กรุงเทพฯ--11 ก.ย.--คต.
นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เปิดเผยว่าได้นำคณะผู้แทนการค้าการลงทุนของไทย ประกอบด้วย ผู้แทนภาครัฐและเอกชน เดินทางไปเยือน สปป. ลาว ระหว่างวันที่ 10-11 กันยายน 2551 เพื่อเจรจาขยายลู่ทางการทำการค้าการลงทุนร่วมกัน ผลการหารือสรุปได้ดังนี้
- คณะผู้แทนไทยได้พบหารือกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงโยธาและขนส่ง สปป.ลาว (นายศรีธง ทองแก้ว) ในประเด็นการพัฒนาโลจิสติกส์โดยเน้นความร่วมมือด้านการขนส่งสินค้าทางรถไฟซึ่งจะช่วยลด ต้นทุนด้านโลจิสติกส์ได้ถึง 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับการขนส่งทางรถยนต์ โดยไทยเสนอการลงทุนตั้งศูนย์ขนถ่าย สินค้าทางรถไฟใน สปป. ลาว (ICD : Inter Change Depot) และได้สอบถามนโยบายของรัฐบาลสปป.ลาว ในเรื่องนี้ว่าจะมีแนวทางดำเนินการอย่างไร เช่น รัฐบาล สปป. ลาว จะลงทุนก่อสร้างเอง และให้สัมปทาน ภาค เอกชนบริหาร หรือจะให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนและบริหารโดยตรง
ทั้งนี้ภาคเอกชนไทยมีประสบการณ์ในการบริหาร ICD และพร้อมที่จะเข้าไปบริหาร ICD ใน สปป.ลาว หากรัฐบาล สปป. ลาว จะให้สัมปทานภาคเอกชน ในโอกาสนี้ได้มอบทุนการศึกษาด้านโลจิสติกส์ให้ฝ่าย สปป.ลาวจำนวน 10 ทุน โดยให้มาศึกษาภาคทฤษฎีและฝึกปฎิบัติรวม 5 รุ่น รุ่นละ 4 เดือน
ทั้งสองฝ่ายเห็นร่วมกันที่จะให้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาในรายละเอียดโครงการร่วมกันโดยมอบ ให้ภาคเอกชนฝ่ายไทยคือสมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (TIFFA) และฝ่ายลาวคือ สมาคม ผู้ขนส่งสินค้า (LIFFA) และให้ภาครัฐทั้ง 2 ฝ่ายเข้าไปช่วยสนับสนุน ผลักดัน ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
- พบหารือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแผนการและการลงทุน (นายทองมี พรมวิชัย)
ฝ่ายไทยได้ขอบคุณรัฐบาล สปป. ลาวที่ได้สนับสนุน ดูแลนักลงทุนไทยที่ได้เข้ามาลงทุนในโครงการ ต่าง ๆ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ใน สปป. ลาว ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก เช่น โครงการก่อสร้างเขื่อนพลังงานไฟฟ้า โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงงานน้ำตาล โครงการก่อสร้างโรงงานเอทานอล ซึ่งอยู่ระหว่าง การพิจารณาของรัฐบาล สปป.ลาว นอกจากนั้นนักลงทุนไทยยังมีความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ๆ อีกหลายโครงการ เช่น โครงการก่อสร้างโรงงานถลุงเหล็ก โรงงานถลุงอลูมิเนียม อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ การลงทุนในโลจิสติกส์ เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้น และเชื่อมโยงการค้า การขนส่ง ผลผลิต และการท่องเที่ยวในภูมิภาค
ฝ่าย สปป. ลาวแสดงความชื่นชมนักลงทุนไทยว่ามีการดำเนินการที่ดีและช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ สปป.ลาว ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งยินดีที่จะให้การส่งเสริมเพื่อขยายขนาดของการลงทุน และพร้อมที่จะเปิดรับนักลงทุนไทยในสาขาต่าง ๆ เพิ่มเติม และขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต