจทำให้จากุฆ่าคุนินาริ และหันไปภักดีกับเหล่าปีศาจ ภารกิจสำคัญที่ บิซาน มอบหมายให้ จากุ ทำก็คือ การออกตามหาคู่รักที่จะปลุกอาชูระให้คืนชีพขึ้นมาล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์
เกร็ดภาพยนตร์
- ดัดแปลงจากละครเวทีปี 2000 เรื่อง ”Blood Gets in Your Eyes” ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากจากการผสมผสานละครคาบุกิกับศิลปะร่วมสมัย การนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์จึงน่าจับตา เพราะผู้กำกับได้คงไว้ซึ่งความงดงามของละครคาบุกิและใส่ความตระการตาเข้าไปด้วยเทคนิคพิเศษที่ทันสมัย
- ผู้กำกับ โยจิโร่ ทากิตะ เคยกำกับหนังแฟนตาซีสุดฮิตมาแล้วใน Onmyoji (2001) และคว้ารางวัลตุ๊กตาทองญี่ปุ่นสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาได้จากผลงานมหากาพย์เรื่อง When the Last Sword is Drawn (2004)
- Ashura ได้รับการคัดเลือกให้เข้าฉายในเทศกาล Fantasia International Genre Film ครั้งที่ 8 ที่จัดขึ้น ณ เมืองมอนทรีอัล ประเทศแคนาดา ระหว่างวันที่ 7-25 กรกฎาคม 2005
- เพลงประกอบโดยโยโกะ คันโน จาก Kamikeze Girls และ กำกับศิลป์โดย ยูจิ ฮายาชิดะ จาก Casshern
Ashura
(ชื่อเต็ม : Ashurajo no Hitomi)
กำกับโดย โยจิโร่ ทากิตะ (จาก “When The Last Sword is Drawn”)
นำแสดงโดย โซเมะโกโร่ อิจิกาว่า (นักแสดงละครคาบุกิ)
และ ริเอะ มิยาซาว่า (จาก “The Twilight Samurai)
บทนำ
...ปีศาจไม่เคยตกหลุมรัก...
บทละครเรื่อง Blood Gets in Your Eyes เป็นที่ชื่นชมมากในแง่การดำเนินเรื่องเร็วและมีเนื้อหาสนุกสนานชวนติดตาม ฤดูร้อนปี 2000 คณะละคร โชจิกุ และ ชินคันเซน ได้ปลุกบทละครเรื่องนี้ให้มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งด้วยการสร้างเป็นละครคาบุกิ ผลปรากฎว่าละครเรื่องนี้ได้รับคำสรรเสริญจากแฟนๆคาบุกิมากมายจนมีการสร้างใหม่อีกครั้งในปี 2003 หลังได้รับการยกย่องให้เป็นผลงานชิ้นโบแดงแห่งโลกละครมาได้ระยะหนึ่ง Blood Gets in Your Eyes ก็เขยิบตำแหน่งขึ้นเป็นภาพยนตร์ในเดือนเมษายนปี 2005 ภายใต้ชื่อใหม่ “Ashura”
เหตุการณ์เกิดขึ้นในญี่ปุ่นสมัยเอโดะ ช่วงสองทศวรรษแรกของศตวรรษที่ 19 ฉากหลังของเรื่องคือโตเกียวในปัจจุบัน ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดและมีการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมมากที่สุดในโลก ขณะที่ชาวเอโดะมัวแต่ง่วนอยู่กับชีวิตของตนเอง ในมุมมืด เหล่าปีศาจกำลังรอคอยวันฟื้นคืนชีพของ อาชูระ ราชินีแห่งมวลปีศาจอย่างใจจดจ่อ เพื่อที่พวกมันจะได้กำจัดมนุษย์ให้สิ้นซาก ว่ากันว่าวันใดก็ตามที่อาชูระกลับมา เหล่าปีศาจจะครองโลก ทางรัฐบาลจึงตั้ง “หน่วยปราบปรามปีศาจ” ขึ้นมาเพื่อขัดขวางแผนการของพวกมัน ขณะที่ความมืดเปิดศึกกับเมืองมนุษย์ การพบกันของชายหญิงคู่หนึ่งก็นำมาซึ่งลางร้ายแห่งมนุษยชาติ “เขา” คือ อิซุโม่ วากุราบะ อดีตผู้นำหน่วยปราบปราบปรามปีศาจที่ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงละครคาบุกิ ส่วน “เธอ” คือ ทสึบากิ หญิงสาวผู้มีชะตาสยอง นั่นคือ เมื่อใดก็ตามที่ตกหลุมรัก เธอจะกลายร่างเป็น อาชูระ ทันที ในอีกมุมหนึ่ง บิซาน ปีศาจสาวแสนสวย ร่วมมือกับ จากุ เอเบะ ข้าราชการฉ้อฉลแห่งหน่วยปราบปรามปีศาจ ตามหาคู่รักต้องสาปเพื่อปลุกอาชูระให้ฟื้นคืนชีพ และแล้วปราสาทแห่งอาชูระก็ปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้าเอโดะ เป็นสัญลักษณ์การเริ่มต้นศักราชใหม่ - - ศักราชแห่งปีศาจ...
