กรุงเทพฯ--15 ก.ย.--มูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์
ปัจจุบัน สังคมไทยต้องการเยาวชนคนเก่ง เพื่อนำความรู้ความสามารถที่มีอยู่มาพัฒนาประเทศ แต่เก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้องคิดดีทำดีเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อื่นและสังคมด้วย อันเป็นที่มาของจิตอาสาเพื่อสังคม ซึ่งไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไรมากมาย เพียงแค่มี “จิต” ที่ “อาสา” เท่านั้นเอง ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องจิตอาสาของเยาวชนนี้สามารถพบเห็นได้ง่ายๆ จากการช่วยงานภายในบ้าน จากนั้นก็เพียงขยายออกไปสู่สังคมรอบข้าง เช่น โรงเรียน ชุมชน
โรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) มีนโยบายที่จะพัฒนาศักยภาพของนักเรียนผ่านการทำงานกับชุมชน เพื่อจะให้เป็นประสบการณ์ที่ดีในการดำเนินชีวิต สร้างความตระหนักต่องานจิตอาสาของนักเรียน และเพื่อให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาชุมชน ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนได้ ซึ่งตรงกับความประสงค์ของ มูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่มุ่งหวังจะสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพเยาวชนให้มีจิตอาสาต่อสังคมผ่านการเรียนรู้จากชุมชนและสังคมรอบตัว จึงเกิดโครงการ “เรียนรู้ชุมชนและจิตอาสาเพื่อชุมชน” โรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) ขึ้น
นางปิยาภรณ์ มัณฑะจิตร ผู้จัดการมูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมื่อโรงเรียนมีความคิดที่จะทำกิจกรรมจิตอาสา เพื่อให้นักเรียนมีจิตสำนึกที่จะคิดถึงสังคมส่วนรวม อันเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับการทำงานของมูลนิธิฯ คือสนับสนุนการพัฒนาเด็กและเยาวชนไทยให้มีการเรียนรู้จากสังคมรอบตัว นำไปสู่การเกิดจิตอาสา หรือจิตที่สำนึกถึงสังคมโดยรวม ซึ่งจะช่วยเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์มากมายให้แก่เยาวชน จึงเกิดโครงการนี้ขึ้น
นายพลูศักดิ์ เทศนิยม ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิต มศว. ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) กล่าวว่า โครงการนี้จะเป็นโครงการที่ทำให้เยาวชนได้ค้นพบศักยภาพภายในตนเอง ในการเป็นผู้สร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้กับสังคมผ่านกิจกรรมจิตอาสา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสังคมปัจจุบันและภายหน้า เพราะหากมีการปลูกฝังจิตสำนึกด้านจิตอาสา หรือจิตสาธารณะ ต่อการทำงานเพื่อชุมชนแล้ว จะทำให้สังคมไทยเปี่ยมไปด้วยความสุข
โครงการ “เรียนรู้ชุมชนและจิตอาสาเพื่อชุมชน” นี้ นำนักเรียนระดับมัธยมศึกษาจำนวน 79 คน ไปเรียนรู้สังคมเพื่อสร้างจิตสำนึกในการช่วยเหลือผู้อื่น ณ ชุมชนแพรกหนามแดง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ 23-24 สิงหาคม ที่ผ่านมา กิจกรรมค่ายเยาวชนดังกล่าวได้ให้เยาวชนเข้าไปศึกษาพื้นที่ชุมชน ซึ่งมีสองกลุ่ม คือ พื้นที่น้ำจืดและพื้นที่น้ำเค็ม ในพื้นที่น้ำจืดนั้นเยาวชนได้เรียนรู้การทำนาอินทรีย์ ที่ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีในการปลูกข้าวอีกต่อไป และเรียนรู้โรงสีชุมชน ที่ก่อตั้งขึ้นจากความร่วมมือกันของคนในชุมชน เพื่อต้องการขจัดความเอารัดเอาเปรียบจากโรงสีขนาดใหญ่ ส่วนพื้นที่น้ำเค็มนั้นเยาวชนได้เรียนรู้การทำเตาเผาถ่านขนาดเล็ก และการเย็บจากสำหรับมุงหลังคา ซึ่งกว่าทั้งสองสิ่งจะสำเร็จออกมาเป็นถ่านกับตับจากให้นำไปขายเพื่อเป็นรายได้ของครอบครัวนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และยังได้เพิ่มพูนประสบการณ์ชีวิตอันแสนสนุกกับการไปจับกุ้งจับปลาในบ่อ นอกจากนั้น เยาวชนทั้งสองกลุ่มยังต้องศึกษาภูมิปัญญาชุมชน เพื่อนำมาจัดทำ “แผนที่ภูมิปัญญาชุมชน” ด้วย ซึ่งก็สำเร็จลงได้ด้วยดีจากความร่วมแรงร่วมใจของทุกฝ่าย ทั้งจากเยาวชนและชุมชนแพรกหนามแดง
นายสุธาน เทศทิม หรือน้องปู นักเรียนระดับชั้น ม.6 กล่าวว่า ปัจจุบันจิตอาสากับเยาวชนไทยนับว่ามีความสำคัญมาก เพราะถ้าเก่งแล้วมีจิตอาสาด้วย ก็จะสามารถช่วยพัฒนาชุมชน หรือพัฒนาประเทศได้ ซึ่งรู้สึกภูมิใจที่ได้มาทำประโยชน์ให้กับชุมชนแพรกหนามแดง ทั้งยังได้รับประสบการณ์ในการทำงานเป็นกลุ่มกับคนที่เยอะขึ้นกว่าเพื่อนในชั้นเรียน ทำให้เห็นว่าการทำงานจะสำเร็จได้ต้องมีการประสานงานที่ดี
ด.ญ.พิมพ์นิดา อิ่มอกใจ หรือน้องพิมพ์ นักเรียนระดับชั้น ม.2 กล่าวว่า จิตอาสาเป็นเรื่องที่เยาวชนไทยควรให้ความสำคัญ และการมาค่ายเยาวชนครั้งนี้ทำให้ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ทั้งจากเพื่อน รุ่นพี่ที่อยู่ต่างระดับชั้น และชาวบ้าน ได้รับน้ำใจและความเป็นมิตรจากคนในชุมชน ทั้งที่ไม่ใช่ญาติกัน และทำให้เข้าใจว่าอาชีพการทำนานั้นมีความยากลำบากขนาดไหน ทำให้เห็นความสำคัญของคนที่ทำอาชีพนี้มากขึ้น
กิจกรรมที่สำคัญอีกกิจกรรมคือ การระดมความคิดเพื่อ “จิตอาสาในโรงเรียน” ซึ่งแบ่งเยาวชนออกเป็นแปดกลุ่ม แต่ละกลุ่มต้องคิดโครงการขึ้นมาหนึ่งโครงการ เพื่อแก้ปัญหาภายในโรงเรียน หรือส่งเสริมสิ่งที่ดีอยู่แล้วภายในโรงเรียนให้ดียิ่งขึ้นไปอีก จากนั้นต้องนำเสนอให้ทุกคนในค่ายทราบ เพื่อจะได้ร่วมกันคัดเลือกสองโครงการที่ทุกคนเห็นว่าเหมาะสม และสามารถนำไปสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นจริงภายในโรงเรียนได้ โดยโครงการที่ทุกคนลงความเห็นให้เป็นสองโครงการที่ควรเริ่มทำก่อน คือ โครงการตู้น้ำเย็นของโรงเรียน และโครงการพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาโรงเรียน
น.ส.นภัสสร งามธุระ หรือน้องมิ้นท์ นักเรียนระดับชั้น ม.6 กล่าวว่า การระดมความคิดทำโครงการเพื่อโรงเรียนนั้น ทำให้ทุกคนทั้งครูและนักเรียนมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียน และมองเห็นแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน ซึ่งในอนาคตอาจจะมีโครงการต่างๆ เพิ่มขึ้นอีก ส่งผลให้เกิดการพัฒนาโรงเรียนให้ดียิ่งขึ้น และนักเรียนก็จะได้รับประโยชน์ด้วย สำหรับการได้มาค่ายจิตอาสาครั้งนี้รู้สึกประทับใจมาก เพราะได้รับประโยชน์มากมาย และการได้ลงมือปฏิบัติก็ทำให้มองเห็นภาพการทำงานอย่างเป็นรูปธรรม
นางปิยาภรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อเยาวชนทุกคนมองย้อนกลับไปดูกิจกรรมที่ได้ทำ จะตระหนักได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดี ที่ไม่อาจหาได้ในตำราเรียนเล่มไหน และในฐานะที่เป็นพลเมืองของโรงเรียนสาธิต มศว. อยากจะให้อะไรคืนกลับไปยังโรงเรียนบ้าง ซึ่งหวังว่าโครงการเล็กๆ ที่เยาวชนทุกคนร่วมกันคิดจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ประสานให้ทุกคนได้ทำงานจิตอาสาเพื่อโรงเรียนร่วมกันต่อไป
“สำหรับโรงเรียนสาธิต มศว. ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) ที่ให้ความสำคัญกับการทำเรื่องจิตอาสานี้ นับว่าเป็นโรงเรียนที่มีความก้าวหน้ามาก เนื่องจากปัจจุบันมีโรงเรียนบางแห่งเท่านั้นที่ทำโครงการเช่นนี้ ฉะนั้น คาดว่าโรงเรียนสาธิต มศว. น่าจะมีโครงการอะไรดีๆ เกิดขึ้นอีก ซึ่งมูลนิธิฯ ก็ยินดีที่จะสนับสนุนต่อไป เพื่อทำให้เรื่องจิตอาสาที่เกิดขึ้นนี้ยั่งยืนต่อไปในโรงเรียน”
เมื่อเยาวชนไทยมีสำนึกจิตอาสา แล้วร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อโรงเรียนและชุมชนของตน เขาก็จะได้เรียนรู้ว่า ตนเองนั้นมีศักยภาพมากพอที่จะทำสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้เห็นคุณค่าของตัวเอง และเป็นการขยายสังคมจิตอาสาออกไปเรื่อยๆ จนเกิดเป็น “เครือข่ายเยาวชนจิตอาสา” ขึ้นในสังคมไทย