กรุงเทพฯ--12 ก.ย.--IANDI COMUNICATION
ต่างชาติสุดประทับใจ อังกอร์เพลงไทยสไตล์คลาสสิกที่เล่นโดยเครื่องสายไทย ซึ่งสามารถผสมผสานกับการเล่นดนตรีสากลของวง ดร.แซ็กเชมเบอร์ ออร์เคสตร้า ได้อย่างลงตัว อันเป็นเหมือนเครื่องชี้ว่า เยาวชนไทยมีศักยภาพต่อการก้าวไปสู่การเป็นสากลได้อย่างมีคุณภาพไม่แพ้วงดนตรีจากต่างประเทศ
การไปร่วมแสดงดนตรีของวงออร์เคสตร้าสายเลือดไทย ดร.แซ็กเชมเบอร์ ออร์เคสตร้า (Dr.Sax Chamber Orchestra) ที่งานประชุมดนตรีระดับโลก ครั้งที่ 28 (The 28th World Conference of The International Society for Music Education “ISME 2008”) ในมหาวิทยาลัยโบลอนญ่า เมืองโบลอนญ่า ประเทศอิตาลี เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สำเร็จลงแล้วด้วยดี พร้อมกับความประทับใจของผู้เข้าชมกว่า 300 คน ซึ่งมีทั้งที่เป็นผู้บริหารการดนตรี ผู้บริหารการศึกษา จากมหาวิทยาลัยดนตรีทั่วโลก และประชาชนทั่วไปที่หลงใหลในเสียงดนตรี ซึ่งทุกคนต่างชื่นชมและประทับใจกับการแสดงของเยาวชนไทย ที่มีจุดเด่นในการนำ “จะเข้” อันเป็นเครื่องดนตรีไทย ไปร่วมเล่นกับวงออร์เคสตร้าด้วย ยืนยันได้จากการลุกขึ้นยืน พร้อมกับปรบมืออย่างไม่ขาดสาย แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของวงดนตรีจากประเทศไทยว่ามีฝีมือเทียบเท่าระดับนานาชาติ
รศ. ดร.สุกรี เจริญสุข ผู้อำนวยการวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ประธานมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข กล่าวว่า วงดนตรีดร.แซ็กเชมเบอร์ ออร์เคสตร้าได้รับความชื่นชมจากผู้ชมอย่างมาก การไปร่วมแสดงครั้งนี้ ทำให้ทั่วโลกได้รู้จักผลงานจากประเทศไทย ซึ่งนับเป็นความสำเร็จและเป็นโอกาสที่ดีมากของเยาวชนไทย การได้ไปแสดงดนตรีในต่างประเทศทำให้เด็กมั่นใจว่า ดนตรีช่วยสนับสนุนให้เขาได้เดินทางไปในที่ต่างๆ ถ้าไม่มีดนตรีก็คงไม่ได้ไปไหน ซึ่งเด็กๆ ต้องมีฝีมือระดับหนึ่ง ถึงทำให้เขาได้ไปอยู่ในระดับนานาชาติเช่นนี้ ขณะเดียวกัน ในภายหน้า ถ้าเขาได้ไปทำงานในต่างประเทศ ดนตรีก็จะช่วยให้เขามีอาชีพ มีอยู่มีกินได้ เขาไปไกลได้แค่ไหน ประเทศไทยก็จะไปกับเขาด้วย
นอกจากการได้แสดงเป็นวงสุดท้ายที่ถือว่าสำคัญแล้ว จุดเด่นสำคัญอีกอย่างของการแสดงของวงดร.แซ็กเชมเบอร์ ออร์เคสตร้า คือ การนำจะเข้ไปร่วมเล่นแบบคลาสสิกกับวงด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นวงเดียวในโลกที่มีการผสมผสานดนตรีพื้นบ้านเข้ากับดนตรีสากลในการเล่นแบบคลาสสิกเช่นนี้ โดยการแสดงดนตรีของวงดร.แซ็กเชมเบอร์ฯ มีสองวัน วันแรกแสดง 30 นาที ซึ่งค่อนข้างจะซีเรียส เพราะเป็นเหมือนการแสดงเพื่อโชว์ศักยภาพของวง น้องๆ ค่อนข้างจะตื่นเต้นและเกร็ง เพราะผู้ชมส่วนใหญ่นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีจากทั่วโลก ประกอบกับความเก่าแก่ของสถานที่ด้วย เนื่องจากเป็นมหาวิทยาลัยเก่าที่มีอายุประมาณสามพันปีมาแล้ว ส่วนอีกวันนั้นเป็นการแสดง 70 นาที ซึ่งน้องๆ ค่อนข้างจะผ่อนคลายกว่า เนื่องจากเป็นการแสดงกล้างแจ้ง (open air concert) เหมือนการแสดงให้ชมทั่วไป