บทละครของคาซึกิ นากาจิม่า ถูกเขียนขึ้นใหม่เพื่อนำขึ้นจอเงิน และเรื่องราวเหลือเชื่อของโลกต่างมิติก็เป็นไปได้ด้วยฝีมือการกำกับของ โยจิโร่ ทากิตะ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จถล่มทลายบนตารางบ็อกซ์ออฟฟิศของ Yin-Yang Master และผลงานการกำกับเรื่อง When the Last Sword is Drawn ของเขาก็คว้ารางวัลตุ๊กตาทองญี่ปุ่นสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาแล้ว ทีมงานของทากิตะก็ไม่ใช่ธรรมดา เพราะเขารวบรวมยอดฝีมือญี่ปุ่นไว้หลายคน ไม่ว่าจะเป็น ยูจิ ฮายาชิดะ ผู้กำกับศิลป์จาก Casshern และ โยโกะ คันโน นักแต่งเพลงจาก Kamikaze Girl และ Cowboy Be-bop
โซเมโกโร่ อิจิกาว่า กลับมารับบท อิซุโม่ อีกครั้ง หลังจากเคยแสดงบทนี้ในละครเวทีมาแล้ว อิจิกาว่า คือนักแสดงละครคาบุกิที่มีผลงานหลากหลายแนว และ Ashura คือผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา ส่วนบท ทสึบากิ หญิงสาวผู้ถูกสาปให้กลายร่างเป็นจอมปีศาจเมื่อมีความรักนั้น ตกเป็นของ ริเอะ มิยาซาว่า ผู้เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้วจากบทบาทใน The Twilight Samurai ภาพยนตร์เรื่องเดียวกันนี้ทำให้เธอได้รับรางวัลอันทรงเกียรติอื่นๆอีกหลายรางวัล ทั้งยังส่งให้เธอกลายเป็นนักแสดงหญิงแถวหน้าของญี่ปุ่นอีกด้วย นักแสดงสมทบคนอื่นๆก็ถือเป็นยอดฝีมือเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น อัตสุโร่ วาตานาเบะ จาก Swallowtail Butterfly ในบท จากุ นักล่าปีศาจขายวิญญาณ, คานาโกะ ฮิกุจิ จาก Casshern, ทาเคชิ นาอิโตะ จาก Maboroshi, Wonderful Life และ ฟูมิโยะ โคฮินาตะ จาก Casshern
เพลงประกอบภาพยนตร์เป็นผลงานของศิลปินชั้นนำของโลก นั่นก็คือ Sting พวกเขาได้ผูกปมเรื่องรักหวานปนเศร้านี้ด้วยเพลง My Funny Valentine เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด
เรื่องราว
“เมื่อใดที่อาชูระฟื้นคืนชีพ ปราสาทของเธอจะปรากฏบนท้องฟ้า และเหล่าปีศาจจะครองโลก”
เรื่องราวเกิดขึ้นช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ในเมืองสำคัญอันสับสนวุ่นวายอย่าง เอโดะ ทว่าในเมืองแห่งรัก, ราคะ และเงินนี้ สิ่งมีชีวิตอีกเผ่าพันธุ์หนึ่งได้ยืมร่างมนุษย์เพื่อดำรงชีวิต ปีศาจที่ชาวเอโดะกลัวเหล่านี้ กินมนุษย์เป็นอาหาร และกำลังวางแผนทำลายล้างโลก รัฐบาลจึงจัดตั้ง “หน่วยปราบปรามปีศาจ” อันทรงเกียรติขึ้นเพื่อต่อกรกับเหล่าปีศาจ โดยมีสมาชิกเป็นนักดาบฝีมือดีที่สามารถแยกแยะปีศาจออกจากมนุษย์ปกติได้ ภายใต้การนำของ โนบุยูกิ คุนินาริ (ทาคาชิ นาอิโตะ) และมือขวา จากุ เอเบะ (อัตสุโร่ วาตานาเบะ) ภารกิจของกองกำลังพิเศษนี้ คือ ล่าและกำจัดปีศาจทุกตัวที่พบเห็น คืนหนึ่ง บิซาน (คานาโกะ ฮิกุจิ) ปีศาจแสนสวย ได้ปรากฏตัวต่อหน้าคุนินาริและทหารของเขา พร้อมประกาศว่า อาชูระ ราชินีแห่งมวลปีศาจ กำลังจะฟื้นคืนชีพ และโลกนี้จะตกอยู่ภายใต้อำนาจของปีศาจ
อิซุโม่ วากุราบะ (โซเมโกโร่ อิจิกาว่า) คือนักแสดงชื่อดังที่ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานและมีสีสันแบบเอโดะ ชีวิตของเขาช่างห่างไกลจากเงาปีศาจ จริงอยู่ที่ครั้งหนึ่ง เขาเองก็เคยเป็นสมาชิกหน่วยปราบปรามปีศาจ ฉายา “อิซุโม่นักล่าปีศาจ” แต่เหตุการณ์บางอย่างเมื่อ 5 ปีก่อน ทำให้อิซุโม่ตัดสินใจหันหลังให้กองกำลังพิเศษ และเข้าร่วมคณะละครของ ทสึรุยะ นันบุโกะ ที่4 (ฟูมิโยะ โคฮินาตะ) ขณะเดียวกัน เอโดะก็มีข่าวลือเรื่องกลุ่มโจรใจงาม “คามีเลียราตรี” ที่ทิ้งสัญลักษณ์เป็นดอก ทสึบากิ ไว้ในสถานที่เกิดเหตุ โจรกลุ่มนี้ปรากฏตัวในคราบคณะนักแสดงกายกรรมเร่ร่อน หนึ่งในนั้นมี สาวสวยนาม ทสึบากิ (ริเอะ มิยาซาว่า) รวมอยู่ด้วย เพื่อนร่วมงานพบเธอหมดสติอยู่ริมแม่น้ำเมื่อหลายปีก่อน เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองความจำเสื่อม จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้น วันหนึ่งอิซุโม่และทสึบากิได้พบกัน อำนาจลึกลับบางอย่างทำให้อิซุโม่มองตาทสึบากิเหมือนตกอยู่ในภวังค์ และตกหลุมรักเธอทันที
ทสึบากิเองก็มีใจให้อิซุโม่ ทว่าวินาทีที่เธอพบเขาครั้งแรก เครื่องหมายรูปดอกไม้ก็ปรากฎขึ้นบนหัวไหล่ ยิ่งรู้สึกต้องใจอิซุโม่มากเท่าใด รอยนั้นก็ยิ่งทำเธอเจ็บปวดมากเท่านั้น เครื่องหมายประหลาดที่มองดูเหมือนดอกไม้หรือไม่ก็เปลวเพลิงนี้ เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากสัญลักษณ์แห่ง อาชูระ - -มารดาแห่งปีศาจทั้งปวง
ในเวลาเดียวกัน จากุ ผู้หลงมัวเมาในอำนาจ ได้สังหารคุนินาริ หัวหน้าของตนเองและหันไปภักดีกับบิซาน ฝ่ายปีศาจสาว เมื่อเห็นเครื่องหมายบนหัวไหล่ของทสึบากิก็ส่งจากุไปตามเธอทันที จากุได้พบกับอิซุโม่ อดีตพี่น้องร่วมกองทัพ ทั้งสองชักดาบออกมาต่อสู้กันเพื่อชิงตัวทสึบากิ สุดท้าย อิซุโม่ก็ติดกับจากุและได้รับบาดเจ็บสาหัส ทสึบากิต้องขู่ว่าจะฆ่าตัวตายเพื่อช่วยชีวิตเขา หลังจากตามล่าตัวอิซุโม่และทสึบากิอยู่นาน บิซานก็ปล่อยทั้งคู่ไปด้วยเหตุผลบางอย่าง ทสึบากิสารภาพรักกับอิซุโม่ ทำให้ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อความปรารถนากันและกันถึงขีดสุด เหตุการณ์เมื่อ 5 ปีก่อนของทั้งคู่ก็ตามมาหลอกหลอน ความทรงจำที่ทสึบากิพยายามจะรื้อฟื้น แต่อิซุโม่พยายามจะลืมนั้น แท้จริงแล้วก็คือความทรงจำเดียวกัน
และแล้ว ทสึบากิก็เริ่มกลายร่าง...