ร้อยเอกประทีป สุพรรณโรจน์ ผู้อำนวยเพลงและผู้เรียบเรียงเพลงประจำวงดร.แซ็กเชมเบอร์ ออร์เคสตร้า กล่าวว่า โชคดีมากที่วงได้แสดงในสองวันสุดท้ายของงาน เพราะวงที่เล่นในวันท้ายๆ นั้น สมาคมเพื่อการศึกษาดนตรีนานาชาติ (International Society for Music Education, ISME) ซึ่งเป็นผู้จัดงานคัดเลือกมาแล้วว่าต้องเป็นวงที่ดีที่สุดในโลก ทุกคนต้องมาดูวงเหล่านี้ให้ได้ ในวันแสดง เด็กทุกคนมีความตั้งใจสูงมากและอยากทำให้ดี และเกร็งเล็กน้อย เพราะคนที่มาดูเราไม่ใช่แค่ประชาชนทั่วไป ถ้าเป็นอย่างนั้นความผ่อนคลายก็จะมีมากกว่า แต่คนที่มาดูเรามีนักวิชาการระดับโลกด้วย นั่นต่างหากที่ทำให้รู้สึกเกร็ง ซึ่งผู้ชมให้การตอบรับดีมาก ลุกขึ้นยืนและปรบมือให้ไม่หยุด อย่างที่เรียกกันว่า “อังกอร์” เหมือนขอเพลงอีก ซึ่งเป็นเครื่องวัดว่าวงดนตรีนี้ได้มาตรฐานสากล วงดร.แซ็กเชมเบอร์ฯ จึงเล่นเพลงคลาสสิกให้ฟังหนึ่งท่อน ประมาณ 7 นาที เพื่อทำให้ผู้ชมเห็นว่า วงของเราที่มาจากประเทศไทยไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน ไม่ใช่เล่นได้แค่เพลงไทย เล่นเพลงคลาสสิกที่เป็นมาตรฐานตะวันตกก็ได้ และเล่นได้ดีด้วย
เพลงไทยที่ใช้ในการบรรเลงเดี่ยวจะเข้ร่วมกับวงดร.แซ็กเชมเบอร์ฯ คือ “เพลงกราวใน” ซึ่งชาวต่างชาติไม่เคยได้ยิน ไม่รู้จักว่าเป็นอย่างไร ร้อยเอกประทีป สุพรรณโรจน์จึงนำมาเรียบเรียงเสียงประสานใหม่ให้เป็นสไตล์คลาสสิก ที่ทุกคนทั่วโลกสามารถฟังได้
“หากเล่นเพลงคลาสสิกทั่วไป เมื่อผู้ชมได้ฟังแล้วชอบ ก็จะปรบมือตามธรรมเนียม ส่วนเพลงกราวในที่วงดร.แซ็กเชมเบอร์ฯ นำไปเล่นนี้ไม่มีใครรู้จักมาก่อน แต่ผู้ชมประทับใจมาก ทั้งที่เป็นสไตล์เพลงไทยเดิม ไม่ได้มีอะไรที่ใหม่ ทำนองยังเป็นไทยเดิมทุกกระเบียดนิ้ว แต่มีการเรียบเรียงเสียงประสานให้เป็นแบบมาตรฐานสากล เป็นดนตรีคลาสสิกแบบตะวันตก เหมือนกับการนำวัฒนธรรมตะวันตก หรือว่าวิธีตะวันตกมารับใช้ดนตรีไทย เพราะเราไม่ได้เดินตามฝรั่ง ก็เหมือนกับคนไทยที่ไปต่างประเทศแล้วใส่สูทผูกเน็กไท แต่จิตใจยังเป็นคนไทยเหมือนเดิม ในกรณีเดียวกัน ทำนองของเพลงกราวในก็ยังเป็นเพลงไทยเหมือนเดิม แต่ใช้การแต่งตัวใหม่ หรือการเรียบเรียงเสียงประสานแบบใหม่ แบบตะวันตก เพื่อให้สามารถฟังได้ทั่วโลก” ร้อยเอกประทีปกล่าว
น้องซอย หรือ น.ส.ตปาลิน เจริญสุข หัวหน้ากลุ่มเชลโล่ ที่ได้บรรเลงเดี่ยวเพลงนกขมิ้น กล่าวด้วยว่า ก่อนแสดงนั้นรู้สึกตื่นเต้นพอสมควร เพราะผู้ชมมีจำนวนมากและต้องเล่นเพลงไทยที่ยังไม่เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ แต่เมื่อแสดงจบก็เห็นปฏิกิริยาของผู้ชมว่า ให้ความสนใจกับเพลงไทยมาก ปรบมือเกรียวกราว คงเพราะแต่ก่อนไม่มีเพลงไทยไปสู่ชาวตะวันตกเลย ซึ่งเหมือนกับว่าวงดร.แซ็กเชมเบอร์ฯ เป็นผู้แทนชาวไทยนำความเป็นไทยไปเผยแพร่สู่สาธารณะ สู่ความเป็นนานาชาติ
น้องซอยยังให้ความเห็นเกี่ยวกับบุคลิกภาพของผู้เล่นดนตรีเพิ่มเติมว่า “เครื่องดนตรีทุกประเภทสามารถพัฒนาบุคลิกภาพของผู้เล่นได้ ทั้งด้านประสบการณ์ สมาธิ และการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เนื่องจากเวลาขึ้นแสดงบนเวที ทุกคนต้องมีความพร้อมและความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งเป็นเหมือนการพัฒนาบุคลิกของตัวเองไปด้วย ทั้งยังช่วยส่งเสริมให้มีสมาธิในการเรียน”
น.ส.อรนาถ จันทรโอภากร หรือน้องอร ผู้บรรเลงเดี่ยวจะเข้ร่วมกับวงออร์เคสตร้า กล่าวว่า ผู้ชมทุกคนได้รับความสุขจากการแสดงของวงดร.แซ็กเชมเบอร์ฯ อย่างแน่นอน และยิ่งมีอังกอร์ด้วย นับว่าเป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับนักดนตรีทุกคน บางคนอาจคิดว่า จะนำจะเข้ไปเล่นกับวงออร์เคสตร้าได้อย่างไร แต่เราก็สามารถทำได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะด้วยความเป็นดนตรีนั่นเองที่ทำให้เครื่องดนตรีของไทยและสากลเกิดความกลมกลืนกันอย่างลงตัว และหากพูดถึงเรื่องศักยภาพด้านดนตรีของเด็กไทย ตนมองว่าเยาวชนบ้านเรานั้นมีอยู่แล้ว และหากได้เรียนตั้งแต่เล็ก ประกอบกับมีครูช่วยชี้แนะ ก็จะสามารถปลูกฝังพื้นฐานที่ดีได้ง่ายและมีพัฒนาการที่รวดเร็ว
ร้อยเอกประทีปผู้อำนวยเพลงฯ ยังให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ศักยภาพของวงดร.แซ็กเชมเบอร์ฯ สามารถสู้วงดนตรีต่างชาติได้แน่นอน และการที่นำเพลงไทยมาเรียบเรียงใหม่ให้เป็นแบบคลาสสิกเพื่อเล่นกับวงออร์เคสตร้านั้นแสดงให้เห็นว่า วงออร์เคสตร้ากับคนไทยไม่ได้ห่างไกลกัน คนไทยทุกคนสามารถฟังเพลงจากวงออร์เคสตร้าได้อย่างเข้าใจโดยไม่จำเป็นต้องเรียนดนตรี ส่วนในอนาคต อยากให้วงเป็นที่รู้จักของทั่วโลก หากคนต่างชาติมาเที่ยวประเทศไทยก็ต้องมาดูการแสดงของวงดร.แซ็กเชมเบอร์ ออร์เคสตร้าให้ได้
แม้ขณะนี้ การเสพดนตรีเพื่อเติมเต็มความสุขในด้านความรู้สึก ยังไม่เห็นเป็นที่แพร่หลายในประเทศไทย แต่อย่างน้อยวงดร.แซ็กเชมเบอร์ ออร์เคสตร้า ก็ได้เริ่มทำให้ทุกคนเห็นแล้วว่า ศักยภาพด้านดนตรีของประเทศไทยไม่แพ้ต่างชาติแน่นอน
สำหรับผู้ที่ต้องการชมความงดงามในการบรรเลงเพลงคลาสสิกของวง ดร.แซ็กเชมเบอร์ ออร์เคสตร้า สามารถติดตามชมได้ในงานคอนเสิร์ต Dr. Sax Chamber Orchestra Solo Night No.8 “The Double Concerto” ซึ่งจัดขึ้นสองรอบ รอบแรก วันที่ 18 กันยายน เวลา 19.00 น. ณ หอแสดงดนตรีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล รอบที่สอง วันที่ 19 กันยายน เวลา 19.30 น. ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บัตรราคา 300 บาท (นักเรียน 150 บาท) รายได้ทั้งหมดมอบให้การกุศล จำหน่ายบัตรที่ Thai Ticketmajor โทร. 0 2262 3456 สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2884 8502, 0 2884 8333 เว็บไซต์ www.sugreefoundation.org, www.aumareemusic.ac.th,
ฝ่ายประชาสัมพันธ์มูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข โทร 0-2270-1350-4 ต่อ 110 หรือ