“เมื่อใดที่หญิงสาวตกหลุมรัก เธอจะกลายร่างเป็นปีศาจ นั่นก็คือ อาชูระ และยิ่งความรักของชายหนุ่มมีมากเท่าไหร่ อาชูระก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น” บิซานประกาศ นั่นคือชะตาน่าสะพรึงของทสึบากิที่เธอต้องกลายเป็น อาชูระ เมื่อใดก็ตามที่ตกหลุมรัก บิซานหัวเราะดังก้อง เปลวเพลิงประหลาดปกคลุมเมืองเอโดะ และปราสาทอาชูระก็ปรากฎกลับหัวกลับหางเหนือท้องฟ้า “วันใดก็ตามที่ปราสาทอาชูระปรากฎขึ้น โลกนี้จะตกอยู่ภายใต้การปกครองของปีศาจ มนุษย์และปีศาจ ทั้งหมดต้องลงนรก ชะตากรรมที่ต่างกัน พันผูกปนเปด้วยรักและตัณหา ศักราชแห่งอาชูระเริ่มต้นแล้ว...
ผู้กำกับ — โยจิโร่ ทากิตะ
โยจิโร่ ทากิตะเกิดเมื่อปี 1955 ที่โทยาม่า และเข้าทำงานที่ Shishi Production ของฮิโรชิ มุกาอิ ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้กำกับในปี 1974 ผลงานการกำกับเรื่องแรกของเขาคือ Chikan Onna Kyoshi (1981) ส่วน Komikku Zasshi Nanka Iranai! (1985) ภาพยนตร์เชิงพานิชย์เรื่องแรกของเขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีที่ New York Film Festival ภาพยนตร์เรื่องต่อๆมาของากิตะล้วนหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น The Yen Family (1988), Byouin e Iko (1990), We Are Not Alone (1993), The Exam (1999) และ Secret (1999) ปี 2001 ผลงานแฟนตาซีสเปเชี่ยลเอฟเฟ็กต์ล้นจอเรื่อง Onmyoji (The Yin Yang Master) ของเขากวาดรายได้ถล่มลายในญี่ปุ่น สร้างกระแสเรื่องราวเหนือธรรมชาติในทุกสื่อ จนในที่สุดก็มีการสร้างภาคต่อ Onmyoji 2 ขึ้นในปี 2003 ภาพยนตร์ชีวิตอิงประวัติศาสตร์เรื่องถัดมาของเขาซึ่งก็คือ When the Last Sword is Drawn (2003) นั้นได้รับคำชมในวงกว้างและได้รับรางวัล Japan Academy Awards สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย
สารจากผู้กำกับ
“ครั้งแรกที่ได้ดูละครเรื่อง Blood Gets In Your Eyes ผมรู้สึกชอบมาก และคิดว่าอยากสร้างใหม่เป็นภาพยนตร์ โดยให้ โซเมโกโร่ อิจิกาว่า เป็นพระเอกเช่นเดิม เรื่องราวของหญิงสาวที่ตกหลุมรักกับนักล่าปีศาจ แต่ความรักครั้งนี้กลับทำให้ตัวเธอเองกลายเป็นปีศาจเป็นเรื่องราวที่ทั้งโรแมนติคและน่าเศร้า ผมอยากนำเรื่องราวนี้ขึ้นจอภาพยนตร์ และทำให้มันดีขึ้น”
โยจิโร่ ทากิตะ
นักแสดง
โซเมโกโร่ อิจิกาว่า (รับเป็น อิซุโม่ วากุราบะ)
บทบาทในละครโทรทัศน์หลายต่อหลายเรื่องทำให้นักแสดงละครคาบุกิมากพรสวรรค์คนนี้เป็นที่รู้จักในหมู่คนดูวงกว้างขึ้น และวันนี้เขาได้ก้าวเท้าเข้ามาในอาณาจักรแห่งใหม่แล้ว - - อาณาจักรแห่งภาพยนตร์
อิจิกาว่าเกิดเมื่อปี 1973 ในโตเกียว เขาเข้าสู่วงการละครคาบุกิตั้งแต่ปี 1979 และได้ฉายาว่า โซเมโกโร่ อิจิกาว่าที่12 เมื่อปี 1981 ต่อมาในปี 1987 ขณะอายุได้ 14 ปี เขาก็กลายเป็นแฮมเล็ตที่อายุน้อยที่สุด ปี 1993 อิจิกาว่าได้แสดงละครของโมสาร์ทเรื่อง Amadeus ร่วมกับ โคชิโร่ มัตสุโมโต้ พ่อของเขาเอง ปี 1995 เขาใช้ชื่อ คินเบน มัตสุโมโต้ในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียนสอนเต้นแบบญี่ปุ่นที่เรียกว่า “บุโย” อิจิกาว่าแสดงนำในละครเวทีหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น By Myself (1997) ของโกกิ มิตานิ, Matroshka (1999), Blood Gets In Your Eyes (2000 & 2003) ของคณะละครชินคันเซน, Aterui (2002) และ The Seven of Skull Castle (2004) Ashura คือผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา
ริเอะ มิยาซาว่า (รับบทเป็น ทสึบากิ)
มิยาซาว่าเกิดที่โตเกียว เมื่อปี 1973 และมีผลงานเรื่องแรกคือ Seven Day’s War (1988) เธอมีผลงานภาพยนตร์ตามมาอีกมากมายรวมถึง BASARA-The Princess Goh (1992) ของฮิโรชิ เทชิกาฮาร่าด้วย มิยาซาว่าเป็นที่รู้จักในญี่ปุ่นมานานแล้ว และเมื่อเร็วๆนี้เธอได้ปรากฎตัวในโปรเจ็กต์ข้ามชาติที่ประสบความสำเร็จหลายต่อหลายเรื่อง สุดยอดการแสดงของเธอใน The Twilight Samurai (2003 กำกับโดย โยจิ ยามาดะ) ทำให้มิยาซาว่าก้าวขึ้นเป็นนักแสดงหญิงแถวหน้าของญี่ปุ่น ในเรื่องนี้เธอได้สร้างตัวละครให้มีชีวิตอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน ผลงานล่าสุดเรื่องอื่นๆของเธอ ได้แก่ Free and Easy 12 (2001), Peony Pavilion (2002) ซึ่งทำให้เธอคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์มอสโคว์มาครองได้สำเร็จ, Tony Takitani (2004) และ Chichi to Kuraseba (2004)
ร่วมแสดงโดย
คานาโกะ ฮิกุจิ
(Casshern) รับบท บิซาน
ฟูมิโยะ โคฮินาตะ
(Casshern, Ring 2, Dark Water) รับบท ทสึรุยะ นันบุโกะ ที่ 4
ทาคาชิ นาอิโตะ (Maboroshi,
Wonderful Life, ให้เสียง Spirited Away) รับบท โนบุยูกิ คุนินาระ
อัตสุโร่ วาตาเบะ (Inugami, Swallowtail
Butterfly) รับบท จากุ เอเบะ
ทีมงาน
ฮิเดชิ มิยาจิม่า อำนวยการสร้าง
คาซุกิ นากาจิม่า บทดั้งเดิม
มาซาชิ โทดายาม่า, ฮาล คาวากุจิ บทภาพยนตร์
คัตสุมิ ยานากิชิม่า
(Zatoichi, Dolls, Battle Royal) ถ่ายภาพ
ทัตสุยะ โอซาดะ แสง
ยูจิ ฮายาชิดะ (Casshern) กำกับศิลป์
โอซามุ โอโนเดระ บันทึกเสียง
ฮาจิเมะ มัตสึโมโต้ (Juon, Ring, Spiral) วิชวลเอ็ฟเฟ็กต์
ยูตะ โมโรกาจิ (Casshern) กำกับคิวบู๊
ดันโกะ ทาเคดะ ออกแบบเครื่องแต่งกาย
โทมู ฮารากุจิ แต่งหน้า
โนบุโกะ โทมิตะ ตัดต่อ
โยโกะ คันโน
(Kamikaze Girl, Cowboy Be-bop) เพลงประกอบ
เพลงปิด“My Funny Valentine” โดย Sting--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